พริษฐ์ ปัด ตั้งธงคุมกลไกแก้รธน. ตามร่างปชน. ย้ำพยายามหาฉันทามติ เชื่อ 12 พ.ย.ได้ข้อสรุป.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5449660
.
.
‘พริษฐ์’ ปัดตั้งธงคุมกลไกแก้รธน. ตามร่าง ‘ปชน.’ ย้ำพยายามหาฉันทามติ หลังมีข้อเสนอหลายแนวทาง เชื่อ 12 พ.ย.นี้ ได้ข้อสรุป และพร้อมเดินหน้าต่อ
.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณารัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุม กมธ.ฯที่สะดุดซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาชนพยายามควบคุมให้เป็นไปตามโมเดลที่เสนอ ว่า ไม่ได้เป็นธงแบบนั้น แต่แน่นอนว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นว่าข้อดีของร่างแก้รัฐธรรมนูญที่เสนอเป็นอย่างไร ยิ่งพอรัฐสภามีมติให้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ทำให้ยิ่งต้องมีหน้าที่อธิบาย หลักการและเหตุตผลให้กมธ.ฯเห็นคล้อยตาม ตนพูดตั้งแต่วันแรกของการประชุมกมธ.ในฐานะผู้เสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญว่า เข้าใจดีว่าแต่ละคนมีมุมมองที่ต่างกัน สิ่งที่อยากให้กมธ.แสวงหาคือฉันทามติของทุกฝ่าย เพราะรู้ว่ากรณีผ่านวาระสามไปได้ ไม่ใช่จะใช้เสียงข้างมากของรัฐ แต่ต้องได้ 20% ของฝ่ายค้าน และ 1 ใน 3 ของ ส.ว. ด้วย และแม้ผ่านวาระ 3 ไปได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนด้วย
.
ดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขที่จะคลอดออกมาต้องตอบ 2 โจทย์คู่ขนาน คือ ได้ฉันทามติของรัฐสภาระดับหนึ่ง และตอบโจทย์เพียงพอที่ประชาชนจะลงคะแนนเห็นชอบตอนประชามติด้วย การทำงานของผมที่ผ่านมาไม่ได้เอาความเห็นของตนเองเป็นใหญ่ แต่พยายามแสวงหาฉันทามติในกมธ.ในประเด็นที่เห็นต่างกัน หากหาข้อสรุปร่วมกันได้โดยไม่ลงมติได้ก็ดี แต่หากจำเป็นต้องลงมติ เพราะมีประเด็นที่ต้องลงมติเพื่อหยั่งเสียงว่าแต่ละฝ่ายมีมุมมองเห็นต่างกันมีผู้สนับสนุนเท่าไร” นายพริษฐ์กล่าว
.
เมื่อถามถึงกรณีประเด็นที่เป็นข้อเห็นต่างระหว่างมีผู้ร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว โดยไม่มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นายพริษฐ์กล่าวว่า ร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนที่เป็นฉบับหลัก เป็นผู้ร่างชั้นเดียว คือ กมธ.ยกร่างรัฐธรมนูญมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมให้ประชาชนคัดมาก่อน 70 คน จากนั้นให้รัฐสภาคัดเหลือ 35 คน โดยใช้วิธีการเสนอชื่อตามสัดส่วน ให้ ส.ส.และส.ว. รวมกลุ่ม 20 คน เสนอผู้ร่าง 1 คน เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เสียงข้างมากลากไป ส่วนอีกกลไกคู่ขนาน คือ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้มาจากการเลือกตั้งทางตรง เพราะเห็นว่าคำวินจิฉัยศาลรัฐธรรมนูญห้ามเฉพาะประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง แต่สภาที่ปรึกษาไม่มีอำนาจในการทำเนื้อหา จึงสามารถมาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้ ทั้งนี้ โมเดลดังกล่าวเป็นโมเดลคู่ขนานที่เป็นไปตามข้อจำกัดของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดียอมรับว่ามีมุมมองที่แตกต่างกัน บางฝ่ายเห็นด้วยกับ กมธ.ชั้นเดียว แต่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งทางอ้อม อีกฝ่ายเห็นว่าควรมี ส.ส.ร. แต่งตั้งจากรัฐสภาทั้งนี้ที่ประชุมได้ถกกันหลายความเห็นว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกัน
.
ต่อข้อถามว่าเหตุผลการประชุมกมธ.ครั้งที่ผ่านมาลงมติไม่ได้ เพราะแต่ละฝ่ายยืนยันความเห็นคนละฝั่งหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่ลงมติไม่ได้ ที่ผ่านมาพยายามมองว่าอะไรที่ตรงกัน และหากได้ฉันทามติจะเดินหน้าได้โดยไม่ลงมติ แต่หากจำเป็นต้องลงมติ เหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องทำเพื่อให้รู้ว่าแต่ละทางเลือกมีผู้ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในการประชุมวันที่ 12 พ.ย.นี้ ประเด็นที่เห็นต่างกันจะหาข้อสรุปได้ในทางใดทางหนึ่ง
.
เมื่อถามว่ากรณีที่โมเดลของผู้ร่างรัฐธรรมนูญเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จะปรับหรือลดทอนหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าววว่า มุมหนึ่งต้องยืนยันว่าสิ่งที่เสนอนั้นไม่ขัดแต่อีกมุมเข้าใจว่ามีความกังวล ดังนั้นจึงเป็นความพยายามทำความเข้าใจว่า ฝ่ายที่กังวลนั้นกังวลเรื่องใด สามารถคลายข้อกังวลได้หรือไม่ หากคลายกังวลไม่ได้จะปรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นแบบไหนที่ยังคงหลักการที่ยึดถือและคลายกังวลด้วย และเป็นความพยายามหาฉันทามติในชั้นกมธ.คือสิ่งที่เราต้องการบรรลุให้ได้มากที่สุด และทำให้เป้าหมายการทำงานเสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้
.
เมื่อถามว่าขณะนี้โมเดลของพรรคประชาชนได้แนวร่วมมากน้อยแค่ไหน นายพริษฐ์กล่าวว่า หากจะสรุปเวลานี้คงยาก เพราะแต่ละคนอภิปรายประเด็นที่หลากหลาย มีบางประเด็นที่กมธ.เห็นด้วย บางประเด็นไม่เห็นด้วย ดังนั้นหน้าที่ของคณะทำงานนพยายามดูว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่คุยกัน ตนเชื่อว่าใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว โดยวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะได้ข้อสรุปที่ยังเห็นต่างกัน ไม่ว่าข้อสรุปเป็นเช่นไรทุกฝ่ายพร้อมเดินหน้า
.
เมื่อถามย้ำว่าจะมีทางสายกลาง ที่ไม่มีถือธงนำเฉพาะของพรรคประชาชน หรือฝั่งใดอย่างเดียวหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป้าหมายคือพยายามหาฉันทามติจากทุกฝ่าย ที่มีหลักการสำคัญของตนเองจะหาจุดกึ่งกลางที่เป็นที่ยอมรับขอทุกฝ่าย ซึ่งกมธ.คาดหวังว่า เมื่อร่างแก้รัฐธรรมนูญที่รับมา ทั้งของพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคเพื่อไทย มีสิทธิเสนอเช่นกัน ดังนั้นต้องเอาโมเดลมาผสมในสิ่งที่รับได้ในเชิงหลักการและผ่านความเห็นชอบของประชาชน
.
.
พริษฐ์ ชี้ หน่วยงานรัฐไร้เอกภาพ แก้น้ำท่วมไม่ได้ พบ 3 ปัญหาแนะเร่งแก้ แนะควรเฉลี่ยทุกข์-สุข
https://www.matichon.co.th/politics/news_5449591
.
พริษฐ์ ซัด หน่วยงานรัฐไร้เอกภาพ แก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ พบ 3 ปัญหาเร่งรัฐแก้ไข แนะควรเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข เตรียมให้ สส.ปชน.ในพื้นที่ รวบรวมปัญหาสะท้อนผ่านสื่อฝากไปถึง ครม.
.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ขณะนี้ ว่า ส.ส.ของพรรคประชาชน ได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนและสำรวจปัญหา พร้อมทั้งกำลังรวบรวมข้อเสนอที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการผ่านสื่อมวลชนไปยังรัฐบาลในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่อยากเรียกร้องรัฐบาล คือ
.
1. ทบทวนแผนการระบายน้ำเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในแต่ละพื้นที่ มีการเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขไม่กระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
.
2. เงินเยียวยา ที่ผ่านมามักจะเยียวยาหลังจากน้ำลดแล้ว แต่ความจริงประชาชนประสบปัญหาตั้งแต่น้ำท่วมรายรับหดหายไม่สามารถทำงานในสภาวะปกติได้ และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นดังนั้นจำเป็นที่จะต้องทบทวนเกณฑ์และจังหวะในการเยียวยาที่ต้องสม่ำเสมอ ในช่วงที่น้ำยังท่วมอยู่ด้วยไม่ใช่รอแค่น้ำลดอย่างเดียว
.
