JJNY : ภคมนอัดชนนพัฒฐ์│งัดภาพแฉเขมรนำคณะ AOT ปลอม│วีระตั้งข้อสังเกตปักหมุดชั่วคราว│อินโดนีเซียรื้อระบบยุติธรรมที่ล้าสมัย

ภคมน อัดชนนพัฒฐ์ ท้าทายความเคยชิน สู้คดีเว็บพนัน บี้กล้าธรรมสอนองค์ความรู้ลูกพรรค.
.

.
ภคมน อัดชนนพัฒฐ์ ท้าทายความเคยชิน ขอสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เรียกร้อง ‘กล้าธรรม’ สอนองค์ความรู้นักการเมืองควรมี หลังเบี้ยวแจง กมธ.
.
จากกรณี นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.สงขลา พรรคกล้าธรรม (กธ.) ระบุทางเฟซบุ๊ก ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ไปชี้แจงคณะกรรมาธิการช่วงอาทิตย์ก่อน เพราะการตรวจสอบที่มีผลผูกพันตามกฎหมายจริงๆ คือกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนอย่างเต็มใจ ยืนยันว่าหากผลการตรวจสอบสรุปว่ามีความผิดจริงพร้อมยุติบทบาททางการเมืองทันทีนั้น
.
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุถึงเรื่องนี้ว่า
.
ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว โพสต์เฟซบุ๊กว่าเหตุที่ไม่ไปชี้แจงกรรมาธิการไม่มีเจตนาจะเลี่ยงเพราะการตรวจสอบ แต่สิ่งที่มีผลผูกพันตามกฎหมายจริงๆ คือกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผมได้ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกหน่วยงานมาโดยตลอด และพร้อมให้ตรวจสอบในทุกมิติ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมถือว่าความโปร่งใสและการยืนอยู่บนหลักนิติธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
.
ข้อความที่โพสต์ ชนนพัฒฐ์กำลังท้าทายกระแสสังคม ท้าทายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท้าทาย ปปง. ดิฉันไม่ใช้คำว่าหน้าด้าน คนหน้าด้านไม่ใช่แบบนี้ แต่นี่คือความท้าทายด้วยความเคยชินและเชื่อในวิถีที่ทำมาตลอด
.
การที่ชนนพัฒฐ์ยินดีจะให้กระบวนการยุติธรรม ซึ่งความหมายว่าตำรวจและ ปปง.คือความมั่นใจในเส้นทางที่เคยฝ่าฟันและเดินมาถึงจุดนี้ จากคนที่เคยถูกจับในคดีเว็บพนันในปี 2565 สุดท้ายตำรวจที่ทำคดีกลับคำให้การเป็นการเข้าใจผิดแล้วปล่อยตัว ข่าวลือในช่วงนั้นแว่วว่าคดีนี้ราคา 300 ล้านบาท (หลักฐานสำนวนการกลับคำมีในเพจออนไลน์หาอ่านได้) และต่อมาเขาลงเลือกตั้งในปี 2566 คนที่กล้าทำแบบนี้ เขามั่นใจคนที่เป็นแบ๊กให้ใหญ่โตคับฟ้าจริง
.
เอาละ!!! ย้อนกลับไปคำว่า “เคลียร์ได้รอบนี้ผมเป็นรัฐมนตรีแล้ว” คำนี้นัยยะตื้นมาก ไม่ต้องแปล คนไทยทั้งประเทศได้ยินคำนี้ในคลิปที่ดิฉันโพสต์ไป อมยิ้มกันทั้งประเทศในความสังเวชขององค์กรตำรวจกับโจร VIP ในประเทศไทยทั้งนั้น ถ้าอยากรอดมันต้องเคลียร์ คำนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของประเทศไทย สิ่งที่นายชนนพัฒฐ์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่าเคลียร์ได้รอบนี้ รอบหน้าเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ความเพ้อฝัน ไม่ใช่คำพูดที่เขาพูดออกมาหลังดื่มด่ำน้ำกระท่อม แต่เป็นความมั่นใจของคนที่เคยทำแล้วสำเร็จ นำพาชีวิตของชีวิตคนมืดดำต้องการฟอกตัวตะเกียกตะกายออกมามีอำนาจบารมี จนวันนี้อยู่ในจุดที่ภาคภูมิใจว่าเป็นผู้แทนนราษฎร
.
