สาเหตุของตากระตุก (Eyelid Twitching) และวิธีจัดการ

อาการ ตากระตุก หรือที่เรียกว่า Eyelid Myokymia เป็นอาการที่กล้ามเนื้อเปลือกตาเกิดการหดเกร็งและกระตุกซ้ำๆ โดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ มักเกิดขึ้นที่เปลือกตาข้างเดียว และส่วนใหญ่มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและหายไปได้เองภายในเวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม การกระตุกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่างที่ซ่อนอยู่
อาการตากระตุกที่พบได้บ่อยมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านการใช้ชีวิต ซึ่งสามารถแบ่งสาเหตุหลัก ๆ ออกได้ดังนี้

1. ภาวะที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและการพักผ่อน
*️⃣ ความเครียด (Stress)
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เมื่อร่างกายและจิตใจมีความเครียดสูง ร่างกายจะหลั่งสารสื่อประสาทบางชนิดออกมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเปลือกตาได้
*️⃣ การพักผ่อนไม่เพียงพอ (Lack of Sleep / Fatigue)
การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้กล้ามเนื้อตาและระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อตาล้า อาจทำให้เกิดการกระตุกได้ง่ายขึ้น

2. ปัจจัยด้านอาหารและเครื่องดื่ม
*️⃣ คาเฟอีน (Caffeine) และแอลกอฮอล์ (Alcohol)
การบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (เช่น กาแฟ ชา) หรือแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก อาจกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็ง รวมถึงกล้ามเนื้อตาด้วย
*️⃣ ภาวะขาดสารอาหารบางชนิด
แม้จะไม่ใช่สาเหตุที่พบได้บ่อย แต่การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น แมกนีเซียม อาจส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ทำให้เกิดอาการกระตุกได้

3. ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา
*️⃣ ตาแห้ง (Dry Eyes)
อาการตาแห้งเป็นปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน การจ้องหน้าจอทำให้กระพริบตาน้อยลง ส่งผลให้ตาแห้งและอาจกระตุ้นให้เกิดการกระตุกได้
*️⃣ การระคายเคืองตา (Eye Irritation)
การแพ้ การติดเชื้อ หรือการระคายเคืองที่ผิวดวงตา เช่น เยื่อบุตาอักเสบ หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา อาจทำให้เกิดการกระตุกของเปลือกตาตามมา
*️⃣ การใช้สายตามากเกินไป (Eye Strain)
เช่น การอ่านหนังสือในที่มืด หรือการจ้องหน้าจอที่ต้องใช้การเพ่งอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้าและกระตุก

4.สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท (พบได้น้อย)
ในกรณีที่อาการกระตุกรุนแรง ต่อเนื่อง หรือลามไปถึงส่วนอื่นของใบหน้า อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาระบบประสาทที่ร้ายแรงกว่า เช่น:
Blepharospasm (ภาวะกล้ามเนื้อตาหดเกร็งผิดปกติ): เป็นอาการกระตุกอย่างรุนแรงและเรื้อรัง จนอาจทำให้เปลือกตาปิดลงได้
Hemifacial Spasm (ภาวะกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกครึ่งซีก): เป็นการกระตุกที่เริ่มจากกล้ามเนื้อตาและลามไปทั่วใบหน้าด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งมักเกิดจากการที่เส้นเลือดไปกดทับเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 (Facial Nerve)

วิธีจัดการและป้องกันตากระตุกเบื้องต้น
สำหรับอาการตากระตุกทั่วไปที่เกิดจากปัจจัยด้านการใช้ชีวิต สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:
พักผ่อนให้เพียงพอ: พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน
จัดการความเครียด: หาเวลานั่งสมาธิ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย
ลดหรือจำกัดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: สังเกตว่าเครื่องดื่มเหล่านี้กระตุ้นอาการหรือไม่
ใช้ยาหยอดตา: หากมีอาการตาแห้ง ควรใช้ยาหยอดตาชนิดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
พักสายตา: ใช้กฎ 20-20-20 คือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองไปที่วัตถุที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา

🛑 ควรไปพบแพทย์เมื่อใด?
หากอาการตากระตุกไม่หายไปภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท:
การกระตุกรุนแรงจนทำให้เปลือกตาปิดสนิท
การกระตุกเริ่มลามไปยังส่วนอื่นของใบหน้า
มีอาการตาแดง มีขี้ตา หรือมีน้ำตาไหลผิดปกติ
เปลือกตาตก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่