ณัฐชา แนะ พม. รับช่วงต่อให้ดี เร่งระดมนักสังคมสงเคราะห์-นักจิตวิทยา ลงพื้นที่หาดใหญ่ ดูแลผู้สูญเสีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5478234
.

.
ณัฐชา แนะ พม. รับช่วงต่อให้ดี เร่งระดมนักสังคมสงเคราะห์–นักจิตวิทยา ลงพื้นที่หาดใหญ่ พร้อม ตั้งศูนย์ประสานงานครอบครัวผู้สูญเสียโดยด่วน
.
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวถึงความกังวลต่อสถานการณ์หลังน้ำลดในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีการพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ควรรับช่วงภารกิจต่อ จากหน่วยกู้ภัยและท้องถิ่นอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในด้านการดูแลผู้ประสบภัย การช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย และการจัดการศพตามหลักวิชาการและหลักมนุษยธรรม
.
นาย
ณัฐชา กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่รัฐต้องเร่งเสริมกำลังบุคลากร สหวิชาชีพลงพื้นที่ได้แล้ว ตอนนี้ช้าไปมาก โดยกล่าวว่า “ระบบจัดการศพต้องพร้อม ทีมสังคมสงเคราะห์ต้องแข็งแรง นี่คือสิ่งที่รัฐต้องมี” พร้อมชี้ว่าในสถานการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทันที ทั้งนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และทีมนักพัฒนาชุมชน เพื่อทำหน้าที่คัดกรอง ให้คำปรึกษา เยียวยาจิตใจ และประสานงานเอกสารสำคัญให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว
.
นาย
ณัฐชา กล่าวต่อว่า กระทรวง พม. ควรทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข ตำรวจ แพทย์นิติเวช และองค์กรด้านป้องกันภัยพิบัติ จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานครอบครัวผู้สูญเสีย” เพื่อให้บริการตรวจสอบข้อมูลผู้เสียชีวิต การพิสูจน์อัตลักษณ์ และการจัดการศพอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ลดความสับสน ลดความทุกข์จากการรอคอย และทำให้ครอบครัวสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างโปร่งใสและเป็นระบบ
.
งานจัดการศพอาจเป็นหน้าที่ของตำรวจและแพทย์นิติเวช แต่งานดูแลใจคน เป็นภารกิจที่นักสังคมสงเคราะห์ ต้องเข้าไปเติมเต็ม เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ต่อผู้เสียชีวิต แต่คือบาดแผลทางใจของผู้ที่ยังอยู่ ครอบครัวผู้สูญเสียจำนวนมากอยู่ในภาวะช็อก ต้องเผชิญภาพที่ยากจะยอมรับได้ และยังต้องเดินผ่านขั้นตอนราชการที่ซับซ้อนท่ามกลางความเศร้าโศกอย่างหนัก จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมสงเคราะห์และด้านจิตเวชเข้าไปช่วยประคับประคองอย่างใกล้ชิด
.
”
นักสังคมสงเคราะห์มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอน เช่น การช่วยประคับประคองครอบครัวผู้สูญเสียในช่วงช็อก การอธิบายขั้นตอนนิติเวชและภาษาราชการให้เข้าใจง่าย การลดความสับสนและดูแลด้านอารมณ์ การประสานสิทธิ เยียวยา และขั้นตอนเอกสาร การส่งต่อบริการสุขภาพจิตเมื่อจำเป็น และการดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่สูญเสียผู้ดูแล เป็นต้น
.
บทบาทเหล่านี้ไม่เพียงซัพพอร์ตด้านจิตใจแต่ยังครอบคลุมการประเมินความเสี่ยง วางแผนช่วยเหลือเฉพาะราย และจัดหาทรัพยากรจำเป็น ให้เข้าถึงสิทธิ เพื่อให้ทุกครอบครัวได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม ไม่ถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างหลังระหว่างวิกฤติ“ นาย
ณัฐชา กล่าว
.
.
