สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ไม่กี่วันมานี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวกาญจนบุรีมา เป็นทริปที่วิ่งรถไกลที่สุดเท่าที่เคยออกฉายเดี่ยวมา และยังเป็นทริปที่เปิดโลกของผมมาก ๆ เลยด้วย ทริปนี้จะเป็นยังไง จะสนุกมันส์ขนาดไหน ตามมาชมกันเลยครับ
ทริปนี้แต่เดิมผมตั้งใจจะไปชลบุรีครับ ว่าจะไปศรีราชาและเลยไปเที่ยวพัทยา แต่ด้วยความที่ปีนี้วันลอยกระทงมีค่อนข้างเร็ว อย่างปีที่แล้วก็เป็นช่วงกลาง ๆ เดือนพฤษจิฯ ใช่ไหมครับ แต่กับปีนี้ วันลอยกระทงคือวันที่ 5 ซึ่งมันตรงกับช่วงที่ผมกำลังจะไปเที่ยวพอดี ซึ่งทีแรก ผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมีความคิดความคิดนึงแว้บเข้ามาในหัว "เกาะลอยจัดงานลอยกระทงไหมหว่า ?" ก็เลยลองเสิชดู ปรากฎว่าไม่ใช่แค่จัดเฉย ๆ จัดใหญ่ซะด้วย มหรสพคืนแรกมีวงคาราบาวมา และถึงแม้ในเวลาต่อมาจะมีการยกเลิกมหรสพจากเหตุการณ์สำคัญที่เราท่านต่างก็รู้กันดี ก็ไม่ได้แปลว่างานทั้งหมดจะถูกยกเลิกเพราะส่วนที่จะถูกยกเลิกจริง ๆ ก็คือกิจกรรมของทางเทศบาลเท่านั้น เท่านั้นแหละครับ ว้าวุ่นเลยผม คือผมอยากไปเที่ยวทะเลแบบสงบ ๆ เป็นความเงียบสงบท่ามกลางเสียงลมเสียงคลื่น ทำให้ผมต้องหาที่เที่ยวที่ใหม่ จะไปไหนดีล่ะเรา ? ไปเขาใหญ่ไหม ? ไม่เอาดีกว่า ไปบ่อยแล้ว ไปชะอำไหม ? เพิ่งจะมีทริปเพชรบุรีไปเมื่อกลางปีเอง (
ทริปนี้ครับผม) ไม่เอาดีกว่า เพราะงั้นก็เหลืออยู่ที่เดียว ที่ ๆ เคยไปเช้าเย็นกลับกับที่บ้าน ยังไม่เคยบุกตลุยฉายเดี่ยวเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นก็คือจังหวัดกาญจนบุรี โดยที่ ๆ เล็งไว้ก็คือตั้งแต่ไทรโยคไล่ไปถึงระแวกทองผาภูมิ คืนแรกว่าจะไปค้างแถว ๆ ไทรโยค ส่วนคืนที่ 2 จะเลยไปทางทองผาภูมิหรือไม่ก็เลยขึ้นไปปิล็อกเลย และนั่นก็คือสารตั้งต้นของทริปนี้ครับ
หลังจากนับวันนับคืนรอที่จะออกทริป ช่วงเวลาล้อหมุนก็มาถึง ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 บิดรถออกไปตามที่ใจปรารถนา ต่างจากทริปที่ผ่าน ๆ มาเล็กน้อยเพราะทริปนี้ผมไม่ได้ออกถนนใหญ่แต่แรก แต่ผมเลือกที่จะออกทางหลังบ้าน วิ่งเข้าเส้นจงถนอมเลี้ยวเข้าสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ที่วัดใหม่ผดุงเขตุ และออกเส้นบรมฯ ที่สาย 3 ช่วยร่นระยะทางได้ไม่น้อยเลย
วิ่งตามทางไปเรื่อย ๆ จะว่าตามป้ายก็ไม่เชิงนัก เพราะผมอาศัยเปิดกูเกิลแมพดูเป็นระยะ ๆ แล้วอาศัยจำว่าจุดสำคัญ ๆ ที่ต้องเลี้ยวอยู่จุดไหนและต้องเลี้ยวไปทางไหน ไม่ได้เปิดดูตลอดทาง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้วิ่งมาทางนี้ ก็อยากจะซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางซะหน่อย ผมเคยมาเที่ยวกาญฯ กับที่บ้านแล้วก็จริง แต่นั่นก็เป็นการวิ่งเส้น M81 ไม่ได้มาตามทางหลักแบบนี้ จากนครปฐมเข้าสู่บ้านโป่ง ราชบุรี ก่อนจะเข้าสู่กาญจนบุรีที่ท่ามะกา
