บุหรี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประวัติยาวนานและเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมในสังคมหลายประเทศ ผู้คนจำนวนมากเริ่มสูบบุหรี่จากความอยากรู้อยากลอง การเข้าสังคม หรือความเชื่อว่าบุหรี่ช่วยคลายความเครียด แต่ในความเป็นจริง บุหรี่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่สำคัญที่สุดของโลก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สามารถป้องกันได้ บุหรี่มีสารเคมีมากมายหลายพันชนิด โดยในจำนวนนี้มีสารพิษและสารก่อมะเร็งจำนวนมาก เช่น นิโคติน ทาร์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งสารเหล่านี้สะสมในร่างกายและทำลายอวัยวะอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูบเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคนรอบข้างจากควันบุหรี่มือสอง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ และระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง นอกจากนี้ ผู้สูบบุหรี่มักมีคุณภาพชีวิตที่ลดลง อ่อนเพลียง่าย มีสมรรถภาพทางกายแย่ลง และมีความเสี่ยงต่อการติดนิโคตินจนเลิกได้ยาก การเสพติดนี้เป็นตัวผลักดันให้ผู้สูบต้องสูบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความเสียหายต่อร่างกายทวีคูณ
ด้วยเหตุนี้ บุหรี่จึงไม่ใช่เพียงแค่สิ่งเสพติดเล็ก ๆ สำหรับความบันเทิง แต่เป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ บ่อนทำลายสุขภาพ ทรัพย์สิน และคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก การตระหนักรู้ถึงอันตรายและการป้องกัน คือก้าวแรกที่จะลดผลกระทบที่บุหรี่สร้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสังคม.
ในบรรดาสารต่าง ๆ นับพันชนิดในควันบุหรีนั้น มีอยู่ 13 ชนิดที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้ ...
สารเสพติดและระคายเคือง
1. นิโคติน : เป็นสารเสพติดที่ทำให้เกิดการติดบุหรี่อย่างรุนแรง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังรบกวนการขนส่งออกซิเจนในระดับเซลล์และส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
2. แอมโมเนีย : มีฤทธิ์ระคายเคืองอย่างมากต่อเยื่อบุต่างๆ ทำให้แสบตา น้ำตาไหล แสบจมูก และทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมของนิโคตินเข้าสู่สมอง ทำให้ติดบุหรี่ง่ายขึ้น
สารก่อมะเร็ง
3. น้ำมันดิน (Tar) : เป็นสารอันตรายที่สุดในบุหรี่ เป็นละอองของเหลวเหนียวสีน้ำตาลเข้มที่สะสมในปอด ทำลายเนื้อปอดโดยตรงและเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปอดและมะเร็งอื่นๆ
4. ฟอร์มาลดีไฮด์ : เป็นสารก่อมะเร็งที่รู้จักในชื่อ "น้ำยาดองศพ" สามารถแทรกซึมลึกเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรังและมะเร็ง รวมถึงระคายเคืองต่อดวงตาและผิวหนัง
5. โพโลเนียม-210 : เป็นสารกัมมันตรังสีที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอด
6. ควิโนลีน : เป็นสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่ออวัยวะต่าง ๆ
ก๊าซพิษ
7. คาร์บอนมอนอกไซด์ : ก๊าซพิษที่จับกับฮีโมโกลบินในเลือดได้ดีกว่าออกซิเจน ทำให้ขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการมึนงง อ่อนเพลีย เป็นอันตรายต่อหัวใจและสมองอย่างมาก
8. ไฮโดรเจนไซยาไนด์ : ทำลายเยื่อบุผิวของหลอดลมและทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้กลไกการกำจัดเสมหะและสิ่งแปลกปลอมทำงานผิดปกติ นำไปสู่การไอเรื้อรังและโรคปอดเรื้อรัง
9. ไนโตรเจนไดออกไซด์ : ทำลายเนื้อเยื่อปอดโดยตรง โดยเฉพาะถุงลมปอด ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซไม่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่โรคถุงลมโป่งพอง
สารอื่นๆ
10. ไซยาไนด์ : สารพิษที่สามารถทำลายระบบประสาทและหัวใจได้
11. ฟีนอล : เป็นสารระคายเคืองที่ทำให้แสบผิวหนังและดวงตา และอาจมีผลต่อระบบประสาท
12. สไตรีน : สารที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการผิดปกติทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ มึนงง
13. โทลูอีน : เป็นสารที่กดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการผิดปกติทางสมอง เช่น ปวดหัว ง่วงซึม และอาจทำลายตับและไตได้
อันตรายจากควันบุหรี่มือสอง
ควันบุหรี่มือสอง (Secondhand smoke หรือ Environmental Tobacco Smoke - ETS) คือควันที่ผู้ไม่สูบบุหรี่สูดดมเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่มีการสูบบุหรี่ ซึ่งประกอบด้วยสารเคมีอันตรายนับพันชนิด โดยหลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ควันบุหรี่มือสองเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ที่อันตรายมาก
อันตรายและผลกระทบต่อร่างกายมีดังนี้
ผลกระทบต่อผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่สัมผัสควันบุหรี่มือสองมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อมะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง อาจเกิดการระคายเคืองและทำให้อาการของโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด หรือถุงลมโป่งพองแย่ลงได้
ผลกระทบต่อเด็กและทารก
เด็กและทารกมีความเสี่ยงสูงต่อโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน รวมถึงโรคหอบหืดที่รุนแรงขึ้น ควันบุหรี่มือสองยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเฉียบพลันในทารก (SIDS) และมีผลเสียต่อการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์
มีผู้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสองทั่วโลกประมาณ 1.2 ล้านคนต่อปี และในประเทศไทยมากกว่า 20,000 รายต่อปี
ที่มา ... WHO, กรมควบคุมโรค, Wikipedia, Germini, ChatGPT
ความรู้รอบตัว - EP5 : 13 สารพิษสุดอันตรายในควันบุหรี่
ผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูบเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคนรอบข้างจากควันบุหรี่มือสอง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ และระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง นอกจากนี้ ผู้สูบบุหรี่มักมีคุณภาพชีวิตที่ลดลง อ่อนเพลียง่าย มีสมรรถภาพทางกายแย่ลง และมีความเสี่ยงต่อการติดนิโคตินจนเลิกได้ยาก การเสพติดนี้เป็นตัวผลักดันให้ผู้สูบต้องสูบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความเสียหายต่อร่างกายทวีคูณ
ด้วยเหตุนี้ บุหรี่จึงไม่ใช่เพียงแค่สิ่งเสพติดเล็ก ๆ สำหรับความบันเทิง แต่เป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ บ่อนทำลายสุขภาพ ทรัพย์สิน และคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก การตระหนักรู้ถึงอันตรายและการป้องกัน คือก้าวแรกที่จะลดผลกระทบที่บุหรี่สร้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสังคม.