3. ต้องประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อจัดหาศูนย์อพยพหรือศูนย์พักพิงให้ได้มาตรฐานเพราะประชาชนบางพื้นที่ ที่ต้องอพยพมาอยู่บนถนนแต่บนถนนก็เริ่มท่วมแล้วเช่นกัน
.
เมื่อถามว่ามีการมองว่ารัฐบาลทำงานล่าช้าและให้อำนาจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจมากเกินไป นายพริษฐ์ กล่าวว่า นี่คือความไม่เป็นเอกภาพของกระทรวงหรือหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ เห็นได้ชัดจากการบริหารจัดการน้ำที่ต้องใช้หลายหน่วยงานทั้ง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หรือ กรมชลประทาน ให้ร่วมมือกัน
.
นายพริษฐ์ กล่างต่อว่า อีกเรื่องที่เห็นได้ชัดคือการแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ สัปดาห์ที่แล้วนายกรัฐมนตรีประกาศสงครามกับสแกมเมอร์มีการเซ็น MOU กัน แต่ก็สงสัยว่าทำไมหน่วยงานรัฐต้องมาเซ็น MOU ร่วมกัน เพราะปกติแล้วการเซ็น MOU ต้องเป็นระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน หรือกับรัฐบาลประเทศอื่น แต่ถ้าเป็นการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานรัฐในประเทศไทยด้วยกันเองไม่ควรที่จะต้องเซ็น MOU ควรจะสามารถเดินหน้าทำงานได้อย่างจริงจังตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงไม่เห็นเอกภาพในการจัดการในหลายปัญหา
.
.
พริษฐ์ ยัน ให้น้ำหนักทั้งคู่ หลังถูกถามเมินสแกมเมอร์ เพราะขู่ซักฟอก หากแก้รธน.ไม่สำเร็จ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5449568
.
‘ไอติม’ โต้ ให้น้ำหนักทั้งคู่ หลังถูกถามเมินสแกมเมอร์หรือไม่ เพราะพอเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญจะยื่นซักฟอกเลย ยันเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ย้ำ 3 เงื่อนไข ถ้ารัฐบาลไม่เปิดสมัยวิสามัญเข็นแก้ รธน. ทันวาระ 3 ก่อนยุบสภา ขู่ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที แจงแทน ‘ศิริกัญญา’ บอก ปชน. ก็พยายามตรวจสอบ-ชี้ให้เห็นรัฐบาลมีข้อกังขาอะไรในการบริหาร
.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจุดยืนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรค ว่า ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เราพร้อมใช้ทุกกลไกของสภาในการตรวจสอบรัฐบาลนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย โดยมีเงื่อนไขชัดเจนใน 3 ข้อขั้นต่ำที่จะใช้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ
.
1. ถ้ารัฐบาลนี้อยู่เกินวันที่ 31 ม.ค. 2569 คือมีวันที่ 121 ก็แสดงว่าอยู่เกิน 4 เดือน ตามข้อตกลงใน MOA ซึ่งถ้าไม่มีการยุบสภา เราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
.
2. หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เพื่อปลดล็อกการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สำเร็จในชั้นของสภาในสิ้นปีนี้ เราก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน เพราะถ้าจะให้เสร็จในวาระ 3 ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาวาระ 2 เป็นขั้นต่ำ เพื่อถ้าไปรอให้เปิดสมัยสามัญในวันที่ 12 ธ.ค. แล้วค่อยมาพิจารณาวาระ 2 และต้องรอ 15 วันถึงจะพิจารณาวาระ 3 ได้ ก็ไม่ทันสิ้นปี ดังนั้น การที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดหรือไม่เปิดสมัยวิสามัญ ก็บ่งบอกได้แล้วว่ารัฐบาลจริงใจเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญแค่ไหน ดังนั้น หากไม่จริงใจ เราก็พร้อมใจกลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
.
และ 3. ขอย้ำ 2 เงื่อนไขเบื้องต้น ไม่ได้เป็นการตีเช็กเปล่าให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ตามอำเภอใจ เพราะหากมีการดำเนินนโยบายหรือทำอะไรที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส หรือมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็อาจจะยื่นอภิปรายได้อย่างเร็วที่สุดในเชิงธุรการต้องรอเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค. ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บข้อมูล
.
