นอกจากรีไฟแนนซ์ รีเทนชั่น มีอีกสิ่งที่คนผ่อนบ้านหลายคนยังไม่รู้ คือขอลดค่างวดต่อเดือนได้นะครับ มาดูรายละเอียดกัน

ต้องรู้ก่อน 1 : รายละเอียดขึ้นอยู่กับสัญญาของแต่ละธนาคาร
ต้องรู้ก่อน 2 : มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ อ่านให้ละเอียดนะครับ
ต้องรู้ก่อน 3 : การขอลดค่างวด อาจทำให้ระยะเวลาผ่อนนานขึ้น ตัดต้นน้อยลง โปรดศึกษาเงื่อนไขก่อนทำสัญญากับธนาคาร

หลัก ๆ คนทั่วไปจะนิยม รีไฟแนนซ์ รีเทนชั่นกัน เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลงใช่มั้ยครับ แต่สิ่งนึงที่หลายคนมองข้ามไป คือ การขอลดค่างวดผ่อนต่อเดือนครับ
แบบที่ไม่ใช่การขอปรับโครงสร้างหนี้นะ เป็นการขอลดค่างวดผ่อน เพื่อทำให้เราสบายตัวขึ้น หลังจากผ่านการผ่อนอย่างดีมาเป็นระยะเวลานึง ไม่ค้างชำระใดๆ

มาถึงตรงนี้คนอ่านหลายท่านก็จะแบบ เฮ้ยยยย ผ่อนดี ๆ จะไปขอลดทำไม???!!!  ลดแล้วก็ยิ่งต้องผ่อนนานขึ้นสิ ถูกต้องครับ ถ้ามองในเรื่องตัวเงินอย่างเดียว แต่การขอลดค่างวด อาจจะมีประโยชน์ โดยเฉพาะในสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ด้วยนะครับ

_____________________________________________________________________

ข้อดีของการขอลดค่างวดผ่อนต่อเดือน คือ ช่วยทำให้เราคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจาก ค่างวดเดิม จะคิดจาก ยอดเงินกู้ xดอกเบี้ย และ หารด้วยระยะเวลาผ่อนทั้งหมดใช่มั้ยครับ ดังนั้น เมื่อเราผ่อนมาได้ระดับนึง เงินต้นเราลดลงไปพอสมควรแล้ว การคำนวนตรงนี้ ก็อาจจะทำให้ขอลดค่างวดได้ครับ

ตัวอย่างชัด ๆ สำหรับคนที่ใช้ประโยชน์จากเคสนี้ได้ คือ

1. คนที่อายุน้อย เหลือเวลาผ่อนในชีวิตอีกนาน ตอนกู้อาจจะอายุ 25 ตั้งใจว่า ขอกู้ไปนานๆ ไว้ก่อน (ใครจะอยากกู้สั้น ๆ ผ่อนหนัก ๆ อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนในชีวิตเนาะ 5555) ขอไป  30 ปีจบ อายุ 55 ปี  พอผ่อนไปสักระยะ ก็ขอยืดระยะเวลาผ่อน พร้อมลดค่างวดลง อาจจะยืดไปได้อีก 5-10 ปี แล้วแต่ ธนาคาร ไปผ่อนจบอายุ 65 อะไรแบบนี้ พอระยะยืด เงินค่างวด ก็จะลดลงได้ครับ

2. คนที่รู้สึกว่า อนาคตข้างหน้าไม่แน่นอน เช่น ไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ หรือ กำลังจะเปลี่ยนงาน ตกงาน หรือ เผื่อไว้เฉยๆ อาจจะเพราะกังวลกับสภาวะอนาคต แต่ยังพอมีเงินสำรองให้ผ่อนได้ หรือ ยังพอหาเงินได้ แต่อาจจะไม่เท่าเดิม ก็จะช่วยยืดหยุ่นชีวิต ให้ไม่ต้องเครียดมากเกินไป ถ้าผ่อนได้ตามปกติ ก็ไม่มีปัญหา ถ้าติดขัดขึ้นมา ยังพอมีสำรอง ไม่หนักมาก และ มีเวลา ให้แก้ไขได้ จะได้ไม่เสียเครดิต เพราะถึงเราผ่อนโปะดีมาตลอด แต่ถ้าเราขาดส่งสักงวด หรือส่งไม่ครบสักงวด จะเป็นปัญหาทันทีครับ

_____________________________________________________________________

คำถามต่อมาคือ ใครที่สามารถขอลดค่างวดแบบนี้ได้ ?