แม้นายชนนพัฒฐ์จะพูดติดปากว่าเป็นตัวแทนชาวคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 4 แต่เกียรติที่นายชนนพัฒฐ์ได้รับคือการเป็นผู้แทนราษฎร เงินเดือนนายชนนพัฒฐ์รับจากภาษีคนทั้งประเทศ นายชนนพัฒฐ์ไม่ใช่แค่ในเขต 4 สงขลา นายชนนพัฒฐ์คือ 1 ใน 500 รายชื่อของ ส.ส.ในสภาไทย
ดิฉันเอง ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.สมัยแรก หรือท่านประธานสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.หลายสมัย ผู้อาวุโสทางการเมืองและทุกๆ คนที่เป็นผู้แทนราษฎรก็ต้องแชร์มาตรฐานผู้แทนราษฎรของชนนพัฒฐ์แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทราบคนอื่นอายมั้ย แต่ดิฉันอาย เราจะไม่ใช้กลไกของสภาปกป้องบ้านของเราเลยหรือคะ
.
การที่ออกตัวว่าไม่มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ แต่ตัวเองเป็น ส.ส.ในสภา แถมยังฝันใหญ่จะเป็นรัฐมนตรี หรือการพูดติดปากว่าเป็นตัวแทนชาวสทิงพระ สำหรับดิฉันนายชนนพัฒฐ์มีอย่างเดียวที่พาให้ถึงจุดนี้คือ “เงินและความเขลา” ความอันตรายของคนมีเงินแต่เขลาเขาจ่ายได้ทุกอย่าง
.
เขาเขลาถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวแทนประชาชนในการองค์กรนิติบัญญัติคืออะไร ต้องให้ความสำคัญกับอะไรบ้าง
.
ดิฉันไม่เสียเวลาพูดกับคนไร้องค์ความรู้ในระดับที่จะเป็นผู้แทนระดับประเทศ แต่อยากเรียกร้องพรรคกล้าธรรม ต่อกระแสสังคมที่เรียกร้องเรื่องชนนพัฒน์ ถ้าเขาลงทุนไปมากแล้วถึงขนาดที่ปลดออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารไม่ได้ อย่างน้อยท่านประธานยุทธศาสตร์พรรคหนึ่งเดียวที่ดิฉันเชื่อมั่นว่าท่านมีความรู้ในวิถีการเมืองปกติ ท่านสอนองค์ความรู้ที่เขาต้องมีในฐานะนักการเมืองระดับชาติก่อนก็ได้ค่ะ
.
สุดท้ายดิฉันเชื่อในกระบวนการพิสูจน์ตนเอง เคารพการปกป้องสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา แต่นักการเมืองต้องมีความรับผิดรับชอบต่อประชาชน ต้องมีความละอาย แม้คุณสมบัตินี้ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญก็ตาม
.
สุดท้ายจริงๆ อยากบอกชนนพัฒฐ์ในฐานะคนใต้ด้วยกัน “ถ้าโม่อย่าแล้วแม๋นั่งให้เน่ง
.
.

.
ผบ.ฉก.นาวิกฯตราด งัดภาพแฉ เขมรนำคณะ AOT ปลอมลงพื้นที่-จุดประทัด ใส่ร้ายว่าไทยโยนระเบิด
.
‘ผบ.ฉก.นย.ตราด’ ซัด กัมพูชา ใช้ยุทธวิธี สร้างข่าวลือกระพือข่าวชั่วนำ คณะ AOTปลอม ลงพื้นที่ พร้อมจุดประทัด ใส่ร้ายไทยโยนระเบิดใส่ สร้างสถานการณ์
.
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นาวาเอกธรรมนูญ วรรณนา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ นาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) เปิดเผยภายหลังกัมพูชาอ้างว่า นําคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT ลงพื้นที่ แต่ได้ยินเสียงระเบิดจากฝั่งไทย ต้องยกเลิกภารกิจว่า ตนอยู่ในพื้นที่ตอนเกิดเหตุ เนื่องจากไปตรวจพื้นที่เพื่อคุ้มกันการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่ บ้านชําราก อําเภอชําราก จังหวัดตราด ซึ่งในระหว่างตรวจพื้นที่มีการรวมกลุ่มกันของคนกัมพูชาในพื้นที่เป็นฐานของเขาประมาณ 30 นาย มีการใส่หมวกสีฟ้า จึงนำกล้องส่องทางไกลส่องดู พร้อมใช้โดรนบิน เพื่อถ่ายภาพระยะไกล จากนั้นมีเสียงดังเกิดขึ้น
.
