สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง เสาร์-อทิตย์ที่ผ่านมา ผมหาเรื่องไปแก่งกระจานกับหาดเจ้าสำราญมาครับ ซึ่งทริปนี้จะเป็นยังไง ตามมาชมกันเลยครับ
ทริปนี้เป็นฟ้าผ่า คือนึกจะไปก็ไปเลย ถึงขั้นที่ว่า ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ นึกอยากไปถ่ายรูปที่แก่งกระจานกับนอนค้างหาดเจ้าฯ สักคืนนึง ตอนนั้นผมโทรถามที่บ้านก่อนเลยว่าเสาร์-อทิตย์นี้มีนัดอะไรไหม และผมก็ได้ไฟเขียว กลับมาบ้านจัดแจงเตรียมข้าวของสำหรับ 1 คืน แล้วเข้านอนแต่หัวค่ำเตรียมเดินทางในวันรุ่งขึ้น ช่างเป็นทริปที่ปุบปับมากเลยนะครับ ว่าไหม 555
เช้าวันเดินทาง ตามสูตรสำเร็จของตัวผม เด้งจากเตียงตอนตี 3 ครึ่ง อาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวเรียบร้อยก่อนควบอาชาศึกคู่มือ MUSTANG R15 ออกสู่ท้องถนน ทริปนี้ผมตั้งใจวิ่งเส้นพระราม 2 เพราะที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ลองวิ่งไปอำพวาช่วงสาย ๆ ถึงรถจะติดแต่มันก็ไม่ได้ติดมาก ในทางกลับกัน ถ้าวิ่งพุทธมลฑลสาย 4 มาทะลุกระทุ่มแบนก่อนมาออกมหาชัยน่าจะใช้เวลานานกว่า เพราะถึงจะลัดกว่าแต่ก็คงทำความเร็วได้ไม่มาก แถมไฟแดงเยอะด้วย ทีแรกผมคิดแบบนั้นครับ ซึ่งสุดท้ายมันก็ทำให้ผมรู้ว่าตัวผมคิดผิด พระราม 2 ช่วงแสมดำยามเช้ามืดเป็นอะไรที่นรกมาก เขาปิดเลนซ์กลางแถมยังมาเบียดเบียนเลนซ์นอกหรือเลนซ์โลคอล์จนเหลือแค่ 2 เลนซ์อีก รถบรรทุกก็เยอะ ถนนก็เดี๋ยวบีบเดี๋ยวเบี่ยง นรกจัดเลยครับ มาโล่งเอาจริง ๆ ก็คือหลังจากที่เลยตัวเมืองสมุทรสาครมาแล้ว เป็น 1 ชั่วโมงที่ผมรู้สึกรำเค็ญมาก เข็ดเลยอ่ะ เดี๋ยวขากลับจะกลับทางราชบุรีด้วยเส้นเพชรเกษมแทน จะดูว่าเร็วกว่ากันไหม
พอเข้าเขตจังหวัดสมุทรสงครามปุ้บ เท่านั้นแหละครับ ฝนตก ยังดีที่ตกปรอย ๆ และถนนยังไม่เป็นน้ำโคลนถึงจะหนาเม็ดก็ตาม เปียกชุ่มเลยครับ บิดฝ่าฝนมาจนถึงปั้มป.ต.ท.คลองโคนในตำนาน เติมเต็มถัง หากาเฟอีนกระแทกตา เช็ดคราบน้ำคราบโคลนก่อนออกลุยต่อ โดยในทริปนี้จุดหมายแรกคือเขื่อนแก่งกระจาน ตั้งใจว่าจะไปเขื่อนก่อน แล้วค่อยลองลงมาทะเล
