วิเศษคุณศัพท์ ซึ่ง นิรุตติ หรือ วิมุตติ คืออะไร?
☺ ในเรื่องของข้อสังเกตพิเศษ ดังต่อไปนี้
“ถ้ามีผู้ศึกษา ใหม่ ๆ เกิดขึ้น หรือ บ้างก็มีอยู่ ที่จะเรียนไปตามแบบวิธีเก่า หรือหลงไหลความครึ ความโบราณ, แต่ ทว่า คนเหล่านั้น เปรียบดั่ง เป็นพี่ชาย เป็นพี่หญิงน้องหญิง เป็นปู่ย่าตาทวด ลูกหลานเหลนโหลน ญาติมิตรสหาย ของพระ ตามวัดป่าบ้านนอก หลวงตา หลวงปู่วัดบ้านนอก ฉะนั้น พระบ้านนอก เรา ก็เปรียบดังนั้น เช่นกัน ดังนั้น โดยมาก พระท่าน จึง มักจะสอน จะบอก ให้อ่านเริ่มไปจาก การ อ่านคำเดียว หรืออ่านแค่ ‘วันละคำ ก็พอ’ คือรู้ แค่คำว่า ‘พุท-โธ คำเดียว ศัพท์เดียว’ แล้วก็บริกรรมหาผล หรือ ค้นหาตรวจตราในทางวิเคราะห์วิจัย หาพลความในเรื่อง นั้นๆ , โดยไม่ต้องยกเรื่อง ยาว ๆ ไปหาใคร หรือสืบไป สื่อไปโดย หาต้นหาปลายอะไรไม่ได้เลย อยู่เท่านั้น เพราะคิดว่าอ่านแล้วจะได้บรรลุ, คือเข้าใจว่า อ่านโดยไม่ติดขัดเลย แล้วจะบรรลุ, คืออ่านจนน้ำลายหวาน อ่านจนตัวเบา อ่านจนระบายลมออกยาวทางปากทางจมูก แล้วก็ฟุบหลับ, เช่นนี้ คือเรื่องนักอ่าน และนักศึกษา ที่ยังไม่ได้มีใด ปรารภ
คือ กุลบุตรเหล่านี้ หรือท่านผู้ดี ผู้ประเสริฐเหล่านี้ ยังอ่านหนังสือเข้าหัว ยังรับฟังเรื่องต่าง ๆ เข้าหู ยังดูสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ อย่างที่จะมีความจดจำ, โดยมาก ก็จะออกอาการ ยกมาถามเยอะ ๆ หรืออวด เยอะ ๆ อย่างนั้น, ซึ่งก็ทำให้น่าตลก และก็น่าเอ็นดูได้, ครั้ง แต่ จะบอกจะเตือน ให้หาประโยชน์ แท้ ก็ จะพึงต้องอธิบายบ้างพอสมควร, เช่นว่า ให้ประพฤติธรรมมีปรารภ ด้วยเรื่อง มีเหตุ มีคติ มีความพากเพียรพยายามที่จะหาข้อสรุป หรือบทสรุปทางการวิจัย แล้ว จึงยกเรื่อง ต่าง ๆ นั้น แต่ แบบที่มีประเด็น เข้ามาถาม หรือหาส่วนร่วมกับ พี่ ๆ น้อง ๆ หรือ เพื่อน ๆ ในนี้
ซึ่งว่า คุณปู่ คุณตา หรือเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในที่นี้ ฉะนั้น ก็อาจที่จะให้คำสำทับที่มีประโยชน์ ที่เป็นประโยชน์ ได้, ซึ่ง โดยมากแล้ว ย่อมมิได้ไถ่ถามกันในเรื่องจริยธรรม สถานภาพ และมิได้ไถ่ถามกันเรื่อง วิมุตติ! อาทิ ‘วิมุตติ แห่ง ศีล สมาธิ หรือปัญญา’, แต่โดยมาก พี่ ๆ น้อง ๆ ใน นี้ แสดงกันไป หรือสำทับกันไปในเรื่อง ความตื้น-ลึก แคบหรือกว้าง วิบัติ หรืออุบัติ การณ์ กรณี กันเรื่อง นิรุตติ! อันเป็น อาทิ ‘แห่งชื่อ บัญญัติ และภาษา’, โดยเฉพาะ ถ้าแท็กคำถาม หรือกระทู้มาที่ แท็กพระไตรปิฎกเหล่านี้ หรือมุ่งแต่ ปรารภธรรม ปรารภเหตุ และปรารภคติ ของ ‘กองงานเหล่านี้’ อันกล่าวแค่ความเสมอกัน กับงานที่ทำ หรือที่อาจจะ รู้เสมอ หรือ ‘รู้เท่าผู้วิเศษเพื่อทำงานให้ผู้วิเศษ’ ได้ สำหรับเรื่อง ‘ บาลีอักษรอะไร? ๑, ฉบับอะไร? ๑, เล่มอะไร? ๑, ข้ออะไร? ๑, หน้าอะไร? ๑, อักขระรวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑, อักขระไม่รวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑,’ อัน นี้ เรื่อง ว่า กุลบุตร ผู้ที่เป็นนักอ่าน และเป็นผู้ดี ได้มีจริยาในตน เรียบร้อย ดีแล้ว ที่ จะพึงถาม ตรง ๆ ด้วยประเด็นนี้ ตามนี้ ย่อมถาม พี่ ๆ น้อง ๆ ในที่นี้ ได้เลย
นัยเพราะ ทุกเรื่อง พระเราถามว่า คืออะไร?
