สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ไม่กี่วันที่ผ่านมาผมหาเรื่องลุยพายุลุยฝนไปเที่ยวเพชรบุรีมาครับ ซึ่งทริปนี้จะเป็นยังไง จะเปียกหรือเละขนาดไหน ตามมาชมกันเลยครับ

ทริปนี้เป็นทริปที่ผมวางแผนไว้นานแล้ว หลังจากจบทริปที่แล้ว ผมก็เริ่มคิดครั้งต่อไปจะไปที่ไหนดี ชลบุรีไหม ไม่เอาดีกว่า ชลบุรีไว้ท้ายปีน่าจะดีกว่า งั้นไปเพชรบุรีละกัน พอได้ไอเดียแบบนั้น ก็เลยคิดได้ว่า จะหาเรื่องไปหาดเจ้าสำราญแบบปีที่แล้ว แต่จะออกเที่ยวให้ลึกกว่าเดิม เข้าไปเดินถ่ายรูปเล่นในตัวเมืองเพชรฯ แล้วก็หาเรื่องเลยไปแถว ๆ หัวหินด้วย เมื่อได้แผนคร่าว ๆ แล้วผมก็จัดการจองที่พักและนับวันเวลาออกทริป
ทว่า สิ่งที่ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น ไม่กี่วันก่อนออกทริป พายุเข้าครับ พายุฤดูร้อนและฝนชุดแรกของปี ที่บ้านฝนตกแทบทุกวัน ทำเอาใจฝ่อเลยครับ ทีแรกก็คิดว่าจะเลื่อนออกไปสักวันสองวันดีไหม แต่คิดไปคิดมา ช่างมันเถอะ ลุยมันทั้งฝน ๆ นี่แหละ เรามีเสื้อกันฝนอยู่แล้วนี่ บวกกับถ้าจะต้องเลื่อน ก็ต้องโทรขอเลื่อนวันกับที่พักให้ยุ่งยากอีก ฉนั้น ไปวันเดิมนี่แหละ ง่ายดี
และแล้วก็ถึงวันออกเดินทาง ตามสูตรของตตัวผม เด้งจากเตียงตอนตี 3 ครึ่ง แบกกระเป๋าสะพายเสื้อกันฝน แล้วบิดออกไปตามเส้นทางที่เฝ้ารอ ขาไปของทริปนี้ผมจะรีบ ๆ หน่อยครับ ตั้งแต่ออกทริปมา ไม่มีทริปไหนที่ผมล่กเท่าทริปนี้แล้วล่ะ ก็เลยไม่มีรูประหว่างเดินทางขาไป เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าแก่งกระจานจุดหมายแรกของทริปนี้ ฝนจะตกช่วง 8 โมงเป็นต้นไป ผมนี่บิดแหลกเลยครับ ทริปนี้ผมออกจากบ้าน ไปทางเส้นพุทธมณฑลสาย 4 ก่อนไปทะลุกระทุ่มแบน และไปออกพระราม 2 ที่มหาชัย ช่วงที่อยู่ในเส้นพุทธมณฑลยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ แต่พอเข้าพระราม 2 ปุ้บ รู้เรื่องเลย ฝนที่ตกเมื่อวานทำให้เกิดน้ำขัง อันนั้นพอรับได้เช็ดออกไม่ยาก แต่กับพระราม 2 ถนนในตำนานผู้เป็นอนันต์ มันเป็นโคลนเลยครับ ฝุ่นปูนจากโครงการก่อสร้างผสมกับดินกระเด็นออกมาจากพื้นที่ก่อสร้าง เกิดเป็นโคลนชั้นดีที่จะทำให้รถเละไปทั้งคันได้ไม่ยาก ผมเข้าปั้ม จอดข้าง ๆ ห้องน้ำ แล้วก็เอาผ้าชุบน้ำเช็ดออกถึงจะค่อยดูได้หน่อย (เวลาออกทริปผมจะมีผ้าขี้ริ้วเช็ดรถติดไปด้วยเสมอครับ) พอหลุดจากเส้นพระราม 2 ผมก็บิดต่อไปเรื่อย ๆ ผ่านตัวเมืองเพชรบุรี เจอฝนครับ ฝนลงปรอย ๆ เป็นละอองสเปรย์ เย็นฉ่ำดี ส่วนรถก็เละไปอีกครั้งตามระเบียบ ช่างมัน ถ้าเละก็เช็ดซะ พอผ่านโลตัสท่ายาง ผมก็เลี้ยวรถเข้าเส้น 3499 ล่องขึ้นไปตามทางเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดหมายแรกของทริปนี้ เขื่อนแก่งกระจาน

สูดหายใจลึก ๆ เฮ้อออออ ค่อยชื่นใจหน่อย

หันมาดูข้างหลัง เขาว่าการมาเที่ยวป่า ต้องมาหน้าฝนเพราะจะเป็นช่วงที่ป่าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด มันเป็นแบบนี้นี่เอง

ขุนเขายะเยือก ทริปนี้ผมมี 1300D เป็นกล้องหลัก และ L3 ใส่ฟิล์ม Gold 200 เป็นกล้องอาร์ท ส่วนการสแน็บก็จะเป็นหน้าที่ของกล้องมือถือ ซึ่งสำหรับรูปฟิล์มแล้ว แอบเซ็งนิด ๆ ทริปที่แล้วผมถ่ายติดโอเวอร์ใช่ไหมครับ ทริปนี้ผมถ่ายติดอันเดอร์ไปหน่อย ภาพก็เลยดูมืดเกิ้น

หันมาดูฝั่งในเขื่อนกันบ้าง น้ำในเขื่อนยังแห้งอยู่ แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะเต็มเขื่อนแหละหลังจากเจอฝนต่อเนื่องสักเดือนนึง

ยัดเลนซ์ซูมดูรอบข้างกันหน่อย

มันช่าง ส ว ย ง า ม

แดดเริ่มออกแล้ว รูปฟิล์มค่อยดูได้หน่อย

อีกสักรูปก่อนไปต่อ

มาแก่งกระจานทั้งที ไม่แวะมาสะพานแขวนก็กระไรอยู่ แวะเข้าไปซะหน่อย

โห มุมนี้น้ำแห้งจัดเลยครับ

เรือนำเที่ยวของชาวบ้านต้องไปจอดกันอยู่ตรงนู้น

แต่ถึงจะแห้งไปหน่อย มันก็ยังคงสวยงาม

บนสะพาน ด้วยความที่น้ำแห้ง เหล่าปลาทั้งหลายก็เลยมากระจุกกันอยู่ในแอ่ง เล่นซะสัญชาติญาณความเป็นคนตกปลาของผมกำเริบเลยครับ เพราะเวลาที่มาล่องเรือตตีเหยื่อปลอมตามเขื่อน ช่วงหน้าร้อนกับช่วงหน้าหนาวคือช่วงที่ดีที่สุด เพราะน้ำนิ่ง ปลาไม่เหลิงน้ำเข้าป่าหมด แถมถ้าเป็นหน้าร้อน ปลาก็ยังมากระจุกอยู่ในจุดเดียวกันด้วย อย่างระหว่างที่กำละงเดินอยู่ ผมเห็นชะโดป้อกขึ้นจิบน้ำเต็มเลยครับ เห็นแล้วคันบอกเลย ยิ่งปีนี้ผมยังไม่ได้จับคันเบ็ดเลยด้วย

ใจเย็น ๆ วันนี้เรามาฐานะคนถ่ายรูป กดสัญชาตติญาณคนตกปลาไว้ก่อน ข้างล่างน้ำแห้ง และมีทางเดินลง งั้นเราหาเรื่องลงไปเดินดูอะไรกันหน่อยดีกว่า