ในบรรดาสารต่าง ๆ นับพันชนิดในควันบุหรีนั้น มีอยู่ 13 ชนิดที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้ ...
สารเสพติดและระคายเคือง
1. นิโคติน : เป็นสารเสพติดที่ทำให้เกิดการติดบุหรี่อย่างรุนแรง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังรบกวนการขนส่งออกซิเจนในระดับเซลล์และส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
2. แอมโมเนีย : มีฤทธิ์ระคายเคืองอย่างมากต่อเยื่อบุต่างๆ ทำให้แสบตา น้ำตาไหล แสบจมูก และทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมของนิโคตินเข้าสู่สมอง ทำให้ติดบุหรี่ง่ายขึ้น
สารก่อมะเร็ง
3. น้ำมันดิน (Tar) : เป็นสารอันตรายที่สุดในบุหรี่ เป็นละอองของเหลวเหนียวสีน้ำตาลเข้มที่สะสมในปอด ทำลายเนื้อปอดโดยตรงและเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปอดและมะเร็งอื่นๆ
4. ฟอร์มาลดีไฮด์ : เป็นสารก่อมะเร็งที่รู้จักในชื่อ "น้ำยาดองศพ" สามารถแทรกซึมลึกเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรังและมะเร็ง รวมถึงระคายเคืองต่อดวงตาและผิวหนัง
5. โพโลเนียม-210 : เป็นสารกัมมันตรังสีที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอด
6. ควิโนลีน : เป็นสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่ออวัยวะต่าง ๆ
ก๊าซพิษ
7. คาร์บอนมอนอกไซด์ : ก๊าซพิษที่จับกับฮีโมโกลบินในเลือดได้ดีกว่าออกซิเจน ทำให้ขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการมึนงง อ่อนเพลีย เป็นอันตรายต่อหัวใจและสมองอย่างมาก
8. ไฮโดรเจนไซยาไนด์ : ทำลายเยื่อบุผิวของหลอดลมและทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้กลไกการกำจัดเสมหะและสิ่งแปลกปลอมทำงานผิดปกติ นำไปสู่การไอเรื้อรังและโรคปอดเรื้อรัง
9. ไนโตรเจนไดออกไซด์ : ทำลายเนื้อเยื่อปอดโดยตรง โดยเฉพาะถุงลมปอด ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซไม่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่โรคถุงลมโป่งพอง
สารอื่นๆ
10. ไซยาไนด์ : สารพิษที่สามารถทำลายระบบประสาทและหัวใจได้
11. ฟีนอล : เป็นสารระคายเคืองที่ทำให้แสบผิวหนังและดวงตา และอาจมีผลต่อระบบประสาท
12. สไตรีน : สารที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการผิดปกติทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ มึนงง
13. โทลูอีน : เป็นสารที่กดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการผิดปกติทางสมอง เช่น ปวดหัว ง่วงซึม และอาจทำลายตับและไตได้
อันตรายจากควันบุหรี่มือสอง
ควันบุหรี่มือสอง (Secondhand smoke หรือ Environmental Tobacco Smoke - ETS) คือควันที่ผู้ไม่สูบบุหรี่สูดดมเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่มีการสูบบุหรี่ ซึ่งประกอบด้วยสารเคมีอันตรายนับพันชนิด โดยหลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ควันบุหรี่มือสองเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ที่อันตรายมาก
อันตรายและผลกระทบต่อร่างกายมีดังนี้
ผลกระทบต่อผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่สัมผัสควันบุหรี่มือสองมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อมะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง อาจเกิดการระคายเคืองและทำให้อาการของโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด หรือถุงลมโป่งพองแย่ลงได้
ผลกระทบต่อเด็กและทารก
เด็กและทารกมีความเสี่ยงสูงต่อโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน รวมถึงโรคหอบหืดที่รุนแรงขึ้น ควันบุหรี่มือสองยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเฉียบพลันในทารก (SIDS) และมีผลเสียต่อการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์
มีผู้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสองทั่วโลกประมาณ 1.2 ล้านคนต่อปี และในประเทศไทยมากกว่า 20,000 รายต่อปี
ที่มา ... WHO, กรมควบคุมโรค, Wikipedia, Germini, ChatGPT