สมชัย เรียกร้อง อนุทิน ลาออก แสดงความรับผิดชอบบริหารผิดพลาดน้ำท่วมใต้ ทำแบบหวังคะแนนเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5478222
.
“สมชัย” เรียกร้อง “อนุทิน” ลาออกแสดงความรับผิดชอบทางการบริหารผิดพลาด เหตุน้ำท่วมใต้ ทำแบบหวังคะแนนเสียง เพื่อเปิดทางรัฐบาลใหม่บริหารไม่ต้องรีบยุบสภาเลือกตั้งเอาเงินมาช่วยผู้ประสบภัย
.
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เรียกร้องความรับผิดชอบการบริหารงานของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กรณีแก้ปัญหาน้ำท่วมใต้ ว่าฝนตกหนักเป็นธรรมชาติที่ห้ามไม่ได้ น้ำท่วมสูงก็เป็นสิ่งที่เกิดตามมา แต่การบริหารจัดการช่วยเหลือผู้คนที่ติดค้างให้มีชีวิตรอดด้วยความรวดเร็วมีประสิทธิภาพ เป็นเรื่องที่มนุษย์จัดการได้ ท้องถิ่นอาจบกพร่องในการประเมินสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง แต่เขาก็มีข้อจำกัดทั้งเครื่องมือและกำลังคน จึงเป็นหน้าที่ของส่วนกลางในการตัดสินใจใช้กลไกการบริหารและระดมกำลังลงมาช่วยเหลือ
.
นายสมชัย กล่าวว่า แม้ระบบราชการจะเป็นอุปสรรค อุ้ยอ้าย และไม่คุ้นเคยกับการบริหารในภาวะวิกฤต แต่ฝ่ายการเมืองที่กำกับไม่สามารถผลักความรับผิดชอบออกจากตัวได้ เพราะมีอำนาจสูงสุดที่จะใช้กลไกใด ๆ ใช้บุคลากรใด ๆ ก็ได้ เพื่อช่วยชีวิตผู้คนเป็นอันดับแรก
.
ความล่าช้าในการดำเนินการ ความสับสนในการสั่งการ การทำงานเพื่อมุ่งสร้างภาพสร้างคะแนนนิยม มากกว่าการแก้ปัญหาที่ทุกนาทีมีความสำคัญต่อชีวิตของคนนับหมื่นที่ติดค้าง ขาดน้ำ ขาดอาหาร และไม่น้อยที่เป็นคนป่วย คนสูงอายุ เด็กอ่อน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าหนึ่งร้อยคน
.
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ จึงไม่ใช่การชี้นิ้วหาผู้รับผิดและพูดคำเดิมซ้ำซากว่ารัฐบาลไม่ล่าช้า แต่นายกอนุทินและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะควรออกมาโค้งขอโทษประชาชนที่ยังไม่สามารถใช้กลไกการบริหารในการช่วยเหลือประชาชนอย่างได้ผล การขอรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งและเปิดโอกาสให้สภาผู้แทนลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น คือ การแสดงออกถึงความรับผิดชอบและเป็นความสง่างามสูงสุด
.
นายสมชัย ยังกล่าวว่าการลาออก สภายังอยู่ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเดินหน้าต่อเนื่อง และหากสภาผู้แทนราษฎร เห็นสมควรว่าใครควรจะเป็นนายก ก็ลงมติเลือกคนนั้น หากสภาเห็นว่านายอนุทิน ยังเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน ก็ลงมติกลับมาได้ หรือหากพรรคประชาชน จะร่วมมือกับใคร จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากที่ตัวเป็นแกนนำ ก็เป็นโอกาสในการแสดงความสามารถในการบริหารประเทศ แก้ทั้งปัญหาชายแดน ปัญหาสแกมเมอร์ และ การเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างได้ผล แบบนี้ก็ยังไม่ต้องยุบสภา ไม่ต้องรีบประชามติ เอาเงินเลือกตั้งเกือบหมื่นล้านไปช่วยภาคใต้ก่อน
.
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02XsxG8skHi4vbdsSetCSosYcqLDzKYiS4sbWLhyR8H5QokGi6gtm8K2f4utFnbqirl
.