มุมนี้เป็นมุมใต้สะพาน

มีหญ้าขึ้นระบัดเต็มไปหมด งั้นเราใส่เลนซ์ละลายหลังส่องต้นไม้ใบหญ้ากันหน่อยดีกว่า

ดอกหญ้าปลิวตามลม

ดอกกะทกรก

สมควรแก่เวลา เดี๋ยวเราไปกันต่อดีกว่า

ระหว่างที่เดินข้ามกลับมา ผมเห็นเจ้าพวกนี้อยู่ตามเขตน้ำตื้นเต็มเลย ถึงว่าปลากินเนื้อมากระจุกกันอยู่ตรงนี้ แค่จุดนี้จุดเดียว ผมเห็นชะโดขึ้นจิบน้ำไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งในเวลาแค่ราว ๆ 10 นาที แถมยังมีตัวแบน ๆ ขาว ๆ สามเหลี่ยม ๆ ขึ้นน้ำด้วย เห็นแค่แว้บ ๆ น่าจะเป็นปลากราย

ก่อนไป แวะถ่ายรูปกันหน่อย

มุมยอดฮิต ป้ายอุทยานแห่งชาตติแก่งกระจาน

มุมนี้สวย

อีกสักรูปก่อนไปต่อ

หลังจากที่บิดรถออกมา ผมหาเรื่องก็แวะร้านกาแฟสักที ยังไม่ได้หาอะไรแก้ง่วงเลยจะเป็นซอมบี้แล้ว และระหว่างที่ผมกำลังสั่งกาแฟ สายตาผมก็เหลือบมาเห็นมุมนี้พอดี จัดไปหนึ่งโช้ะ

กาแฟที่สั่งมาแล้ว ค่อยชื่นนนนนนใจหน่อย

ออกจากร้านกาแฟ ผมก็บิดต่อมาเรื่อย ๆ เพื่อที่จะไปทะลุเส้นเลียบชายฝั่งแถว ๆ หาดปึกเตียน ซึ่งระหว่างทางก็ต้องผ่านท้องนาชายทะเล บรรยากาศแบบนี้ต้องหาเรื่องแวะกดรูปสักรูป

มุมนี้ก็สวย

และระหว่างที่กำลังบิดไปตามทางนั้น อื้อหือออออ มืดตึ้บมาเลย ไม่รอดครับ เจอฝนถล่ม ยังดีที่มันตกไม่นานก็เลยลุยได้

หลังจากมาทะลุถนนเลียบชายทะเล ผมก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปหาดเจ้าสำราญ แน่นอนว่าระหว่างทางตต้องผ่านท่าเรือประมง ไม่แวะไม่ได้

ตามสภาพแสงเลยครับ สีมันก็จะเข้ม ๆ หน่อยสำหรับฟิล์ม

มีเปลือกหอยสังฆ์ร้อยเชือกอยู่เต็มเลยครับ ลองถามลุงที่กำลังซ่อมข่ายอยู่ แกบอกว่าไว้ดักหมึกสาย ตรงกับสิ่งที่ผมรู้เป้ะเลย ทะเลเนี้ย พื้นมันไม่ได้มีแค่ปะการังหรือโขดหินอย่างเดียวนะครับ มันยังมีพื้นทะเลโล่ง ๆ ที่เรียกว่า Mud Flat หรือก็คือพื้นทะเลโล่ง ๆ ที่พื้นเป็นทรายปนเลนหรือทรายล้วน ซึ่งในพื้นที่นี้มักจะมีสัตว์ที่พบเห็นไม่ได้ตตตามแนวปะการังหรือโขดหิน และมักจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจด้วย อย่างพวกปลาดุกทะเล ซึ่งด้วยความที่มันเป็นพื้นที่โล่ง ๆ สัตว์เล็กก็ต้องหาที่กำบังไม่ให้ตตกเป็นเป้าของสัตว์ผู้ล่า เช่น กั้งตั้กแตนก็จะขุดรูหลบลงไป ในขณะที่หมึกสายก็จะหาเปลือกหอยใช้เป็นที่หลบ ชาวบ้านเขาก็เลยใช้เปลือกหอยสังฆ์เจาะรูร้อยเป็นสายทิ้งไว้ตามพื้นทะเล ไว้ใช้ดักหมึกสายโดยเฉพาะ ซึ่งอันนี้ผมเชื่อว่าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านโดยแท้เลยล่ะ