ลัดเข้าตัวเมืองกาญฯ ก่อนจะเลี้ยวออกที่แยกแก่งเสี้ยน วิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ จากบ้านเรือนก็เปลี่ยนเป็นป่าเขาลำเนาไพร สูดหายใจเข้าลึกกกกก ๆ ฮ้าาาาาา สดชื่น และข้างหน้านั้น แว้บแรกผมนึกว่าฝน แต่ไม่ใช่ นั่นคือหมอก หมอกเน้น ๆ เลย สดชื่นนนนนนนนนน แต่ก็แอบน่ากลัวเพราะทัศนวิสัยลดฮวบเลย ทำให้ขับไปได้ไม่เร็วนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะจุดหมายของเราอยู่อีกไม่ไกล เห็นหมอกหนา ๆ แบบนี้นี่ จะมีปีรามิดเฮดเดินออกมาไหมหว่า
เลยน้ำตกถ้ำเขาพังหรือไทรโยคน้อยมาได้ไม่ไกล เห็นวิวข้างทางแบบนี้ ต้องแวะหน่อยแล้วแหละ ถ้าไม่แวะนี่บาปมาก
เช็กอินสักเล็กน้อย MUSTANG ม้าศึกอายุ 10 ปี ขนาด 150cc. คู่มือของผม
สูดหายใจลึกกกกก ๆ สดชื่นนนนนนนนนนนน หนำใจแล้วก็ไปกันต่อ จุดหมายอยู่อีกไม่ไกล
และแล้วเราก็มาถึง อุทยานแห่งชาติไทรโยค หรือน้ำตกไทรโยคใหญ่
เช็กอินกันอีกสักที
หนำใจแล้วก็บิดตามทางมาเข้าเรื่อย ๆ ค่าเข้า 80 บาทสำหรับ 1 คน
มาดูรูปจากฟิล์มกันหน่อย ทริปนี้ผมเอากล้องมา 2 ตัวเหมือนเคย EOS 1300D เป็นกล้องหลัก L3 + Ultramax 400 เป็นกล้องอาร์ท และมีกล้องโทรศัพท์เป็นกล้องแสน็ป ไว้ถ่ายเก็บรายละเอียดในทริป และที่สำคัญ ตอนกลับถึงบ้าน ผมจับเจ้า L3 ถอดเลนส์ทำความสะอาด ปรากฎว่ามีเศษด้ายจากกระเป๋ากล้องอยู่ในตัวกล้อง ทำให้รูปฟิล์มบางรูปมีเงาดำ ๆ อยู่ตามขอบของรูป ผมก็เลยต้องนั่งลบนั่งแพชก็วุ่นเลย เสียดายมาาาาากกกกกกกกกก ถ้ารู้ก่อนรูปที่ได้ก็คงจะดีกว่านี้
ก่อนอื่นเราก็เอาถุงเสื้อผ้าไปฝากที่ที่พักกันก่อน คืนแรกของทริปนี้ผมค้างที่แพปฐมพร
นี่คือที่พักของเรา
และนี่คือห้องของเรา แอบหวั่น ๆ อยู่เหมือนกันว่าจะนอนได้ไหมเพราะนี่คือครั้งแรกที่ที่พักของผมไม่มีแอร์
แต่มันอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้นะ เพราะดูบรรยากาศหน้าแพสิ
ดูบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักสิ อากาศเย็นสบาย ตกกลางคืนคงจะหนาวเลยแหละ
พบสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นหนึ่งหน่อ ฝากถุงเสื้อผ้าไว้ในห้องแล้ว เดี๋ยวเราเดินไปเที่ยวที่สะพานแขวนกันดีกว่านะ
ข้นมาจากแพ เดินไปตามทางเรื่อย ๆ
นี่คือลำธารที่จะไหลลงไปเป็นน้ำตกไทรโยคใหญ่
มาถึงแล้ว เย่ ~
แม่น้ำข้างล่างนี้คือแควน้อย มันช่าง M A J E S T I C.
