สภาพัฒน์ เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ของปีนี้ โตเพียง 1.2% ชะลอตัวลงแรงจากไตรมาส 2 ที่โต 2.8% และต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่ “เวียดนาม” นำลิ่วอยู่ที่ 8.23%
น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ชะลอตัวลงแรง โดยขยายตัวได้พียง 1.2 % ชะลอตัวจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 2.8% (ไตรมาส 1 ขยายตัว 3.2%) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะโต 1.3-1.7 % ส่งผล 9 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจกิจไทยขยายตัวได้ 2.4% เหตุการณ์ลงทุนภาครัฐ ลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส 5.3% เทียบกับการขยายตัว 10.1% ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของการลงทุนในหมวดก่อสร้าง 6.6% การส่งออกสินค้า มีมูลค่า 86,196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.5% แต่ชะลอลงจาก 15% ในไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับการเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา
ส่วนแนวโน้มทั้งปี 68 คงประมาณการณ์ไว้ที่ 2% ชะลอลงจากปี 67 ที่โต 2.5% ในปี 2567 ขณะที่แนวโน้มปี 69 ประเมินว่า มีแนวโน้มขยายตัวในช่วง 1.2 – 2.2% โดยมีค่ากลางการประมาณการ 1.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐบาล การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการเพิ่มขึ้นของผลผลิตทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก และภาระหนี้สินภาคเอกชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงรวมทั้งความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก และบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เมื่อดูอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า ไทยโตต่ำสุด โดย เวียดนาม นำลิ่วที่ 8.23% มาเลเซีย โตแรงที่ 5.2% อินโดนีเซีย 5.04% ฟิลิปปินส์ ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4% จากปัญหาคอรัปชั่น สิงคโปร์ 2.9% และไทยรั้งท้าย 1.2%
https://share.google/OeQpKxRdMYmyzA609
สภาพัฒน์ เผย GDP ไทยไตรมาส 3 โตเพียง 1.2% ต่ำสุดในอาเซียน
สภาพัฒน์ เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ของปีนี้ โตเพียง 1.2% ชะลอตัวลงแรงจากไตรมาส 2 ที่โต 2.8% และต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่ “เวียดนาม” นำลิ่วอยู่ที่ 8.23%
น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ชะลอตัวลงแรง โดยขยายตัวได้พียง 1.2 % ชะลอตัวจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 2.8% (ไตรมาส 1 ขยายตัว 3.2%) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะโต 1.3-1.7 % ส่งผล 9 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจกิจไทยขยายตัวได้ 2.4% เหตุการณ์ลงทุนภาครัฐ ลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส 5.3% เทียบกับการขยายตัว 10.1% ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของการลงทุนในหมวดก่อสร้าง 6.6% การส่งออกสินค้า มีมูลค่า 86,196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.5% แต่ชะลอลงจาก 15% ในไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับการเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา
ส่วนแนวโน้มทั้งปี 68 คงประมาณการณ์ไว้ที่ 2% ชะลอลงจากปี 67 ที่โต 2.5% ในปี 2567 ขณะที่แนวโน้มปี 69 ประเมินว่า มีแนวโน้มขยายตัวในช่วง 1.2 – 2.2% โดยมีค่ากลางการประมาณการ 1.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐบาล การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการเพิ่มขึ้นของผลผลิตทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก และภาระหนี้สินภาคเอกชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงรวมทั้งความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก และบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เมื่อดูอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า ไทยโตต่ำสุด โดย เวียดนาม นำลิ่วที่ 8.23% มาเลเซีย โตแรงที่ 5.2% อินโดนีเซีย 5.04% ฟิลิปปินส์ ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4% จากปัญหาคอรัปชั่น สิงคโปร์ 2.9% และไทยรั้งท้าย 1.2%
https://share.google/OeQpKxRdMYmyzA609