☺ ในเรื่องของข้อสังเกตพิเศษ ดังต่อไปนี้
๑. แสดงอุปกรณ์และเทคนิคอุปกรณ์
๒. งานหนังหรือวิธีทางการละคร
๓. งานดนตรีเพลงและบทกวี
๔. งานเกมและกีฬา
๕. วรรณคดีและศิลปะ
๖. รูปธรรม ทางวิทยาศาสตร์ หรือมาตร การ ‘ชั่ง ตวง วัด’
๗.
นักบวช และการประพฤติวัตรพรต
ดังนี้ ย่อมถามได้เลย แสดงได้เลย ใน ๖ หัวข้อ, นี้ หรือ ๗ หัวข้อนี้ หากว่าได้ ทว่า เป็นผู้ที่มาถึงแล้ว, พึงจรด ด้วยนัย สำหรับการอ่านนั้น ซึ่งมันมีข้อสรุปอยู่แล้ว ในวงการ การอ่านของประเทศเรา ดังข้อที่ยกมาแสดง ฉะนั้น โดย ที่แท้ พี่ ๆ น้อง ๆ ในที่นี้ ก็ย่อม ทราบ ว่า ความ ดังกล่าว นั้น คงเพราะ ผู้ที่ได้ยกความมานั้น คง มีปกติ อ่านได้ อ่านดี อ่านเข้าหัว อ่านมาก อ่านได้เกินมาตรฐาน, ซึ่งว่า มาตรฐานเฉลี่ย ระดับโลก สำหรับ การอ่านตามจำเป็น มีสถิติอยู่ที่ อ่านได้ เข้าหัว อย่างน้อย ที่ ๘ บรรทัด และอย่างดี สถิติ หรือมาตรฐาน ประเทศไทยเรา อย่างดี ท่านอ่านได้ อ่านเข้าหัว อย่างมาก ก็แต่ ๑๕ บรรทัด หรืออย่างเก่งเลย อย่างมาก ก็อ่านได้ แค่ ๒ หน้ากระดาษ เท่านั้นแหละ เท่านั้นเอง , ทว่า จะ อ่านอย่างไม่เป็นงาน เป็นการ ย่อมอ่านไม่ได้มาก เว้นแต่จะอ่านได้มาก ก็เพราะ มีเหตุ มีคติ มีธรรมอันปรารภแล้ว ไป อย่างใด ๆ, จึงจับกระแสความ หรือรู้เรื่องสารัตถะ ประโยชน์ อันนั้น ว่าควรต่อ ควรตั้งความคืบหน้าที่จะกระทำความสมบูรณ์บริบูรณ์ อย่างไร ๆ, แต่ยกมาอย่างนี้ ย่อมไม่รู้, คืออ่านได้ไม่เข้าหัวเลยนั่นเอง ตามข้อจำกัด
และตามส่วนที่บอกว่า เป็นดั่ง ธรรมไม่มีปรารภ คือไม่ปรารภ ถึง สารัตถะ อะไรมาเลย, ที่จะ สมภารกิจ พานภาระ วาระ ทางที่มีคุณศัพท์วิเศษ ศัพท์ ในการ หรือกับการที่จะบอกว่า แท็ก หรือปักหมุด พระไตรปิฎก, แล้วนั้น พี่ ๆ น้อง ๆ จึงอาจที่จะตอบ ให้ถูกเรื่องสมใจ สมประโยชน์ จึงเป็นความ ตอบไม่ได้ แม้นว่า จะกล่าวว่า ออกมาประดับอลังการท่าน ประดับอลังการ เว็บไซต์ตำราคัมภีร์ นี้ อันดี ก็ดี จริงอยู่, แต่ที่สุด ประเดี๋ยว ก็จะต้องบ่นว่า ไม่คุ้มค่าการตอบ และไม่คุ้มค่าการเสียเวลา นั่นเอง, เพราะ ที่สุด ควรต้องเข้ามารู้ ในเรื่อง ที่ พี่ ๆ น้อง นักตำราเรารู้, กับเรื่องที่ว่า ประเทศไทย หรือชาติสุวรรณภูมิ เรานั้น ในทางลึก โดยที่แท้ ได้เข้าสอบ และเสริญ จรด ด้วยกันหมดแล้ว ในเรื่องว่า จะยกบาลีอักษรอะไร? ต่อไป ในการวัฒนายิ่งขึ้น ในเรื่องของคัมภีร์ตำรา, เพราะแต่คนที่ไม่รู้นั้น หรือคนที่ไม่ได้มาสนใจ ฉะนั้น ย่อมรู้ไปอย่างอื่นอยู่ หรือ ยังคง ปักใจเชื่อไปอย่างอื่นอยู่, เช่นว่า ยังคงหาว่า ทุกการ ทุกกิจ ทุก ๆ ทัพสัมภาระ ทั้งสิ้นทั้งปวง ของชาติ ได้ถูกลิขิต ได้เถลิง และทำให้วัฒนา ทั้งสิ้น จรดลิขิต แด่สิ่งนั้นทั้งสิ้น ด้วย พระอักษร คืออักขระขอม หรือ จรดพระลิขิต หรือตรา ให้สถาปนา และเถลิงไว้ด้วย บทพระบาลีอักษรไทย, แต่นั้น ยกอยู่เท่านั้น ที่แท้ ย่อมจะมิใช่ทางลึก ที่ทางนักหนังสือตำราได้ตกลงกันแล้ว, ซึ่งในเรื่อง ของการพิสูจน์ หรือ อันจะให้สถาปนา ได้ ในทุก ๆ สิ่ง สารพัด ว่า ที่แท้ ชาติไทย สุวรรณภูมิ หรือชาติภาษาเรา ฉะนั้น คืบหน้าไปแล้ว
กะค่าเรื่อง ที่ว่า ประดาสิ่งเหล่านั้น หรือโน้น พวกเรา ให้เกิดการจรด แล้ว เถลิงแล้ว และสถาปนา ยิ่งขึ้น แล้ว ให้มาจากพระลิขิต แห่งอะไร?, อัน พึง ย่อความยืดยาว ฉะนั้น ลงมาให้ถึง ไปในเรื่องของ การพิสูจน์ และความปรากฏ ของ ประดา สิ่งเหล่านี้ ว่า คือเรื่องอะไร?, จรด ชาติไทยเรา ได้มติ ออกมาจาก ประดานักหนังสือตำราแล้ว ทั้งนั้น ว่า จงพึงให้ออกมาจาก บทพระบาลีอักษรอริยกะ อันซึ่งเป็นภาคภาษาสูงสุด ในการให้สำคัญ ‘ความเป็นชาติ หรือความที่จะกล่าวว่า นี้ คือคุณชาติภาษา’ ด้วยซึ่งความ อะลุ้มอล่วย และความอ่อนดี ต่องาน เพื่อการที่จะให้สถาปนาทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ได้, ชาติเรา หรือชาติสุวรรณภูมิเรานี้ ในแผนกหนังสือ นั่นแหละ ทุกแห่ง ปัจจุบันนี้ ได้มีเกณฑ์ ไปอย่างนั้น
”
Sadhu.
Pali Ariyakaーscript :
Bhumipalo
☺ โดย การกำหนดรู้ ความตั้งอยู่ไม่ได้ ของสิ่งที่ ลูบ ๆ คลำ ๆ เป็น นิรุตติ หรือ วิมุตติ ?