มันช่าง G O R G E O U S.
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย ผมเคยเห็นมุมนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่ได้อ่านอ.ส.ท.ฉบับไหนสักฉบับนี่แหละ ตอนนั้นผมอยู่ราว ๆ ปวช. ได้แต่คิดได้แต่ฝัน ว่าสักวันผมจะต้องมาค้างที่นี่ให้ได้สักคืน อย่างน้อย ฝันนั้นก็เป็นจริงแล้ว
สวยงาม ในหัวมีแค่คำ ๆ นี้เลยครับ สวยงาม แพพักของเราอยู่มุมนั้น
เช็กอินสักเล็กน้อย
ข้ามมาดูฝั่งตรงข้ามกันหน่อย ก็ยังสวยงาม
หันไปดูฝั่งสะพานกันหน่อย มันช่าง M A J E S T I C.
นั่นใครน่ะ... อ้อ ผมเอง
อยากจะล่องเรือชมวิวลำน้ำ แต่ที่ท่าไม่มีเรือเลย ก็เลยกลับมาที่แพ ให้ทางแพช่วยติดต่อเรียกเรือให้
เรือมาแล้ว ไปกันเลย ~
แพพักอีกเจ้าที่อยู่ไม่ไกล
น้ำตกไทรโยคเล็ก
มันช่าง สวยงาม
วนอยู่ตรงนี้สักแป้บ แล้วก็ไปกันต่อ
ผ่านแพลากจูงด้วย เป็นแพล่องแม่น้ำเส้นทางเดียวกับเรา
ล่องเรื่อย ๆ ไปตามลำน้ำ
แพพักอีกเจ้าหนึ่ง
พอล่องมาถึงจุดนี้ คนขับก็กลับลำเรือ
แล้วล่องกลับย้อนขึ้นไปตามทางเดิม
ล่องผ่านระแวกแพพักของเรา
ผ่านน้ำตกอีกแห่งหนึ่ง จำได้จากที่เคยมาเมื่อคราวที่แล้วว่านี่เป็นน้ำตกไร้ชื่อ จะปรากฏมาเฉพาะช่วงหน้าน้ำเท่านั้น
ช่วงนี้ของลำน้ำเป็นหน้าผาหิน
โพรงถ้ำพวกนี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ สลักเสลามานานนับล้านปี นับตั้งแต่ที่แผ่นดินนี้ผุดขึ้นมาบนพื้นโลก เพราะถ้าเทียบกันในอายุของธรณีสิทยาแล้ว เท่าที่ผมรู้ แผ่นดินไทยอายุค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับที่อื่น แต่ก็นานพอที่สิ่งน่าอัศจรรย์เหล่านี้จะถือกำเหนิดขึ้น
กำลังจะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย ใกล้ ๆ วัดแม่น้ำน้อย
เดี๋ยวเราจะวนกลับใต้สะพานนี้
อีกด้านของลำน้ำ นี่น่าจะเป็นบริเวณขอบของอช.ไทรโยคแล้ว
เรากำลังล่องกลับ
นั่นคือหน้าผาที่เราผ่านมา
หน้าผาพวกนี้ ไม่รู้ต้องใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะกลายเป้นแบบนี้ได้ สิ่งใดในจักรวาล ถ้ามีปัจจัยของกาลเวลามาเกี่ยวข้องแล้ว ย่อมเสื่อมสลายได้เป็นธรรมดา ต่อให้เป็นภูผาที่สูงส่ง ก็สามารถถูกป่นให้กลายเป็นเม็ดทรายได้ และในขณะเดียวกัน เม้ดทรายเล็กเล็ก ๆ ก็สามารถก่อร่างสร้างตัวเป็นภูเขาสูงได้ ถ้ามีเวลาที่ยาวนานพอ
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย
ล่องไปเรื่อย ๆ ตามลำน้ำฉ่ำเย็นสายนี้
ผ่านน้ำตกไร้ชื่อกันอีกรอบ
กำลังผ่านสะพานแขวน ตามทางเดิมที่เราล่องผ่านมา