สรุปว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ นำคนมาใส่หมวกสีฟ้า มาร่วมตัวกันที่ฐานปฏิบัติการของเขา แล้วจุดประทัด มีเสียงดัง และไปให้ข่าวว่าทหารไทยโยนระเบิดใส่ ซึ่งหากเป็นคณะ AOTจริง เขาจะเดินมาหาที่แนวของไทย แต่วันนี้อยู่ห่างไกลประมาณ 200 เมตรเพื่อให้เห็นชัด และมีการตัดภาพ นำภาพเก่าของคณะ AOT จริง ลงพื้นที่มาประกอบ ซึ่งหากเป็นคณะ AOT จริง เขาจะเดินเข้ามาเพื่อประสานว่าจะมาขอดูพื้นที่ ซึ่งครั้งก่อนก็มา เขาก็ทําแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่เข้ามา กัมพูชามีการจัดฉาก นําคนมาปลอมตัวเป็น AOT และก็โยนประทัดใส่เพื่อให้มีเสียงดัง นี่คือยุทธวิธีที่ผู้ก่อการร้ายเขาใช้กัน สร้างข่าวลือกระพือข่าวชั่ว
.

.
"วีระ" ตั้งข้อสังเกต ใช้โดรน LiDAR สำรวจปักหมุดชั่วคราว บ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว
.
"วีระ" ตั้งคำถามเหตุใดไม่แจ้งว่าจะใช้โดรนติดตั้งเทคโนโลยี LiDAR ในการสำรวจปักหมุดชั่วคราว พื้นที่บ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว ลั่นต่อให้ปักหมุดเสร็จก็เจรจาไม่สิ้นสุด
.
วันที่ 19 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงาน นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์การบินโดรนปักหมุดชั่วคราวพื้นที่บ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว ช่วงหลักเขตที่ 42–47 ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางประชาชนที่มารอดูการบินโดรนครั้งนี้ 
.
นายวีระ บอกว่า เพิ่งได้รับข้อมูลยืนยันจากเจ้าหน้าที่ทหารว่าการบินสำรวจครั้งนี้ใช้โดรนติดตั้งเทคโนโลยี LiDAR และเป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) เมื่อวันที่ 21–22 ที่ผ่านมา จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่าทำไมรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงปกปิดข้อมูลการใช้เทคโนโลยี LiDAR จากประชาชน ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินทำกินของชาวบ้านโดยตรง หรือกลัวคนไทยรู้ความจริงใช่ไหมว่าสุดท้ายเราอาจต้องเสียแผ่นดินเพิ่ม
.
ซึ่งพื้นที่หลักเขต 42–47 ไม่ได้เป็นสันปันน้ำหรือเขตทุรกันดารจนไม่สามารถเดินสำรวจภาคพื้นได้ จึงตั้งข้อสงสัยว่าทำไมต้องใช้โดรน LiDAR ซึ่งให้ภาพละเอียดสูง และการนำข้อมูลไปทาบบนแผนที่ MOU 2543 ที่ไทยยอมรับมาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่กัมพูชาอ้าง
.
เขาย้ำว่าหากมีบ้านประชาชนกัมพูชาคร่อมเส้นเขตแดน กัมพูชาก็จะไม่รื้อถอนง่าย ๆ และการเจรจาไม่เคยทำให้กัมพูชายอมถอย แต่จะเป็นคนไทยต่างหากที่เข้าไปทำกินไม่ได้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดเป็นแค่การซื้อเวลาที่ไทยเสียเปรียบ เพราะกัมพูชาไม่ต้องเคลื่อนย้ายอะไร แต่ชาวบ้านไทยกลับยังเข้าใช้พื้นที่ไม่ได้ พร้อมย้ำว่า แม้สำรวจเสร็จ 60 วัน หรือปักหมุดเสร็จ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หากรัฐบาลไทยไม่เห็นด้วยกับผลสรุปก็เดินหน้าต่อไม่ได้ และจะกลับไปเริ่มเจรจากันใหม่ ทำให้ปัญหายืดเยื้อไม่สิ้นสุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่