.
ไอเอ็มเอฟหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชา ชี้พิษตึงเครียดชายแดนไทยฉุดหนัก
https://www.dailynews.co.th/news/5346651/
.
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาสำหรับปี 2568 จาก 6.2% เหลือ 4.8% และลดเหลือ 4% ในปี 2569
.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ว่า รายงานของไอเอ็มเอฟอ้างอิงถึงผลกระทบเชิงลบจากหลายปัจจัย ทั้งความตึงเครียดบริเวณชายแดนกับไทย จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และกิจกรรมในภาคการเงินที่ซบเซา
.
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของกัมพูชามีความเร่งตัวและเติบโตได้ถึง 6% เมื่อปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกภาคสิ่งทอและการเกษตร รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งแนวโน้มที่ดีนี้ได้สานต่อมาจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทำให้ในช่วงนั้นมีการประมาณการว่า เศรษฐกิจของกัมพูชาอาจขยายตัวถึง 6.2% ในปี 2568
.
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งประเด็นพิพาททางการค้า ความตึงเครียดตามแนวชายแดนกับไทย และการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัว เผยให้เห็นถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และเป็นสัญญาณของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
.
รายงานของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะลดลงเหลือ 4.8% ในปีนี้ และดำดิ่งลงไปอีกเหลือ 4% ในปี 2569 ซึ่งการปรับลดตัวเลขครั้งนี้ เป็นผลมาจากการสูญเสียรายได้จากเงินที่แรงงานส่งกลับประเทศ และภาวะถดถอยด้านการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะฉุดรั้งอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่มาตรการรีดภาษีของสหรัฐ จะส่งผลให้รายได้จากการส่งออกลดลง
.
ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดตามแนวชายแดนที่ปะทุขึ้นใหม่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงขึ้นต่ออุปสงค์ภายในกัมพูชา รวมถึงเสถียรภาพของภาคการท่องเที่ยวและภาคการเงิน
.
นอกจากนี้ หนี้ภาคเอกชนที่อยู่ในระดับสูง หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความอ่อนแอในการกำกับดูแลธรรมาภิบาล อาจซ้ำเติมความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินอีกด้วย
.
เครดิตภาพ : AFP
JJNY : ณัฐชาแนะ พม.รับช่วงต่อให้ดี│สมชัยเรียกร้องอนุทินลาออก│IMF หั่นคาดการณ์ศก.กัมพูชา│อินโดนีเซีย-ศรีลังกาเผชิญน้ำท่วม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5478234
.
.
ณัฐชา แนะ พม. รับช่วงต่อให้ดี เร่งระดมนักสังคมสงเคราะห์–นักจิตวิทยา ลงพื้นที่หาดใหญ่ พร้อม ตั้งศูนย์ประสานงานครอบครัวผู้สูญเสียโดยด่วน
.
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวถึงความกังวลต่อสถานการณ์หลังน้ำลดในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีการพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ควรรับช่วงภารกิจต่อ จากหน่วยกู้ภัยและท้องถิ่นอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในด้านการดูแลผู้ประสบภัย การช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย และการจัดการศพตามหลักวิชาการและหลักมนุษยธรรม
.
นายณัฐชา กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่รัฐต้องเร่งเสริมกำลังบุคลากร สหวิชาชีพลงพื้นที่ได้แล้ว ตอนนี้ช้าไปมาก โดยกล่าวว่า “ระบบจัดการศพต้องพร้อม ทีมสังคมสงเคราะห์ต้องแข็งแรง นี่คือสิ่งที่รัฐต้องมี” พร้อมชี้ว่าในสถานการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทันที ทั้งนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และทีมนักพัฒนาชุมชน เพื่อทำหน้าที่คัดกรอง ให้คำปรึกษา เยียวยาจิตใจ และประสานงานเอกสารสำคัญให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว
.