[CR] บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : ไทรโยค-ปิล็อก กับทริปฉายเดี่ยวที่ไกลที่สุดของผมในเวลานี้
ทริปนี้แต่เดิมผมตั้งใจจะไปชลบุรีครับ ว่าจะไปศรีราชาและเลยไปเที่ยวพัทยา แต่ด้วยความที่ปีนี้วันลอยกระทงมีค่อนข้างเร็ว อย่างปีที่แล้วก็เป็นช่วงกลาง ๆ เดือนพฤษจิฯ ใช่ไหมครับ แต่กับปีนี้ วันลอยกระทงคือวันที่ 5 ซึ่งมันตรงกับช่วงที่ผมกำลังจะไปเที่ยวพอดี ซึ่งทีแรก ผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมีความคิดความคิดนึงแว้บเข้ามาในหัว "เกาะลอยจัดงานลอยกระทงไหมหว่า ?" ก็เลยลองเสิชดู ปรากฎว่าไม่ใช่แค่จัดเฉย ๆ จัดใหญ่ซะด้วย มหรสพคืนแรกมีวงคาราบาวมา และถึงแม้ในเวลาต่อมาจะมีการยกเลิกมหรสพจากเหตุการณ์สำคัญที่เราท่านต่างก็รู้กันดี ก็ไม่ได้แปลว่างานทั้งหมดจะถูกยกเลิกเพราะส่วนที่จะถูกยกเลิกจริง ๆ ก็คือกิจกรรมของทางเทศบาลเท่านั้น เท่านั้นแหละครับ ว้าวุ่นเลยผม คือผมอยากไปเที่ยวทะเลแบบสงบ ๆ เป็นความเงียบสงบท่ามกลางเสียงลมเสียงคลื่น ทำให้ผมต้องหาที่เที่ยวที่ใหม่ จะไปไหนดีล่ะเรา ? ไปเขาใหญ่ไหม ? ไม่เอาดีกว่า ไปบ่อยแล้ว ไปชะอำไหม ? เพิ่งจะมีทริปเพชรบุรีไปเมื่อกลางปีเอง (ทริปนี้ครับผม) ไม่เอาดีกว่า เพราะงั้นก็เหลืออยู่ที่เดียว ที่ ๆ เคยไปเช้าเย็นกลับกับที่บ้าน ยังไม่เคยบุกตลุยฉายเดี่ยวเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นก็คือจังหวัดกาญจนบุรี โดยที่ ๆ เล็งไว้ก็คือตั้งแต่ไทรโยคไล่ไปถึงระแวกทองผาภูมิ คืนแรกว่าจะไปค้างแถว ๆ ไทรโยค ส่วนคืนที่ 2 จะเลยไปทางทองผาภูมิหรือไม่ก็เลยขึ้นไปปิล็อกเลย และนั่นก็คือสารตั้งต้นของทริปนี้ครับ
หลังจากนับวันนับคืนรอที่จะออกทริป ช่วงเวลาล้อหมุนก็มาถึง ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 บิดรถออกไปตามที่ใจปรารถนา ต่างจากทริปที่ผ่าน ๆ มาเล็กน้อยเพราะทริปนี้ผมไม่ได้ออกถนนใหญ่แต่แรก แต่ผมเลือกที่จะออกทางหลังบ้าน วิ่งเข้าเส้นจงถนอมเลี้ยวเข้าสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ที่วัดใหม่ผดุงเขตุ และออกเส้นบรมฯ ที่สาย 3 ช่วยร่นระยะทางได้ไม่น้อยเลย
วิ่งตามทางไปเรื่อย ๆ จะว่าตามป้ายก็ไม่เชิงนัก เพราะผมอาศัยเปิดกูเกิลแมพดูเป็นระยะ ๆ แล้วอาศัยจำว่าจุดสำคัญ ๆ ที่ต้องเลี้ยวอยู่จุดไหนและต้องเลี้ยวไปทางไหน ไม่ได้เปิดดูตลอดทาง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้วิ่งมาทางนี้ ก็อยากจะซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางซะหน่อย ผมเคยมาเที่ยวกาญฯ กับที่บ้านแล้วก็จริง แต่นั่นก็เป็นการวิ่งเส้น M81 ไม่ได้มาตามทางหลักแบบนี้ จากนครปฐมเข้าสู่บ้านโป่ง ราชบุรี ก่อนจะเข้าสู่กาญจนบุรีที่ท่ามะกา