บิดตามทางมาเรื่อย ๆ เจอครบเลยครับทั้งทางดำ ทางดิน และทางกำลังปรับปรุง จะว่าไปเพชรบุรีนี่เป็นจังหวัดที่ยังดิบมากนะครับ ในหลาย ๆ จุดเหมือนความเจริญยังเข้ามาไม่ถึงจากความกันดารของพื้นที่ ซึ่งการพัฒนาของถนนนี่แหละครับเป็นสัญญาณแรกของการเข้ามาของความเจริญ เพราะอย่างตอนขาไป ผมเจอจุดที่กำลังปรับปรุงถนนอยู่ทีเดียว 3 จุด แม้ตอนนี้สภาพยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ถ้าเสร็จแล้วคงจะใช้การได้ดี แล้วเราก็ขึ้นมาถึงสันเขื่อนของเขื่อนแก่งกระจาน
เช็กอินสักเล็กน้อย
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย ในทริปนี้ผมเอมากล้องมา 3 ตัวเช่นเคย 1300D เป็นกล้องหลัก IXUS เป็นกล้องพกติดตัวไว้สแน็ปไว ๆ หรือถ่ายเก็บรายละเอียด และน้องใหม่ของบ้าน Canon L3 พร้อมเลนซ์ Canon LTM 50 f1.8 และ Colorplus 200 เป็นกล้องอาร์ท นี่คือการเอา L3 ออกภาคสนามครั้งแรก
จับยัดเลนซ์ซูมซะหน่อย นั่นน่าจะเป็นบ้านพักอะไรสักอย่างอยู่ด้านบน
สมกับเป็นช่วงหน้าฝน น้ำเต็มเขื่อนสวยดีจัง
สดชื่นนนนนนนนนน
ด้านหลังสันเขื่อน ถึงจะไม่ใช่ป่าสงวน แต่ก็ยังเขียวชะอุ่มดี ขอให้เป็นแบบนี้ไปอีกนาน ๆ เถอะนะ
หน้าฝน ป่าขียวชะอุ่ม มองไปทางไหนก็ดูชื่นตาชื่นใจ
แก่งกระจานพันธุ์ปลาอุดมสมบูรณ์ดีจริง ๆ นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูปเล่นอยู่ ข้างล่างก็มีปลาขึ้นฮุบเรื่อย ๆ เดาได้ 2 อย่าง ไม่ชะโดก็สวายใหญ่
มองไปทางไหนก็วิวสวย
และนี่คือหน้าตาน้องใหม่ของบ้านผม เจ้า L3 เดี๋ยวหลังจากมีผลงานจากเจ้าตัวนี้เยอะแล้วผมจะมาเขียนกระทู้รีวิวเขาอีกทีนะครับ
และนี่คือหนึ่งในผลงานของเขา
รูปสุดท้ายก่อนไปต่อ ตอนนี้ 8 โมงแล้ว จุดหมายต่อไป สะพานแขวน
เมื่อมาถึง เหล่านกกระแตแต้แวดก็เข้ามาทักทาย ทักทายจากไกล ๆ อ่ะนะ นกพวกนี้ตาดีแถมยังขี้ระแวงด้วย แค่ขยับตัวเขาก็เดินหนีแล้ว ไม่บินหนีด้วย เดินหนี
มาถึงแล้วสะพานแขวน
เดินไป โงนเงน ๆ
เรือวิ่งผ่าน แถวนี้มีทั้งเรือพาเที่ยวชมวิวและเรือตกปลา ซึ่งสำหรับท่านที่ยังไม่ทราบนะครับ แก่งกระจานก็ขึ้นชื่อเรื่องการตกปลาเหมือนกัน ตั้งแต่เด็กผมอยากมาตกปลาที่นี่มาาาากกกกกกกกก แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักทีแม้ตอนนี้จะขับมอไซค์มาถึงที่นี่ได้แล้วก็เถอะ
ยืนชมวิวอยู่กลางสะพาน ตอนที่ผมาถึงที่นี่ยังเช้าอยู่ ไม่มีใครเลยนอกจากตัวผมคนเดียว ยังชิลได้อยู่
อีกสักรูปก่อนจาก ไปกันต่อดีกว่า เป้าหมายต่อไป หาดเจ้าสำราญ