ออกจากท่าเรือประมง บิดออกมาอีกนิดหน่อยก็มาถึงหน้าหาดเจ้าสำราญ เลยมาอีกนิดหน่อยก็มาถึงที่พักของเราในทริปนี้ แน่นอนยังเข้าพักไม่ได้ ผมก็เลยจะมาขอฝากถุงเสื้อผ้าไว้ก่อน แล้วจะได้ออกไปเที่ยวที่อื่นก่อน

เที่ยงแล้ว มาหาดเจ้าฯ ทั้งทีก็ต้องแวะมาจัดมื้อเที่ยงที่ครัวปรียานนท์

และแน่นอน ของขึ้นชื่อของที่นี่ ผักชะคราม

ระหว่างจัดการกับมื้อเที่ยงอยู่นั้น เรียบร้อยครับ ติดฝนกันอีกสักรอบ งวดนี้ลงหนักด้วย

หลังจากฝนหยุด ผมก็บิดเข้าตัวเมืองเพชรฯ หาเรื่องขึ้นไปชมวิวบนเขาวังกันหน่อยดีกว่า

บรรยากาศดีเหมือนเดิม

ส ว ย ง า ม เมฆมามืดตึ้บเลย

ฝั่งของวัดเขาวัง

ใส่เลนซ์เบลอหลังส่องแบบเจาะลึกกันหน่อยดีกว่า

ชอบจริง ๆ แพทเทิร์นกระถางเรียงกันแบบนี้

ลีลาวดีรอบ ๆ อายุของแต่ละต้นคงไม่ต้องสืบ ใหญ่ขนาดนี้คงอยู่มาตั้งแต่เขาวังเพิ่งสร้างแน่นอน