คนที่สามารถขอลดค่างวดแบบนี้ คือ

  - คนที่ผ่อนมาในสัญญาได้สัก 3 ปี หรือ นานกว่านั้น ผ่อนตรง ไม่มีประวัติค้างชำระ
  - คนที่โปะมาตลอด ย้ำ โปะ มาตลอด เพราะจะทำให้เงินต้นที่คำนวนในครั้งแรก ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้มีช่องคำนวนลดค่างวดได้ เมื่อเทียบกับเวลาที่เหลือ คนที่ไม่โปะ จะขอลดได้ยากมาก เพราะเงินต้นมันแทบไม่ลดในปีแรก ๆ
---------------------------------------------------------------------------
ยกตัวอย่างสถานการณ์นะครับ

นาย A กู้มาซื้อบ้าน 1 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาผ่อน 30 ปี โดยสมมตินะครับ ว่าเค้าผ่อน 7 พันบาท  ในสัญญาระบุว่า ต้องผ่อนให้หมดใน 30 ปีนู่นนี่

แต่ถ้าลองมานั่งคำนวนจริงๆ จะพบว่า ถ้าผ่อนเรทนี้ แบบไม่โปะเลย ตามดอกเบี้ยที่สัญญาเขียนไว้ อาจจะผ่อนหมดได้ในระยะเวลา 17 ปี (จากกำหนดจริงๆ 30ปี)  

ระหว่างผ่อน นาย A โปะบ้านมาตลอด เดือนละ 2000 บาท เพราะงานกำลังรุ่ง โบนัสเยอะ

พอผ่าน 3 ปี ระยะเวลาจบหนี้ของเค้า เหลือแค่ 15 ปีครับ จากการโปะของเค้า (ยังไม่ได้ขอรีเทนชั่นรีไฟแนนซ์อะไรนะ ปี 4 ดอกเบี้ยยังแพงอยู่)

---------------------------------------------------------------------------

นาย A เลยยื่นขอทำเรื่องลดค่างวดลง จาก 7,000 เหลือ 5,000 ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาผ่อนจบ ยืดออกกลายเป็น 22 ปีแทน

และพอขอรีเทนชั่นไปด้วย ดอกเบี้ยลดลง จนระยะเวลาผ่อน เหลือ 19 ปี (สามารถทำพร้อมกันได้นะครับ การขอรีเทนชั่น กับ ขอลดค่างวดผ่อน)

ซึ่งบังเอิญนาย A กำลังจะย้ายงานพอดี ยังไม่มั่นใจ ว่าจะผ่อน 7- 9 พันเหมือนเดิมได้มั้ย ต้องทดลองงานดูก่อน ทำให้ในช่วงนี้ เค้าสามารถผ่อน 5 พันได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องดิ้นรถผ่อน 7 พัน ให้เหนื่อย พอเค้าทำงานจนโอเค บรรจุแล้ว ก็กลับมาผ่อนโปะ ๆ  9 พันเหมือนเดิม

พอเห็นภาพมั้ยครับ ว่ามันช่วยยังไง...

_____________________________________________

สำหรับผมเอง ผมก็กำลังจะทำเรื่องขอลดค่างวดผ่อนเหมือนกันครับ เพราะยอดคงเหลือของผมมันเหลือน้อยกว่าค่างวดที่เค้าคำนวนมาตอนแรกเยอะแล้วครับ หลังผ่อนไป 3 ปี แต่สุดท้าย ผมก็ผ่อน+โปะ เท่าเดิม ที่ขอลดเพราะเผื่อสถานการณ์ไม่ดี จะได้พอเอาเงินสำรองมาผ่อนได้ครับ


การยื่นขอลดค่างวดผ่อน สามารถขอเอกสารได้จากเจ้าหน้าที่ธนาคาร และสามารถทำพร้อมกับการขอรีเทนชั่นได้นะครับ ใครมั่นใจว่า ผ่อนลดไปเยอะแล้ว หรือ อยากขอยืดเวลาผ่อนออกไปเพื่อให้ค่างวดลดลงเพราะอายุยังน้อย ก็ลองไปทำดูนะครับ วินัยการผ่อนเราเหมือนเดิม แต่ขอลดเพื่อเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินอะไรหลาย ๆ อย่างในช่วงนี้ เข้าสูตรเหมือนกับที่เราขอกู้แรก ๆ คือ

ขอกู้ให้ยาว เพื่อให้ยอดผ่อนน้อยๆ เผื่อเอาไว้ แต่รีบผ่อน+โปะให้ไว จะได้จบเร็ว นั่นเองครับ

ก็ฝากไว้เป็น 1 ข้อมูลนะครับ ใครผ่อนสบาย ๆ ก็ไม่ต้องสนใจ แต่ใครคิดว่า กำลังจะเจอสถานการณ์ไม่แน่นอน ก็ลองขอปรับค่างวดดูได้ ก่อนที่เราจะผ่อนไม่ไหว และต้องไปขอปรับโครงสร้างหนี้ภายหลังนะครับ(ซึ่งกระทบเครดิตของเรา) ป้องกันไว้ รักษาเครดิตไว้ เป็นดีที่สุดครับ

ใครเคยมีประสบการณ์ขอลดค่างวด (แบบที่ไม่ใช่ปรับโครงสร้างหนี้) บ้าง มาแชร์ให้เพื่อน ๆ มือใหม่หัดผ่อนกันได้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่