ระหว่างทางเดินกลับ แถวนี้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ ก็เลยไม่มีใครเข้ามาตกปลาแถวนี้ ซึ่งก็ดีแล้วแหละ ให้แถวนี้เป็นแหล่งอนุบาลปลาดีกว่านะ ยามน้ำสูงแบบนี้ ตามชายไม้ริมน้ำเป็นที่ ๆ ปลาเล็กและสัตว์คครึ่งบกครึ่งน้ำจะเข้ามาหลบภัย รอบนอกก็จะมีปลาล่าเหยื่ออย่างกระสูบ-ช่อน-ชะโดมาดักรออยู่
ระหว่างที่บิดออกมา ก็ต้องผ่านต้นไทรใหญ่ แวะซะหน่อย
ไม่กล้าเดาอายุเลยครับ แต่เชื่อว่าแก่กว่าผมมากแน่นอน
ผมก็ว่าป้ายแก่งกระจานเขาไปถ่ายกันตรงไหน อยู่ตรงนี้นี่เอง
ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูปก็มีเด็ก ๆ พวกนี้มาทักทาย
อีกสักรูปก่อนไปกันต่อ
ระหว่างที่ผมกำลังบิดล่องไปตามทางเรื่อย ๆ สายตาผมก็เหลือบมาเห็นมุมนี้ แวะกดสักรูป บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ท้องนาแบบดั้งเดิมจริง ๆ ที่จะมีต้นไม้อย่างพวกต้นตาลขึ้นแซม คนละอารมณ์กับท้องนาบางเลนที่ผมชอบไป เพราะแบบนั้นเขาเป็นนาอุตสาหกรรม เน้นผลิตข้าวให้ได้เยอะที่สุด ก็เลยแทบจะะไม่มีอะไรขึ้นแซมแบบนี้เลย
พอบิดมาทะลุกับทางเข้าหาดปึกเตียน ผมก็เลี้ยซ้ายเพื่อย้อนกลับขึ้นไปหาดเจ้าสำราญ ซึ่งระหว่างทางก็ต้องผ่านท่าเทียบเรือประมง แวะซะหน่อย
จุดเด่นของเรือประมงบ้านเราคือสีสดครับ ทรงก็สวย ถ่ายมุมไหนก็สวย
และแล้วผมก็ล่องมาถึงหาดเจ้าสำราญ ห่อนอื่นเหนือสิ่งอื่นใด หาที่พักก่อนเลย และนี่คือที่พักของเราในค่ำคืนนี้ บลูสกาย บูติครีสอร์ท
สภาพห้องก็ขนาดกำลังดี ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
ห้องน้ำ ขนาดกำลังดีมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม
มีสระว่ายน้ำด้วย ซึ่งผมไม่ได้เตรียมชุดมาอ่ะนะ ทริปนี้ก่ะมาชิล
และนี่คืดสภาพของคนที่เมื่อวานยังค่ำเคร่งกับงาน รู้ตัวอีกทีมาโผล่อยู่ที่นี่แบบงง ๆ เดี๋ยวเอากล้องออกไปเดินถ่ายรูปริมหาดแล้วก็ออกไปหามื้อเที่ยงกันหน่อยดีกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเจอกับชายหาดยามน้ำลง ข้อดีของหาดเจ้าสำราญคือ เขื่อนเขาสั้นดีครับ ซึ่งก็ดีแล้วแหละ เพราะทำให้ระบบนิเวศน์ชายฝั่งที่นับวันจะเหลือน้อยลงทุกที ๆ ได้มีโอกาสอยู่รอด
ถ้าสังเกตุดี ๆ บนพื้นมีรูปูกับพวกหอยและหนอนน้ำเพียบเลยครับ ในบริเวณที่น้ำลง พื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ทรายล้วนนะครับ เป็นทรายปนเลน แต่ไม่มีกลิ่นแบบเลนของป่าชายเลน
นี่คือสาเหตุที่ผมชอบทะเลครับ มีอะไรหลายอย่างให้เราได้เห็นได้ศึกษาและได้สัมผัส