ลัดเข้าตัวเมืองกาญฯ ก่อนจะเลี้ยวออกที่แยกแก่งเสี้ยน วิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ จากบ้านเรือนก็เปลี่ยนเป็นป่าเขาลำเนาไพร สูดหายใจเข้าลึกกกกก ๆ ฮ้าาาาาา สดชื่น และข้างหน้านั้น แว้บแรกผมนึกว่าฝน แต่ไม่ใช่ นั่นคือหมอก หมอกเน้น ๆ เลย สดชื่นนนนนนนนนน แต่ก็แอบน่ากลัวเพราะทัศนวิสัยลดฮวบเลย ทำให้ขับไปได้ไม่เร็วนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะจุดหมายของเราอยู่อีกไม่ไกล เห็นหมอกหนา ๆ แบบนี้นี่ จะมีปีรามิดเฮดเดินออกมาไหมหว่า
เลยน้ำตกถ้ำเขาพังหรือไทรโยคน้อยมาได้ไม่ไกล เห็นวิวข้างทางแบบนี้ ต้องแวะหน่อยแล้วแหละ ถ้าไม่แวะนี่บาปมาก
เช็กอินสักเล็กน้อย MUSTANG ม้าศึกอายุ 10 ปี ขนาด 150cc. คู่มือของผม
สูดหายใจลึกกกกก ๆ สดชื่นนนนนนนนนนนน หนำใจแล้วก็ไปกันต่อ จุดหมายอยู่อีกไม่ไกล
และแล้วเราก็มาถึง อุทยานแห่งชาติไทรโยค หรือน้ำตกไทรโยคใหญ่
เช็กอินกันอีกสักที
หนำใจแล้วก็บิดตามทางมาเข้าเรื่อย ๆ ค่าเข้า 80 บาทสำหรับ 1 คน
มาดูรูปจากฟิล์มกันหน่อย ทริปนี้ผมเอากล้องมา 2 ตัวเหมือนเคย EOS 1300D เป็นกล้องหลัก L3 + Ultramax 400 เป็นกล้องอาร์ท และมีกล้องโทรศัพท์เป็นกล้องแสน็ป ไว้ถ่ายเก็บรายละเอียดในทริป และที่สำคัญ ตอนกลับถึงบ้าน ผมจับเจ้า L3 ถอดเลนส์ทำความสะอาด ปรากฎว่ามีเศษด้ายจากกระเป๋ากล้องอยู่ในตัวกล้อง ทำให้รูปฟิล์มบางรูปมีเงาดำ ๆ อยู่ตามขอบของรูป ผมก็เลยต้องนั่งลบนั่งแพชก็วุ่นเลย เสียดายมาาาาากกกกกกกกกก ถ้ารู้ก่อนรูปที่ได้ก็คงจะดีกว่านี้
ก่อนอื่นเราก็เอาถุงเสื้อผ้าไปฝากที่ที่พักกันก่อน คืนแรกของทริปนี้ผมค้างที่แพปฐมพร
นี่คือที่พักของเรา
และนี่คือห้องของเรา แอบหวั่น ๆ อยู่เหมือนกันว่าจะนอนได้ไหมเพราะนี่คือครั้งแรกที่ที่พักของผมไม่มีแอร์
แต่มันอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้นะ เพราะดูบรรยากาศหน้าแพสิ
ดูบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักสิ อากาศเย็นสบาย ตกกลางคืนคงจะหนาวเลยแหละ
พบสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นหนึ่งหน่อ ฝากถุงเสื้อผ้าไว้ในห้องแล้ว เดี๋ยวเราเดินไปเที่ยวที่สะพานแขวนกันดีกว่านะ
ข้นมาจากแพ เดินไปตามทางเรื่อย ๆ
นี่คือลำธารที่จะไหลลงไปเป็นน้ำตกไทรโยคใหญ่
มาถึงแล้ว เย่ ~
แม่น้ำข้างล่างนี้คือแควน้อย มันช่าง M A J E S T I C.