วิเศษคุณศัพท์ ซึ่ง นิรุตติ หรือ วิมุตติ คืออะไร?
☺ ในเรื่องของข้อสังเกตพิเศษ ดังต่อไปนี้
“ถ้ามีผู้ศึกษา ใหม่ ๆ เกิดขึ้น หรือ บ้างก็มีอยู่ ที่จะเรียนไปตามแบบวิธีเก่า หรือหลงไหลความครึ ความโบราณ, แต่ ทว่า คนเหล่านั้น เปรียบดั่ง เป็นพี่ชาย เป็นพี่หญิงน้องหญิง เป็นปู่ย่าตาทวด ลูกหลานเหลนโหลน ญาติมิตรสหาย ของพระ ตามวัดป่าบ้านนอก หลวงตา หลวงปู่วัดบ้านนอก ฉะนั้น พระบ้านนอก เรา ก็เปรียบดังนั้น เช่นกัน ดังนั้น โดยมาก พระท่าน จึง มักจะสอน จะบอก ให้อ่านเริ่มไปจาก การ อ่านคำเดียว หรืออ่านแค่ ‘วันละคำ ก็พอ’ คือรู้ แค่คำว่า ‘พุท-โธ คำเดียว ศัพท์เดียว’ แล้วก็บริกรรมหาผล หรือ ค้นหาตรวจตราในทางวิเคราะห์วิจัย หาพลความในเรื่อง นั้นๆ , โดยไม่ต้องยกเรื่อง ยาว ๆ ไปหาใคร หรือสืบไป สื่อไปโดย หาต้นหาปลายอะไรไม่ได้เลย อยู่เท่านั้น เพราะคิดว่าอ่านแล้วจะได้บรรลุ, คือเข้าใจว่า อ่านโดยไม่ติดขัดเลย แล้วจะบรรลุ, คืออ่านจนน้ำลายหวาน อ่านจนตัวเบา อ่านจนระบายลมออกยาวทางปากทางจมูก แล้วก็ฟุบหลับ, เช่นนี้ คือเรื่องนักอ่าน และนักศึกษา ที่ยังไม่ได้มีใด ปรารภ
คือ กุลบุตรเหล่านี้ หรือท่านผู้ดี ผู้ประเสริฐเหล่านี้ ยังอ่านหนังสือเข้าหัว ยังรับฟังเรื่องต่าง ๆ เข้าหู ยังดูสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ อย่างที่จะมีความจดจำ, โดยมาก ก็จะออกอาการ ยกมาถามเยอะ ๆ หรืออวด เยอะ ๆ อย่างนั้น, ซึ่งก็ทำให้น่าตลก และก็น่าเอ็นดูได้, ครั้ง แต่ จะบอกจะเตือน ให้หาประโยชน์ แท้ ก็ จะพึงต้องอธิบายบ้างพอสมควร, เช่นว่า ให้ประพฤติธรรมมีปรารภ ด้วยเรื่อง มีเหตุ มีคติ มีความพากเพียรพยายามที่จะหาข้อสรุป หรือบทสรุปทางการวิจัย แล้ว จึงยกเรื่อง ต่าง ๆ นั้น แต่ แบบที่มีประเด็น เข้ามาถาม หรือหาส่วนร่วมกับ พี่ ๆ น้อง ๆ หรือ เพื่อน ๆ ในนี้
ซึ่งว่า คุณปู่ คุณตา หรือเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในที่นี้ ฉะนั้น ก็อาจที่จะให้คำสำทับที่มีประโยชน์ ที่เป็นประโยชน์ ได้, ซึ่ง โดยมากแล้ว ย่อมมิได้ไถ่ถามกันในเรื่องจริยธรรม สถานภาพ และมิได้ไถ่ถามกันเรื่อง วิมุตติ! อาทิ ‘วิมุตติ แห่ง ศีล สมาธิ หรือปัญญา’, แต่โดยมาก พี่ ๆ น้อง ๆ ใน นี้ แสดงกันไป หรือสำทับกันไปในเรื่อง ความตื้น-ลึก แคบหรือกว้าง วิบัติ หรืออุบัติ การณ์ กรณี กันเรื่อง นิรุตติ! อันเป็น อาทิ ‘แห่งชื่อ บัญญัติ และภาษา’, โดยเฉพาะ ถ้าแท็กคำถาม หรือกระทู้มาที่ แท็กพระไตรปิฎกเหล่านี้ หรือมุ่งแต่ ปรารภธรรม ปรารภเหตุ และปรารภคติ ของ ‘กองงานเหล่านี้’ อันกล่าวแค่ความเสมอกัน กับงานที่ทำ หรือที่อาจจะ รู้เสมอ หรือ ‘รู้เท่าผู้วิเศษเพื่อทำงานให้ผู้วิเศษ’ ได้ สำหรับเรื่อง ‘ บาลีอักษรอะไร? ๑, ฉบับอะไร? ๑, เล่มอะไร? ๑, ข้ออะไร? ๑, หน้าอะไร? ๑, อักขระรวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑, อักขระไม่รวมเว้นวรรคเท่าไหร่ ๑,’ อัน นี้ เรื่อง ว่า กุลบุตร ผู้ที่เป็นนักอ่าน และเป็นผู้ดี ได้มีจริยาในตน เรียบร้อย ดีแล้ว ที่ จะพึงถาม ตรง ๆ ด้วยประเด็นนี้ ตามนี้ ย่อมถาม พี่ ๆ น้อง ๆ ในที่นี้ ได้เลย
นัยเพราะ ทุกเรื่อง พระเราถามว่า คืออะไร?
☺ ในเรื่องของข้อสังเกตพิเศษ ดังต่อไปนี้
๑. แสดงอุปกรณ์และเทคนิคอุปกรณ์
๒. งานหนังหรือวิธีทางการละคร
๓. งานดนตรีเพลงและบทกวี
๔. งานเกมและกีฬา
๕. วรรณคดีและศิลปะ
๖. รูปธรรม ทางวิทยาศาสตร์ หรือมาตร การ ‘ชั่ง ตวง วัด’
๗. นักบวช และการประพฤติวัตรพรต
ดังนี้ ย่อมถามได้เลย แสดงได้เลย ใน ๖ หัวข้อ, นี้ หรือ ๗ หัวข้อนี้ หากว่าได้ ทว่า เป็นผู้ที่มาถึงแล้ว, พึงจรด ด้วยนัย สำหรับการอ่านนั้น ซึ่งมันมีข้อสรุปอยู่แล้ว ในวงการ การอ่านของประเทศเรา ดังข้อที่ยกมาแสดง ฉะนั้น โดย ที่แท้ พี่ ๆ น้อง ๆ ในที่นี้ ก็ย่อม ทราบ ว่า ความ ดังกล่าว นั้น คงเพราะ ผู้ที่ได้ยกความมานั้น คง มีปกติ อ่านได้ อ่านดี อ่านเข้าหัว อ่านมาก อ่านได้เกินมาตรฐาน, ซึ่งว่า มาตรฐานเฉลี่ย ระดับโลก สำหรับ การอ่านตามจำเป็น มีสถิติอยู่ที่ อ่านได้ เข้าหัว อย่างน้อย ที่ ๘ บรรทัด และอย่างดี สถิติ หรือมาตรฐาน ประเทศไทยเรา อย่างดี ท่านอ่านได้ อ่านเข้าหัว อย่างมาก ก็แต่ ๑๕ บรรทัด หรืออย่างเก่งเลย อย่างมาก ก็อ่านได้ แค่ ๒ หน้ากระดาษ เท่านั้นแหละ เท่านั้นเอง , ทว่า จะ อ่านอย่างไม่เป็นงาน เป็นการ ย่อมอ่านไม่ได้มาก เว้นแต่จะอ่านได้มาก ก็เพราะ มีเหตุ มีคติ มีธรรมอันปรารภแล้ว ไป อย่างใด ๆ, จึงจับกระแสความ หรือรู้เรื่องสารัตถะ ประโยชน์ อันนั้น ว่าควรต่อ ควรตั้งความคืบหน้าที่จะกระทำความสมบูรณ์บริบูรณ์ อย่างไร ๆ, แต่ยกมาอย่างนี้ ย่อมไม่รู้, คืออ่านได้ไม่เข้าหัวเลยนั่นเอง ตามข้อจำกัด
