ก่อนที่ฉันจะไปเล่าว่าได้อะไรจากแบบสำรวจที่ทำไว้
ฉันอยากให้เห็น “ปัญหาผิวของฉันเอง” ก่อน
เพราะนี่มันคือจุดเริ่มต้นจริง ๆ ของทุกอย่าง
ตอนนั้นฉันเพิ่งซื้อสกินแคร์แบรนด์ดังราคาแพงมาใช้
บอกตรง ๆ ว่าตื่นเต้นมาก จนถึงขั้นถ่ายรูปผิวตัวเองเก็บไว้
ตั้งใจว่า “ถ้าใช้แล้วหน้าดีขึ้น จะได้เอามารีวิวให้ดูว่า ของมันดีจริง”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย…
ผิวฉันยังคงแดงง่าย แพ้ง่าย ระคายเคืองเร็วมาก
ทั้งที่ฉันก็พยายามเต็มที่แล้วนะ
ลองมาหมดทั้งแบรนด์ดัง ส่วนผสมแรง ๆ อะไรที่เขาว่าดี ฉันก็ลอง
แต่ผิวฉันไม่ได้ดีขึ้นเลย
มันกลับ “ล้า” ลงเรื่อย ๆ
มีอยู่วันหนึ่ง ฉันมองรูปที่ถ่ายไว้ แล้วรู้สึกว่า
นี่มันไม่ใช่ผิวที่สุขภาพดีเลย ทั้งที่ฉันตั้งใจดูแลมาตลอด
และนี่คือสองภาพที่ทำให้ฉันเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองจริง ๆ ว่า
ที่ผ่านมา ฉันอาจกำลัง “ดูแลผิดวิธี” โดยไม่รู้ตัว
ภาพนี้คือผิวตอนที่มันรับอะไรไม่ไหวแล้วจริง ๆ
แดงง่าย เป็นผื่นเป็นปื้น และรู้สึกแห้งลึก
ทั้งที่ผิวดูเงาเหมือนลื่น ๆ อยู่ข้างนอก
ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คืออาการ
barrier overload — คือใส่ทุกอย่างที่คิดว่าดี แต่ผิวมันรับไม่ไหว
ภาพนี้คือภาพที่ฉันเริ่มรู้ว่า
ปัญหาอาจไม่ใช่ว่าของที่ใช้ไม่ดี…แต่คือมันไม่เหมาะกับเราเลยตั้งแต่แรก
ฉันไม่เคยเข้าใจผิวของตัวเองจริง ๆ
ฉันแค่ซื้อตามรีวิว ตามกระแส ตามความแพง
แต่ผิวฉันต้องการอะไรที่ง่ายกว่านั้น อ่อนโยนกว่า สั้นกว่า
และไม่ใช่สารแน่น ๆ ที่ผิวแบกไม่ไหวตั้งแต่แรก
ตั้งแต่วันนั้น ฉันเริ่มศึกษาผิวใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน
ตั้งคำถามกับทุกอย่างที่เคยเชื่อ
ลองลด ลองตัด ลองสังเกตตัวเองแบบตรง ๆ
จนเข้าใจว่า
ผิวคนเราต้องการความสมดุล ไม่ใช่ความพยายามที่หนักเกินไป
และสุดท้าย…นี่คือเหตุผลที่ฉันเริ่มทำ Arvée
ไม่ใช่เพราะอยากทำแบรนด์
แต่เพราะฉันอยากแก้ปัญหาผิวของตัวเองจริง ๆ
ด้วยอะไรที่
ง่าย ซื่อสัตย์ ไม่ฟุ้ง และใช้ได้ในชีวิตจริงของเรา
และพอฉันเริ่มเข้าใจผิวตัวเองมากขึ้น
ฉันก็อยากรู้ว่า…คนอื่นที่มีผิวแบบฉัน เขารู้สึกกันยังไงบ้าง
เลยทำให้ฉันตัดสินใจทำแบบสำรวจขึ้นมา
และผลที่ได้…มันทำให้ฉันมั่นใจว่า ฉันไม่ได้เจอปัญหานี้คนเดียว
EP ถัดไป ฉันจะมาเล่าว่าแบบสำรวจนั้นบอกอะไรฉันบ้าง
และมันส่งผลกับทิศทางของ Arvée ยังไง