พอได้เห็นซากปลาจำนวนมากบริเวณทรายปนเลนสีดำคล้ำที่โผล่มายามน้ำลง บวกกับที่ตอนนี้ผมกำลังติดนิยายของ H.P. Lovecraft อืมมมม หรือว่านี่จะเป็นร่องรอยของเมือง R'lyeh กันล่ะหว่า
ไม่แน่ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่เทพบรรพกาล Cthulhu ส่งขึ้นมาก็ได้นะ 555 เบียวไปนั่น
เดินขึ้นสันเขื่อนไปหามื้อเที่ยงกันดีกว่า
ระหว่างทางก็กดรูปไปเรื่อย หาดเจ้าสำราญตอนนี้กำลังปรับปรุงสันเขื่อนอยู่ เสร็จแล้วคงสวย
มาหาดเจ้าสำราญทั้งทีเราก็ต้องจัดมื้อเที่ยงกันที่ครัวปรียานนทร์ และแน่นอน ต้องมียำชะคราม ของขึ้นชื่อของที่นี่
ตอนนี้บ่ายแล้ว กลับเข้าที่พักดีกว่า ทริปนี้ผมตั้งใจมาเพื่อชิลจริง ๆ นะครับ ช่วงบ่ายก็เลยนอนเล่นจิบ L.ก.ฮ.ไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้อยากไปลุยที่ไหนต่อ เมื่อวานทำงานเหนื่อยม้ากมาก วันนี้ก็อยากจะพักผ่อน นั่งฟังเสียงคลื่นไปจิบเครื่องดื่มไป เริศเลย
ตกเย็น เริ่มหิวอีกแล้ว ออกหามื้อเย็นกันกว่า เสิร์ชมาเจอร้านจันทร์จ้าว Cafe & Restaurant ต้องลองซะหน่อยแล้ว
จัดไส้กรอกมาหนึ่งชุด อร่อยใช้ได้เลย
ร้านนี้เป็นทั้งคาเฟ่และสตูดิโอย่อม ๆ งั้นเราต้องออกไปลองวิชาฟิล์มกันหน่อยแล้ว
[CR] บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : แก่งกระจาน-หาดเจ้าสำราญ เมื่อหัวใจนั้นโหยหาการท่องเที่ยว
ทริปนี้เป็นฟ้าผ่า คือนึกจะไปก็ไปเลย ถึงขั้นที่ว่า ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ นึกอยากไปถ่ายรูปที่แก่งกระจานกับนอนค้างหาดเจ้าฯ สักคืนนึง ตอนนั้นผมโทรถามที่บ้านก่อนเลยว่าเสาร์-อทิตย์นี้มีนัดอะไรไหม และผมก็ได้ไฟเขียว กลับมาบ้านจัดแจงเตรียมข้าวของสำหรับ 1 คืน แล้วเข้านอนแต่หัวค่ำเตรียมเดินทางในวันรุ่งขึ้น ช่างเป็นทริปที่ปุบปับมากเลยนะครับ ว่าไหม 555
เช้าวันเดินทาง ตามสูตรสำเร็จของตัวผม เด้งจากเตียงตอนตี 3 ครึ่ง อาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวเรียบร้อยก่อนควบอาชาศึกคู่มือ MUSTANG R15 ออกสู่ท้องถนน ทริปนี้ผมตั้งใจวิ่งเส้นพระราม 2 เพราะที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ลองวิ่งไปอำพวาช่วงสาย ๆ ถึงรถจะติดแต่มันก็ไม่ได้ติดมาก ในทางกลับกัน ถ้าวิ่งพุทธมลฑลสาย 4 มาทะลุกระทุ่มแบนก่อนมาออกมหาชัยน่าจะใช้เวลานานกว่า เพราะถึงจะลัดกว่าแต่ก็คงทำความเร็วได้ไม่มาก แถมไฟแดงเยอะด้วย ทีแรกผมคิดแบบนั้นครับ ซึ่งสุดท้ายมันก็ทำให้ผมรู้ว่าตัวผมคิดผิด พระราม 2 ช่วงแสมดำยามเช้ามืดเป็นอะไรที่นรกมาก เขาปิดเลนซ์กลางแถมยังมาเบียดเบียนเลนซ์นอกหรือเลนซ์โลคอล์จนเหลือแค่ 2 เลนซ์อีก รถบรรทุกก็เยอะ ถนนก็เดี๋ยวบีบเดี๋ยวเบี่ยง นรกจัดเลยครับ มาโล่งเอาจริง ๆ ก็คือหลังจากที่เลยตัวเมืองสมุทรสาครมาแล้ว เป็น 1 ชั่วโมงที่ผมรู้สึกรำเค็ญมาก เข็ดเลยอ่ะ เดี๋ยวขากลับจะกลับทางราชบุรีด้วยเส้นเพชรเกษมแทน จะดูว่าเร็วกว่ากันไหม
พอเข้าเขตจังหวัดสมุทรสงครามปุ้บ เท่านั้นแหละครับ ฝนตก ยังดีที่ตกปรอย ๆ และถนนยังไม่เป็นน้ำโคลนถึงจะหนาเม็ดก็ตาม เปียกชุ่มเลยครับ บิดฝ่าฝนมาจนถึงปั้มป.ต.ท.คลองโคนในตำนาน เติมเต็มถัง หากาเฟอีนกระแทกตา เช็ดคราบน้ำคราบโคลนก่อนออกลุยต่อ โดยในทริปนี้จุดหมายแรกคือเขื่อนแก่งกระจาน ตั้งใจว่าจะไปเขื่อนก่อน แล้วค่อยลองลงมาทะเล
บิดตามทางมาเรื่อย ๆ เจอครบเลยครับทั้งทางดำ ทางดิน และทางกำลังปรับปรุง จะว่าไปเพชรบุรีนี่เป็นจังหวัดที่ยังดิบมากนะครับ ในหลาย ๆ จุดเหมือนความเจริญยังเข้ามาไม่ถึงจากความกันดารของพื้นที่ ซึ่งการพัฒนาของถนนนี่แหละครับเป็นสัญญาณแรกของการเข้ามาของความเจริญ เพราะอย่างตอนขาไป ผมเจอจุดที่กำลังปรับปรุงถนนอยู่ทีเดียว 3 จุด แม้ตอนนี้สภาพยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ถ้าเสร็จแล้วคงจะใช้การได้ดี แล้วเราก็ขึ้นมาถึงสันเขื่อนของเขื่อนแก่งกระจาน
เช็กอินสักเล็กน้อย
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย ในทริปนี้ผมเอมากล้องมา 3 ตัวเช่นเคย 1300D เป็นกล้องหลัก IXUS เป็นกล้องพกติดตัวไว้สแน็ปไว ๆ หรือถ่ายเก็บรายละเอียด และน้องใหม่ของบ้าน Canon L3 พร้อมเลนซ์ Canon LTM 50 f1.8 และ Colorplus 200 เป็นกล้องอาร์ท นี่คือการเอา L3 ออกภาคสนามครั้งแรก
จับยัดเลนซ์ซูมซะหน่อย นั่นน่าจะเป็นบ้านพักอะไรสักอย่างอยู่ด้านบน
สมกับเป็นช่วงหน้าฝน น้ำเต็มเขื่อนสวยดีจัง
สดชื่นนนนนนนนนน
ด้านหลังสันเขื่อน ถึงจะไม่ใช่ป่าสงวน แต่ก็ยังเขียวชะอุ่มดี ขอให้เป็นแบบนี้ไปอีกนาน ๆ เถอะนะ
หน้าฝน ป่าขียวชะอุ่ม มองไปทางไหนก็ดูชื่นตาชื่นใจ
แก่งกระจานพันธุ์ปลาอุดมสมบูรณ์ดีจริง ๆ นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูปเล่นอยู่ ข้างล่างก็มีปลาขึ้นฮุบเรื่อย ๆ เดาได้ 2 อย่าง ไม่ชะโดก็สวายใหญ่
มองไปทางไหนก็วิวสวย