เจดีย์วัดเขาวัง

ตอนนี้มีโซนร้านขายของฝากเพิ่มเข้ามาด้วย ผมก็เลยแวะกดซีนนี้ซะหน่อย

บรรยากาศตัวเมืองเพชรฯ วันนี้ ฝนมามืดตึ้บเลย

ขาวโพลนมาเลย ไม่น่ารอดแล้วแหละครับ เปียกแน่นอน
[CR] บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : ขี่พายุ ทะลุเพชรบุรี
ทริปนี้เป็นทริปที่ผมวางแผนไว้นานแล้ว หลังจากจบทริปที่แล้ว ผมก็เริ่มคิดครั้งต่อไปจะไปที่ไหนดี ชลบุรีไหม ไม่เอาดีกว่า ชลบุรีไว้ท้ายปีน่าจะดีกว่า งั้นไปเพชรบุรีละกัน พอได้ไอเดียแบบนั้น ก็เลยคิดได้ว่า จะหาเรื่องไปหาดเจ้าสำราญแบบปีที่แล้ว แต่จะออกเที่ยวให้ลึกกว่าเดิม เข้าไปเดินถ่ายรูปเล่นในตัวเมืองเพชรฯ แล้วก็หาเรื่องเลยไปแถว ๆ หัวหินด้วย เมื่อได้แผนคร่าว ๆ แล้วผมก็จัดการจองที่พักและนับวันเวลาออกทริป
ทว่า สิ่งที่ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น ไม่กี่วันก่อนออกทริป พายุเข้าครับ พายุฤดูร้อนและฝนชุดแรกของปี ที่บ้านฝนตกแทบทุกวัน ทำเอาใจฝ่อเลยครับ ทีแรกก็คิดว่าจะเลื่อนออกไปสักวันสองวันดีไหม แต่คิดไปคิดมา ช่างมันเถอะ ลุยมันทั้งฝน ๆ นี่แหละ เรามีเสื้อกันฝนอยู่แล้วนี่ บวกกับถ้าจะต้องเลื่อน ก็ต้องโทรขอเลื่อนวันกับที่พักให้ยุ่งยากอีก ฉนั้น ไปวันเดิมนี่แหละ ง่ายดี
และแล้วก็ถึงวันออกเดินทาง ตามสูตรของตตัวผม เด้งจากเตียงตอนตี 3 ครึ่ง แบกกระเป๋าสะพายเสื้อกันฝน แล้วบิดออกไปตามเส้นทางที่เฝ้ารอ ขาไปของทริปนี้ผมจะรีบ ๆ หน่อยครับ ตั้งแต่ออกทริปมา ไม่มีทริปไหนที่ผมล่กเท่าทริปนี้แล้วล่ะ ก็เลยไม่มีรูประหว่างเดินทางขาไป เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าแก่งกระจานจุดหมายแรกของทริปนี้ ฝนจะตกช่วง 8 โมงเป็นต้นไป ผมนี่บิดแหลกเลยครับ ทริปนี้ผมออกจากบ้าน ไปทางเส้นพุทธมณฑลสาย 4 ก่อนไปทะลุกระทุ่มแบน และไปออกพระราม 2 ที่มหาชัย ช่วงที่อยู่ในเส้นพุทธมณฑลยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ แต่พอเข้าพระราม 2 ปุ้บ รู้เรื่องเลย ฝนที่ตกเมื่อวานทำให้เกิดน้ำขัง อันนั้นพอรับได้เช็ดออกไม่ยาก แต่กับพระราม 2 ถนนในตำนานผู้เป็นอนันต์ มันเป็นโคลนเลยครับ ฝุ่นปูนจากโครงการก่อสร้างผสมกับดินกระเด็นออกมาจากพื้นที่ก่อสร้าง เกิดเป็นโคลนชั้นดีที่จะทำให้รถเละไปทั้งคันได้ไม่ยาก ผมเข้าปั้ม จอดข้าง ๆ ห้องน้ำ แล้วก็เอาผ้าชุบน้ำเช็ดออกถึงจะค่อยดูได้หน่อย (เวลาออกทริปผมจะมีผ้าขี้ริ้วเช็ดรถติดไปด้วยเสมอครับ) พอหลุดจากเส้นพระราม 2 ผมก็บิดต่อไปเรื่อย ๆ ผ่านตัวเมืองเพชรบุรี เจอฝนครับ ฝนลงปรอย ๆ เป็นละอองสเปรย์ เย็นฉ่ำดี ส่วนรถก็เละไปอีกครั้งตามระเบียบ ช่างมัน ถ้าเละก็เช็ดซะ พอผ่านโลตัสท่ายาง ผมก็เลี้ยวรถเข้าเส้น 3499 ล่องขึ้นไปตามทางเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดหมายแรกของทริปนี้ เขื่อนแก่งกระจาน
