ไม่อยากโตเลย

กระทู้สนทนา



วัยเด็กนั้นฉันวิ่งล้มนอนกลิ้ง
โลกทั้งสิ่งยังเล็กดั่งสนามหญ้า
จับจักจั่น วิ่งไล่ลม พรมเวลา
ฟ้าก็ว่ากว้างใหญ่ให้เราเล่น

ขีดเส้นดินเป็นบ้านตามความฝัน
เอียงแก้มยันรับแดดอุ่นละมุนเห็น
เสียงหัวเราะปลิวไกลไปตามเน้น
วันที่เป็นเพียงเด็กเล็กไร้กังวล

ครั้นโตใหญ่ใจกลับหนักสลักค่า
ทั้งคนว่า ความหวัง บังคับผล
ต้องแข่งขัน ทนฝืน ทุกมุมคน
แบกภาระล้นไหลไม่เคยลา

เคยวิ่งเพลินก็ต้องเดินอย่างอดทน
เคยซุกซนต้องสุขุมกลืนหยดฝ่า
คำของโลกกรีดรอยลึกในอุรา
ให้รู้ว่า “โตขึ้นมา” ไม่ง่ายเลย

บางคืนเงียบเรียกเด็กน้อยในใจกลับ
ขอเก็บรับรอยยิ้มที่เคยเผย
คิดถึงวันปล่อยใจให้พริ้วเชย
จึงร่ำเอ่ยเบาเบาว่า… ไม่อยากโตเลย

คืนเวลาหมุนพาให้ล้าเหลือ
ภาพในเงือกอดีตร้องเรียกหา
อยากกลับไปกอดโลกเล็ก-เล็กของเราอีกครา
ที่ฟ้าพาเพียงฝันอันอบอวล

วันนี้ยืนท่ามกลางทางซับซ้อน
ผู้คนนอนฝันต่างต่างอย่างปั่นป่วน
ต่างต้องเร่ง ต่างต้องรีบ ต่างต้องทวน
ใจรัญจวนดั่งจะหล่นพ้นแรงลม

แต่ถึงแม้โลกใหญ่จะไหวสั่น
ความผูกพันวัยเด็กยังสุขข่ม
มันทำให้ฉันพอเดินต่ออย่างระทม
เพราะรู้ว่าบางขม… ก็ทำให้คนแกร่ง

และแม้พรุ่งนี้จะหม่นคล้ายคราวฝน
ยังจะทนก้าวไปไม่หน่ายแหนง
เก็บเศษฝันวันวานเป็นแสงแรง
ประคองใจอ่อนแอให้ยังเดิน


“เมื่อโลกโตเกินใจจะรับไหว”

เมื่อก้าวสู่วันงานอันหม่นหมอง
ต้องประคองหัวใจไม่ให้ไหว
แข่งขันกันทุกย่างที่ก้าวไป
คนมากมายกลับไม่เหมือนที่เคยเห็น

เสียงซุบซิบทิ่มแทงดั่งแรงศร
ริษยาซ่อนในตาอย่างลำเค็ญ
คำที่เหมือนชื่นชมก็ห่มเป็น
คำบาดเข่นแทงลึกถึงหัวใจ

เขานึกย้อนคืนวันอันแสนหวาน
เล่นลมวานริมทุ่งยามหลงใหล
หญ้ากับฟ้าเป็นเพื่อนทุกวันไป
มีหัวใจเด็กน้อยคอยวิ่งตาม

แต่วันนี้กลับมีเพียงรอยแผล
ไร้ใครแลปลอบขวัญให้หายขวาง
ทางชีวิตถูกค้ำด้วยคำปราม
และคำด่ากลับตามทุกคืนวัน

กองงานทับเหมือนภูผาพาให้ล้า
ความเมตตาหายหมดลดหายฝัน
อคติกลืนยิ้มจนสิ้นพลัน
ไม่เหลือวันใสใสเหมือนวัยเยาว์

เขาจึงยืนกลางเมืองที่พร่างหม่น
ก้อนใจปนเศร้าท่วมจนแทบเหงา
หันมองฟ้า…เหมือนฟ้าจะบรรเทา
แต่แสงดาวก็ร่วงเศร้าวันเติบโต

แผ่วเสียงหนึ่งดังก้องในอกลึก
“อยากย้อนนึกกลับไปไม่โตโถง”
อยากกลับหาวัยเด็กแสนเบิกบานโบกโบง
ไม่ต้องพะวงผู้คน…และโลกจริง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่