และนี่คือหน้าตาน้องใหม่ของบ้านผม เจ้า L3 เดี๋ยวหลังจากมีผลงานจากเจ้าตัวนี้เยอะแล้วผมจะมาเขียนกระทู้รีวิวเขาอีกทีนะครับ
และนี่คือหนึ่งในผลงานของเขา
รูปสุดท้ายก่อนไปต่อ ตอนนี้ 8 โมงแล้ว จุดหมายต่อไป สะพานแขวน
เมื่อมาถึง เหล่านกกระแตแต้แวดก็เข้ามาทักทาย ทักทายจากไกล ๆ อ่ะนะ นกพวกนี้ตาดีแถมยังขี้ระแวงด้วย แค่ขยับตัวเขาก็เดินหนีแล้ว ไม่บินหนีด้วย เดินหนี
มาถึงแล้วสะพานแขวน
เดินไป โงนเงน ๆ
เรือวิ่งผ่าน แถวนี้มีทั้งเรือพาเที่ยวชมวิวและเรือตกปลา ซึ่งสำหรับท่านที่ยังไม่ทราบนะครับ แก่งกระจานก็ขึ้นชื่อเรื่องการตกปลาเหมือนกัน ตั้งแต่เด็กผมอยากมาตกปลาที่นี่มาาาากกกกกกกกก แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักทีแม้ตอนนี้จะขับมอไซค์มาถึงที่นี่ได้แล้วก็เถอะ
ยืนชมวิวอยู่กลางสะพาน ตอนที่ผมาถึงที่นี่ยังเช้าอยู่ ไม่มีใครเลยนอกจากตัวผมคนเดียว ยังชิลได้อยู่
อีกสักรูปก่อนจาก ไปกันต่อดีกว่า เป้าหมายต่อไป หาดเจ้าสำราญ
ระหว่างทางเดินกลับ แถวนี้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ ก็เลยไม่มีใครเข้ามาตกปลาแถวนี้ ซึ่งก็ดีแล้วแหละ ให้แถวนี้เป็นแหล่งอนุบาลปลาดีกว่านะ ยามน้ำสูงแบบนี้ ตามชายไม้ริมน้ำเป็นที่ ๆ ปลาเล็กและสัตว์คครึ่งบกครึ่งน้ำจะเข้ามาหลบภัย รอบนอกก็จะมีปลาล่าเหยื่ออย่างกระสูบ-ช่อน-ชะโดมาดักรออยู่
ระหว่างที่บิดออกมา ก็ต้องผ่านต้นไทรใหญ่ แวะซะหน่อย
ไม่กล้าเดาอายุเลยครับ แต่เชื่อว่าแก่กว่าผมมากแน่นอน
ผมก็ว่าป้ายแก่งกระจานเขาไปถ่ายกันตรงไหน อยู่ตรงนี้นี่เอง
ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูปก็มีเด็ก ๆ พวกนี้มาทักทาย
อีกสักรูปก่อนไปกันต่อ
ระหว่างที่ผมกำลังบิดล่องไปตามทางเรื่อย ๆ สายตาผมก็เหลือบมาเห็นมุมนี้ แวะกดสักรูป บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ท้องนาแบบดั้งเดิมจริง ๆ ที่จะมีต้นไม้อย่างพวกต้นตาลขึ้นแซม คนละอารมณ์กับท้องนาบางเลนที่ผมชอบไป เพราะแบบนั้นเขาเป็นนาอุตสาหกรรม เน้นผลิตข้าวให้ได้เยอะที่สุด ก็เลยแทบจะะไม่มีอะไรขึ้นแซมแบบนี้เลย
พอบิดมาทะลุกับทางเข้าหาดปึกเตียน ผมก็เลี้ยซ้ายเพื่อย้อนกลับขึ้นไปหาดเจ้าสำราญ ซึ่งระหว่างทางก็ต้องผ่านท่าเทียบเรือประมง แวะซะหน่อย
จุดเด่นของเรือประมงบ้านเราคือสีสดครับ ทรงก็สวย ถ่ายมุมไหนก็สวย
และแล้วผมก็ล่องมาถึงหาดเจ้าสำราญ ห่อนอื่นเหนือสิ่งอื่นใด หาที่พักก่อนเลย และนี่คือที่พักของเราในค่ำคืนนี้ บลูสกาย บูติครีสอร์ท