สูดหายใจลึก ๆ เฮ้อออออ ค่อยชื่นใจหน่อย
หันมาดูข้างหลัง เขาว่าการมาเที่ยวป่า ต้องมาหน้าฝนเพราะจะเป็นช่วงที่ป่าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ขุนเขายะเยือก ทริปนี้ผมมี 1300D เป็นกล้องหลัก และ L3 ใส่ฟิล์ม Gold 200 เป็นกล้องอาร์ท ส่วนการสแน็บก็จะเป็นหน้าที่ของกล้องมือถือ ซึ่งสำหรับรูปฟิล์มแล้ว แอบเซ็งนิด ๆ ทริปที่แล้วผมถ่ายติดโอเวอร์ใช่ไหมครับ ทริปนี้ผมถ่ายติดอันเดอร์ไปหน่อย ภาพก็เลยดูมืดเกิ้น
หันมาดูฝั่งในเขื่อนกันบ้าง น้ำในเขื่อนยังแห้งอยู่ แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะเต็มเขื่อนแหละหลังจากเจอฝนต่อเนื่องสักเดือนนึง
ยัดเลนซ์ซูมดูรอบข้างกันหน่อย
มันช่าง ส ว ย ง า ม
แดดเริ่มออกแล้ว รูปฟิล์มค่อยดูได้หน่อย
อีกสักรูปก่อนไปต่อ
มาแก่งกระจานทั้งที ไม่แวะมาสะพานแขวนก็กระไรอยู่ แวะเข้าไปซะหน่อย
โห มุมนี้น้ำแห้งจัดเลยครับ
เรือนำเที่ยวของชาวบ้านต้องไปจอดกันอยู่ตรงนู้น
แต่ถึงจะแห้งไปหน่อย มันก็ยังคงสวยงาม
บนสะพาน ด้วยความที่น้ำแห้ง เหล่าปลาทั้งหลายก็เลยมากระจุกกันอยู่ในแอ่ง เล่นซะสัญชาติญาณความเป็นคนตกปลาของผมกำเริบเลยครับ เพราะเวลาที่มาล่องเรือตตีเหยื่อปลอมตามเขื่อน ช่วงหน้าร้อนกับช่วงหน้าหนาวคือช่วงที่ดีที่สุด เพราะน้ำนิ่ง ปลาไม่เหลิงน้ำเข้าป่าหมด แถมถ้าเป็นหน้าร้อน ปลาก็ยังมากระจุกอยู่ในจุดเดียวกันด้วย อย่างระหว่างที่กำละงเดินอยู่ ผมเห็นชะโดป้อกขึ้นจิบน้ำเต็มเลยครับ เห็นแล้วคันบอกเลย ยิ่งปีนี้ผมยังไม่ได้จับคันเบ็ดเลยด้วย
ใจเย็น ๆ วันนี้เรามาฐานะคนถ่ายรูป กดสัญชาตติญาณคนตกปลาไว้ก่อน ข้างล่างน้ำแห้ง และมีทางเดินลง งั้นเราหาเรื่องลงไปเดินดูอะไรกันหน่อยดีกว่า
มุมนี้เป็นมุมใต้สะพาน
มีหญ้าขึ้นระบัดเต็มไปหมด งั้นเราใส่เลนซ์ละลายหลังส่องต้นไม้ใบหญ้ากันหน่อยดีกว่า
ดอกหญ้าปลิวตามลม
ดอกกะทกรก
สมควรแก่เวลา เดี๋ยวเราไปกันต่อดีกว่า
ระหว่างที่เดินข้ามกลับมา ผมเห็นเจ้าพวกนี้อยู่ตามเขตน้ำตื้นเต็มเลย ถึงว่าปลากินเนื้อมากระจุกกันอยู่ตรงนี้ แค่จุดนี้จุดเดียว ผมเห็นชะโดขึ้นจิบน้ำไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งในเวลาแค่ราว ๆ 10 นาที แถมยังมีตัวแบน ๆ ขาว ๆ สามเหลี่ยม ๆ ขึ้นน้ำด้วย เห็นแค่แว้บ ๆ น่าจะเป็นปลากราย
ก่อนไป แวะถ่ายรูปกันหน่อย
มุมยอดฮิต ป้ายอุทยานแห่งชาตติแก่งกระจาน
มุมนี้สวย
อีกสักรูปก่อนไปต่อ
หลังจากที่บิดรถออกมา ผมหาเรื่องก็แวะร้านกาแฟสักที ยังไม่ได้หาอะไรแก้ง่วงเลยจะเป็นซอมบี้แล้ว และระหว่างที่ผมกำลังสั่งกาแฟ สายตาผมก็เหลือบมาเห็นมุมนี้พอดี จัดไปหนึ่งโช้ะ
กาแฟที่สั่งมาแล้ว ค่อยชื่นนนนนนใจหน่อย