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า กระทรวง พม. ควรทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข ตำรวจ แพทย์นิติเวช และองค์กรด้านป้องกันภัยพิบัติ จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานครอบครัวผู้สูญเสีย” เพื่อให้บริการตรวจสอบข้อมูลผู้เสียชีวิต การพิสูจน์อัตลักษณ์ และการจัดการศพอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ลดความสับสน ลดความทุกข์จากการรอคอย และทำให้ครอบครัวสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างโปร่งใสและเป็นระบบ
.
งานจัดการศพอาจเป็นหน้าที่ของตำรวจและแพทย์นิติเวช แต่งานดูแลใจคน เป็นภารกิจที่นักสังคมสงเคราะห์ ต้องเข้าไปเติมเต็ม เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ต่อผู้เสียชีวิต แต่คือบาดแผลทางใจของผู้ที่ยังอยู่ ครอบครัวผู้สูญเสียจำนวนมากอยู่ในภาวะช็อก ต้องเผชิญภาพที่ยากจะยอมรับได้ และยังต้องเดินผ่านขั้นตอนราชการที่ซับซ้อนท่ามกลางความเศร้าโศกอย่างหนัก จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมสงเคราะห์และด้านจิตเวชเข้าไปช่วยประคับประคองอย่างใกล้ชิด
.
”นักสังคมสงเคราะห์มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอน เช่น การช่วยประคับประคองครอบครัวผู้สูญเสียในช่วงช็อก การอธิบายขั้นตอนนิติเวชและภาษาราชการให้เข้าใจง่าย การลดความสับสนและดูแลด้านอารมณ์ การประสานสิทธิ เยียวยา และขั้นตอนเอกสาร การส่งต่อบริการสุขภาพจิตเมื่อจำเป็น และการดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่สูญเสียผู้ดูแล เป็นต้น
.
บทบาทเหล่านี้ไม่เพียงซัพพอร์ตด้านจิตใจแต่ยังครอบคลุมการประเมินความเสี่ยง วางแผนช่วยเหลือเฉพาะราย และจัดหาทรัพยากรจำเป็น ให้เข้าถึงสิทธิ เพื่อให้ทุกครอบครัวได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม ไม่ถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างหลังระหว่างวิกฤติ“ นายณัฐชา กล่าว
.
.
สมชัย เรียกร้อง อนุทิน ลาออก แสดงความรับผิดชอบบริหารผิดพลาดน้ำท่วมใต้ ทำแบบหวังคะแนนเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5478222
.
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02XsxG8skHi4vbdsSetCSosYcqLDzKYiS4sbWLhyR8H5QokGi6gtm8K2f4utFnbqirl
.
.
ไอเอ็มเอฟหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชา ชี้พิษตึงเครียดชายแดนไทยฉุดหนัก
https://www.dailynews.co.th/news/5346651/
.
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาสำหรับปี 2568 จาก 6.2% เหลือ 4.8% และลดเหลือ 4% ในปี 2569
.
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งประเด็นพิพาททางการค้า ความตึงเครียดตามแนวชายแดนกับไทย และการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัว เผยให้เห็นถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และเป็นสัญญาณของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
รายงานของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะลดลงเหลือ 4.8% ในปีนี้ และดำดิ่งลงไปอีกเหลือ 4% ในปี 2569 ซึ่งการปรับลดตัวเลขครั้งนี้ เป็นผลมาจากการสูญเสียรายได้จากเงินที่แรงงานส่งกลับประเทศ และภาวะถดถอยด้านการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะฉุดรั้งอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่มาตรการรีดภาษีของสหรัฐ จะส่งผลให้รายได้จากการส่งออกลดลง
ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดตามแนวชายแดนที่ปะทุขึ้นใหม่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงขึ้นต่ออุปสงค์ภายในกัมพูชา รวมถึงเสถียรภาพของภาคการท่องเที่ยวและภาคการเงิน
นอกจากนี้ หนี้ภาคเอกชนที่อยู่ในระดับสูง หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความอ่อนแอในการกำกับดูแลธรรมาภิบาล อาจซ้ำเติมความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินอีกด้วย
https://twitter.com/phnompenhpost/status/1994001049435115666