สภาพห้องก็ขนาดกำลังดี ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
ห้องน้ำ ขนาดกำลังดีมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม
มีสระว่ายน้ำด้วย ซึ่งผมไม่ได้เตรียมชุดมาอ่ะนะ ทริปนี้ก่ะมาชิล
และนี่คืดสภาพของคนที่เมื่อวานยังค่ำเคร่งกับงาน รู้ตัวอีกทีมาโผล่อยู่ที่นี่แบบงง ๆ เดี๋ยวเอากล้องออกไปเดินถ่ายรูปริมหาดแล้วก็ออกไปหามื้อเที่ยงกันหน่อยดีกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเจอกับชายหาดยามน้ำลง ข้อดีของหาดเจ้าสำราญคือ เขื่อนเขาสั้นดีครับ ซึ่งก็ดีแล้วแหละ เพราะทำให้ระบบนิเวศน์ชายฝั่งที่นับวันจะเหลือน้อยลงทุกที ๆ ได้มีโอกาสอยู่รอด
ถ้าสังเกตุดี ๆ บนพื้นมีรูปูกับพวกหอยและหนอนน้ำเพียบเลยครับ ในบริเวณที่น้ำลง พื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ทรายล้วนนะครับ เป็นทรายปนเลน แต่ไม่มีกลิ่นแบบเลนของป่าชายเลน
นี่คือสาเหตุที่ผมชอบทะเลครับ มีอะไรหลายอย่างให้เราได้เห็นได้ศึกษาและได้สัมผัส
พอได้เห็นซากปลาจำนวนมากบริเวณทรายปนเลนสีดำคล้ำที่โผล่มายามน้ำลง บวกกับที่ตอนนี้ผมกำลังติดนิยายของ H.P. Lovecraft อืมมมม หรือว่านี่จะเป็นร่องรอยของเมือง R'lyeh กันล่ะหว่า
ไม่แน่ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่เทพบรรพกาล Cthulhu ส่งขึ้นมาก็ได้นะ 555 เบียวไปนั่น
เดินขึ้นสันเขื่อนไปหามื้อเที่ยงกันดีกว่า
ระหว่างทางก็กดรูปไปเรื่อย หาดเจ้าสำราญตอนนี้กำลังปรับปรุงสันเขื่อนอยู่ เสร็จแล้วคงสวย
มาหาดเจ้าสำราญทั้งทีเราก็ต้องจัดมื้อเที่ยงกันที่ครัวปรียานนทร์ และแน่นอน ต้องมียำชะคราม ของขึ้นชื่อของที่นี่
ตอนนี้บ่ายแล้ว กลับเข้าที่พักดีกว่า ทริปนี้ผมตั้งใจมาเพื่อชิลจริง ๆ นะครับ ช่วงบ่ายก็เลยนอนเล่นจิบ L.ก.ฮ.ไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้อยากไปลุยที่ไหนต่อ เมื่อวานทำงานเหนื่อยม้ากมาก วันนี้ก็อยากจะพักผ่อน นั่งฟังเสียงคลื่นไปจิบเครื่องดื่มไป เริศเลย
ตกเย็น เริ่มหิวอีกแล้ว ออกหามื้อเย็นกันกว่า เสิร์ชมาเจอร้านจันทร์จ้าว Cafe & Restaurant ต้องลองซะหน่อยแล้ว
จัดไส้กรอกมาหนึ่งชุด อร่อยใช้ได้เลย
ร้านนี้เป็นทั้งคาเฟ่และสตูดิโอย่อม ๆ งั้นเราต้องออกไปลองวิชาฟิล์มกันหน่อยแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น