ออกจากร้านกาแฟ ผมก็บิดต่อมาเรื่อย ๆ เพื่อที่จะไปทะลุเส้นเลียบชายฝั่งแถว ๆ หาดปึกเตียน ซึ่งระหว่างทางก็ต้องผ่านท้องนาชายทะเล บรรยากาศแบบนี้ต้องหาเรื่องแวะกดรูปสักรูป
มุมนี้ก็สวย
และระหว่างที่กำลังบิดไปตามทางนั้น อื้อหือออออ มืดตึ้บมาเลย ไม่รอดครับ เจอฝนถล่ม ยังดีที่มันตกไม่นานก็เลยลุยได้
หลังจากมาทะลุถนนเลียบชายทะเล ผมก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปหาดเจ้าสำราญ แน่นอนว่าระหว่างทางตต้องผ่านท่าเรือประมง ไม่แวะไม่ได้
ตามสภาพแสงเลยครับ สีมันก็จะเข้ม ๆ หน่อยสำหรับฟิล์ม
มีเปลือกหอยสังฆ์ร้อยเชือกอยู่เต็มเลยครับ ลองถามลุงที่กำลังซ่อมข่ายอยู่ แกบอกว่าไว้ดักหมึกสาย ตรงกับสิ่งที่ผมรู้เป้ะเลย ทะเลเนี้ย พื้นมันไม่ได้มีแค่ปะการังหรือโขดหินอย่างเดียวนะครับ มันยังมีพื้นทะเลโล่ง ๆ ที่เรียกว่า Mud Flat หรือก็คือพื้นทะเลโล่ง ๆ ที่พื้นเป็นทรายปนเลนหรือทรายล้วน ซึ่งในพื้นที่นี้มักจะมีสัตว์ที่พบเห็นไม่ได้ตตตามแนวปะการังหรือโขดหิน และมักจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจด้วย อย่างพวกปลาดุกทะเล ซึ่งด้วยความที่มันเป็นพื้นที่โล่ง ๆ สัตว์เล็กก็ต้องหาที่กำบังไม่ให้ตตกเป็นเป้าของสัตว์ผู้ล่า เช่น กั้งตั้กแตนก็จะขุดรูหลบลงไป ในขณะที่หมึกสายก็จะหาเปลือกหอยใช้เป็นที่หลบ ชาวบ้านเขาก็เลยใช้เปลือกหอยสังฆ์เจาะรูร้อยเป็นสายทิ้งไว้ตามพื้นทะเล ไว้ใช้ดักหมึกสายโดยเฉพาะ ซึ่งอันนี้ผมเชื่อว่าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านโดยแท้เลยล่ะ
ออกจากท่าเรือประมง บิดออกมาอีกนิดหน่อยก็มาถึงหน้าหาดเจ้าสำราญ เลยมาอีกนิดหน่อยก็มาถึงที่พักของเราในทริปนี้ แน่นอนยังเข้าพักไม่ได้ ผมก็เลยจะมาขอฝากถุงเสื้อผ้าไว้ก่อน แล้วจะได้ออกไปเที่ยวที่อื่นก่อน
เที่ยงแล้ว มาหาดเจ้าฯ ทั้งทีก็ต้องแวะมาจัดมื้อเที่ยงที่ครัวปรียานนท์
และแน่นอน ของขึ้นชื่อของที่นี่ ผักชะคราม
ระหว่างจัดการกับมื้อเที่ยงอยู่นั้น เรียบร้อยครับ ติดฝนกันอีกสักรอบ งวดนี้ลงหนักด้วย
หลังจากฝนหยุด ผมก็บิดเข้าตัวเมืองเพชรฯ หาเรื่องขึ้นไปชมวิวบนเขาวังกันหน่อยดีกว่า
บรรยากาศดีเหมือนเดิม
ส ว ย ง า ม เมฆมามืดตึ้บเลย
ฝั่งของวัดเขาวัง
ใส่เลนซ์เบลอหลังส่องแบบเจาะลึกกันหน่อยดีกว่า
ชอบจริง ๆ แพทเทิร์นกระถางเรียงกันแบบนี้
ลีลาวดีรอบ ๆ อายุของแต่ละต้นคงไม่ต้องสืบ ใหญ่ขนาดนี้คงอยู่มาตั้งแต่เขาวังเพิ่งสร้างแน่นอน
เจดีย์วัดเขาวัง
ตอนนี้มีโซนร้านขายของฝากเพิ่มเข้ามาด้วย ผมก็เลยแวะกดซีนนี้ซะหน่อย
บรรยากาศตัวเมืองเพชรฯ วันนี้ ฝนมามืดตึ้บเลย
ขาวโพลนมาเลย ไม่น่ารอดแล้วแหละครับ เปียกแน่นอน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น