และตามส่วนที่บอกว่า เป็นดั่ง ธรรมไม่มีปรารภ คือไม่ปรารภ ถึง สารัตถะ อะไรมาเลย, ที่จะ สมภารกิจ พานภาระ วาระ ทางที่มีคุณศัพท์วิเศษ ศัพท์ ในการ หรือกับการที่จะบอกว่า แท็ก หรือปักหมุด พระไตรปิฎก, แล้วนั้น พี่ ๆ น้อง ๆ จึงอาจที่จะตอบ ให้ถูกเรื่องสมใจ สมประโยชน์ จึงเป็นความ ตอบไม่ได้ แม้นว่า จะกล่าวว่า ออกมาประดับอลังการท่าน ประดับอลังการ เว็บไซต์ตำราคัมภีร์ นี้ อันดี ก็ดี จริงอยู่, แต่ที่สุด ประเดี๋ยว ก็จะต้องบ่นว่า ไม่คุ้มค่าการตอบ และไม่คุ้มค่าการเสียเวลา นั่นเอง, เพราะ ที่สุด ควรต้องเข้ามารู้ ในเรื่อง ที่ พี่ ๆ น้อง นักตำราเรารู้, กับเรื่องที่ว่า ประเทศไทย หรือชาติสุวรรณภูมิ เรานั้น ในทางลึก โดยที่แท้ ได้เข้าสอบ และเสริญ จรด ด้วยกันหมดแล้ว ในเรื่องว่า จะยกบาลีอักษรอะไร? ต่อไป ในการวัฒนายิ่งขึ้น ในเรื่องของคัมภีร์ตำรา, เพราะแต่คนที่ไม่รู้นั้น หรือคนที่ไม่ได้มาสนใจ ฉะนั้น ย่อมรู้ไปอย่างอื่นอยู่ หรือ ยังคง ปักใจเชื่อไปอย่างอื่นอยู่, เช่นว่า ยังคงหาว่า ทุกการ ทุกกิจ ทุก ๆ ทัพสัมภาระ ทั้งสิ้นทั้งปวง ของชาติ ได้ถูกลิขิต ได้เถลิง และทำให้วัฒนา ทั้งสิ้น จรดลิขิต แด่สิ่งนั้นทั้งสิ้น ด้วย พระอักษร คืออักขระขอม หรือ จรดพระลิขิต หรือตรา ให้สถาปนา และเถลิงไว้ด้วย บทพระบาลีอักษรไทย, แต่นั้น ยกอยู่เท่านั้น ที่แท้ ย่อมจะมิใช่ทางลึก ที่ทางนักหนังสือตำราได้ตกลงกันแล้ว, ซึ่งในเรื่อง ของการพิสูจน์ หรือ อันจะให้สถาปนา ได้ ในทุก ๆ สิ่ง สารพัด ว่า ที่แท้ ชาติไทย สุวรรณภูมิ หรือชาติภาษาเรา ฉะนั้น คืบหน้าไปแล้ว
กะค่าเรื่อง ที่ว่า ประดาสิ่งเหล่านั้น หรือโน้น พวกเรา ให้เกิดการจรด แล้ว เถลิงแล้ว และสถาปนา ยิ่งขึ้น แล้ว ให้มาจากพระลิขิต แห่งอะไร?, อัน พึง ย่อความยืดยาว ฉะนั้น ลงมาให้ถึง ไปในเรื่องของ การพิสูจน์ และความปรากฏ ของ ประดา สิ่งเหล่านี้ ว่า คือเรื่องอะไร?, จรด ชาติไทยเรา ได้มติ ออกมาจาก ประดานักหนังสือตำราแล้ว ทั้งนั้น ว่า จงพึงให้ออกมาจาก บทพระบาลีอักษรอริยกะ อันซึ่งเป็นภาคภาษาสูงสุด ในการให้สำคัญ ‘ความเป็นชาติ หรือความที่จะกล่าวว่า นี้ คือคุณชาติภาษา’ ด้วยซึ่งความ อะลุ้มอล่วย และความอ่อนดี ต่องาน เพื่อการที่จะให้สถาปนาทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ได้, ชาติเรา หรือชาติสุวรรณภูมิเรานี้ ในแผนกหนังสือ นั่นแหละ ทุกแห่ง ปัจจุบันนี้ ได้มีเกณฑ์ ไปอย่างนั้น”
Sadhu.
Pali Ariyakaーscript :
Bhumipalo