Arvée Journal EP.4 — ผิวที่ทำให้ฉันตัดสินใจเริ่มต้นใหม่
ฉันอยากให้เห็น “ปัญหาผิวของฉันเอง” ก่อน
เพราะนี่มันคือจุดเริ่มต้นจริง ๆ ของทุกอย่าง
ตอนนั้นฉันเพิ่งซื้อสกินแคร์แบรนด์ดังราคาแพงมาใช้
บอกตรง ๆ ว่าตื่นเต้นมาก จนถึงขั้นถ่ายรูปผิวตัวเองเก็บไว้
ตั้งใจว่า “ถ้าใช้แล้วหน้าดีขึ้น จะได้เอามารีวิวให้ดูว่า ของมันดีจริง”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย…
ผิวฉันยังคงแดงง่าย แพ้ง่าย ระคายเคืองเร็วมาก
ทั้งที่ฉันก็พยายามเต็มที่แล้วนะ
ลองมาหมดทั้งแบรนด์ดัง ส่วนผสมแรง ๆ อะไรที่เขาว่าดี ฉันก็ลอง
แต่ผิวฉันไม่ได้ดีขึ้นเลย
มันกลับ “ล้า” ลงเรื่อย ๆ
มีอยู่วันหนึ่ง ฉันมองรูปที่ถ่ายไว้ แล้วรู้สึกว่า
นี่มันไม่ใช่ผิวที่สุขภาพดีเลย ทั้งที่ฉันตั้งใจดูแลมาตลอด
และนี่คือสองภาพที่ทำให้ฉันเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองจริง ๆ ว่า
ที่ผ่านมา ฉันอาจกำลัง “ดูแลผิดวิธี” โดยไม่รู้ตัว
ภาพนี้คือผิวตอนที่มันรับอะไรไม่ไหวแล้วจริง ๆ
แดงง่าย เป็นผื่นเป็นปื้น และรู้สึกแห้งลึก
ทั้งที่ผิวดูเงาเหมือนลื่น ๆ อยู่ข้างนอก
ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คืออาการ barrier overload — คือใส่ทุกอย่างที่คิดว่าดี แต่ผิวมันรับไม่ไหว
ภาพนี้คือภาพที่ฉันเริ่มรู้ว่า
ปัญหาอาจไม่ใช่ว่าของที่ใช้ไม่ดี…แต่คือมันไม่เหมาะกับเราเลยตั้งแต่แรก
ฉันไม่เคยเข้าใจผิวของตัวเองจริง ๆ
ฉันแค่ซื้อตามรีวิว ตามกระแส ตามความแพง
แต่ผิวฉันต้องการอะไรที่ง่ายกว่านั้น อ่อนโยนกว่า สั้นกว่า
และไม่ใช่สารแน่น ๆ ที่ผิวแบกไม่ไหวตั้งแต่แรก
ตั้งแต่วันนั้น ฉันเริ่มศึกษาผิวใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน
ตั้งคำถามกับทุกอย่างที่เคยเชื่อ
ลองลด ลองตัด ลองสังเกตตัวเองแบบตรง ๆ
จนเข้าใจว่า
ผิวคนเราต้องการความสมดุล ไม่ใช่ความพยายามที่หนักเกินไป
และสุดท้าย…นี่คือเหตุผลที่ฉันเริ่มทำ Arvée
ไม่ใช่เพราะอยากทำแบรนด์
แต่เพราะฉันอยากแก้ปัญหาผิวของตัวเองจริง ๆ
ด้วยอะไรที่ ง่าย ซื่อสัตย์ ไม่ฟุ้ง และใช้ได้ในชีวิตจริงของเรา
และพอฉันเริ่มเข้าใจผิวตัวเองมากขึ้น
ฉันก็อยากรู้ว่า…คนอื่นที่มีผิวแบบฉัน เขารู้สึกกันยังไงบ้าง
เลยทำให้ฉันตัดสินใจทำแบบสำรวจขึ้นมา
และผลที่ได้…มันทำให้ฉันมั่นใจว่า ฉันไม่ได้เจอปัญหานี้คนเดียว
EP ถัดไป ฉันจะมาเล่าว่าแบบสำรวจนั้นบอกอะไรฉันบ้าง
และมันส่งผลกับทิศทางของ Arvée ยังไง