มันช่าง G O R G E O U S.
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย ผมเคยเห็นมุมนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่ได้อ่านอ.ส.ท.ฉบับไหนสักฉบับนี่แหละ ตอนนั้นผมอยู่ราว ๆ ปวช. ได้แต่คิดได้แต่ฝัน ว่าสักวันผมจะต้องมาค้างที่นี่ให้ได้สักคืน อย่างน้อย ฝันนั้นก็เป็นจริงแล้ว
สวยงาม ในหัวมีแค่คำ ๆ นี้เลยครับ สวยงาม แพพักของเราอยู่มุมนั้น
เช็กอินสักเล็กน้อย
ข้ามมาดูฝั่งตรงข้ามกันหน่อย ก็ยังสวยงาม
หันไปดูฝั่งสะพานกันหน่อย มันช่าง M A J E S T I C.
นั่นใครน่ะ... อ้อ ผมเอง
อยากจะล่องเรือชมวิวลำน้ำ แต่ที่ท่าไม่มีเรือเลย ก็เลยกลับมาที่แพ ให้ทางแพช่วยติดต่อเรียกเรือให้
เรือมาแล้ว ไปกันเลย ~
แพพักอีกเจ้าที่อยู่ไม่ไกล
น้ำตกไทรโยคเล็ก
มันช่าง สวยงาม
วนอยู่ตรงนี้สักแป้บ แล้วก็ไปกันต่อ
ผ่านแพลากจูงด้วย เป็นแพล่องแม่น้ำเส้นทางเดียวกับเรา
ล่องเรื่อย ๆ ไปตามลำน้ำ
แพพักอีกเจ้าหนึ่ง
พอล่องมาถึงจุดนี้ คนขับก็กลับลำเรือ
แล้วล่องกลับย้อนขึ้นไปตามทางเดิม
ล่องผ่านระแวกแพพักของเรา
ผ่านน้ำตกอีกแห่งหนึ่ง จำได้จากที่เคยมาเมื่อคราวที่แล้วว่านี่เป็นน้ำตกไร้ชื่อ จะปรากฏมาเฉพาะช่วงหน้าน้ำเท่านั้น
ช่วงนี้ของลำน้ำเป็นหน้าผาหิน
โพรงถ้ำพวกนี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ สลักเสลามานานนับล้านปี นับตั้งแต่ที่แผ่นดินนี้ผุดขึ้นมาบนพื้นโลก เพราะถ้าเทียบกันในอายุของธรณีสิทยาแล้ว เท่าที่ผมรู้ แผ่นดินไทยอายุค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับที่อื่น แต่ก็นานพอที่สิ่งน่าอัศจรรย์เหล่านี้จะถือกำเหนิดขึ้น
กำลังจะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย ใกล้ ๆ วัดแม่น้ำน้อย
เดี๋ยวเราจะวนกลับใต้สะพานนี้
อีกด้านของลำน้ำ นี่น่าจะเป็นบริเวณขอบของอช.ไทรโยคแล้ว
เรากำลังล่องกลับ
นั่นคือหน้าผาที่เราผ่านมา
หน้าผาพวกนี้ ไม่รู้ต้องใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะกลายเป้นแบบนี้ได้ สิ่งใดในจักรวาล ถ้ามีปัจจัยของกาลเวลามาเกี่ยวข้องแล้ว ย่อมเสื่อมสลายได้เป็นธรรมดา ต่อให้เป็นภูผาที่สูงส่ง ก็สามารถถูกป่นให้กลายเป็นเม็ดทรายได้ และในขณะเดียวกัน เม้ดทรายเล็กเล็ก ๆ ก็สามารถก่อร่างสร้างตัวเป็นภูเขาสูงได้ ถ้ามีเวลาที่ยาวนานพอ
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย
ล่องไปเรื่อย ๆ ตามลำน้ำฉ่ำเย็นสายนี้
ผ่านน้ำตกไร้ชื่อกันอีกรอบ
กำลังผ่านสะพานแขวน ตามทางเดิมที่เราล่องผ่านมา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น