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากยื่นอภิปรายไปแล้ว ต้องใช้เวลาคุยเรื่องวันอภิปราย 1 เดือน ซึ่งจะชนกับวันครบกำหนด MOA พอดี คือสิ้นเดือน ม.ค. จะทำอย่างไร นาย
พริษฐ์กล่าวว่า กระบวนการ เมื่อยื่นไปแล้ว กรอบเวลาจะเป็นอย่างไรคงต้องหารือกัน ซึ่งจะต้องหารือกับพรรคเพื่อไทยด้วย แต่เราก็เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน มี ส.ส.เกิน 100 คน เขาก็มีสิทธิยื่นได้ด้วยตัวเอง ตนคิดว่าหากเรามีเป้าหมายที่ตรงกัน ก็ควรจะมีการหารือกันว่าแต่ละพรรคมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร ก็จะเป็นประโยชน์
.
เมื่อถามย้ำว่าหากไม่เปิดประชุมสมัยวิสามัญ จะดำเนินการอย่างไร นาย
พริษฐ์กล่าวว่า สมมุติว่าเราเปิดสมัยประชุม 12 ธ.ค. เราจะรู้ก่อนหน้านั้นแล้ว ว่าจะเปิดประชุมวิสามัญหรือไม่ ถ้าไม่เปิดก็ผิดเงื่อนไข 2 ชัดเจน เพราะไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญผ่านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีได้ แต่ถ้าเปิดสมัยวิสามัญพิจารณาวาระ 2 เสร็จก่อนวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งในช่วงรอ 15 วันก่อนเข้าวาระ 3 ถ้าเราตัดสินใจรอก็รอ แต่ถ้ามีเหตุอื่นที่ไม่สามารถรอ 15 วันได้ ก็เป็นสิทธิ์ที่พรรคการเมืองจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และหากวาระ 3 ในปลายเดือน ธ.ค. ไม่ผ่านสภา เราก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
JJNY : พริษฐ์ปัดตั้งธงคุมกลไกแก้รธน.│พริษฐ์พบ 3 ปัญหาแนะเร่งแก้│พริษฐ์ยัน ให้น้ำหนักทั้งคู่│พริษฐ์จี้รบ.ใช้ยาแรงจัดการ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5449660
.
.
พริษฐ์ ชี้ หน่วยงานรัฐไร้เอกภาพ แก้น้ำท่วมไม่ได้ พบ 3 ปัญหาแนะเร่งแก้ แนะควรเฉลี่ยทุกข์-สุข
https://www.matichon.co.th/politics/news_5449591
.
2. เงินเยียวยา ที่ผ่านมามักจะเยียวยาหลังจากน้ำลดแล้ว แต่ความจริงประชาชนประสบปัญหาตั้งแต่น้ำท่วมรายรับหดหายไม่สามารถทำงานในสภาวะปกติได้ และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นดังนั้นจำเป็นที่จะต้องทบทวนเกณฑ์และจังหวะในการเยียวยาที่ต้องสม่ำเสมอ ในช่วงที่น้ำยังท่วมอยู่ด้วยไม่ใช่รอแค่น้ำลดอย่างเดียว
3. ต้องประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อจัดหาศูนย์อพยพหรือศูนย์พักพิงให้ได้มาตรฐานเพราะประชาชนบางพื้นที่ ที่ต้องอพยพมาอยู่บนถนนแต่บนถนนก็เริ่มท่วมแล้วเช่นกัน
.
พริษฐ์ ยัน ให้น้ำหนักทั้งคู่ หลังถูกถามเมินสแกมเมอร์ เพราะขู่ซักฟอก หากแก้รธน.ไม่สำเร็จ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5449568
.
‘ไอติม’ โต้ ให้น้ำหนักทั้งคู่ หลังถูกถามเมินสแกมเมอร์หรือไม่ เพราะพอเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญจะยื่นซักฟอกเลย ยันเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ย้ำ 3 เงื่อนไข ถ้ารัฐบาลไม่เปิดสมัยวิสามัญเข็นแก้ รธน. ทันวาระ 3 ก่อนยุบสภา ขู่ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที แจงแทน ‘ศิริกัญญา’ บอก ปชน. ก็พยายามตรวจสอบ-ชี้ให้เห็นรัฐบาลมีข้อกังขาอะไรในการบริหาร
.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจุดยืนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรค ว่า ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เราพร้อมใช้ทุกกลไกของสภาในการตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย โดยมีเงื่อนไขชัดเจนใน 3 ข้อขั้นต่ำที่จะใช้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ
.
1. ถ้ารัฐบาลนี้อยู่เกินวันที่ 31 ม.ค. 2569 คือมีวันที่ 121 ก็แสดงว่าอยู่เกิน 4 เดือน ตามข้อตกลงใน MOA ซึ่งถ้าไม่มีการยุบสภา เราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
.
2. หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เพื่อปลดล็อกการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สำเร็จในชั้นของสภาในสิ้นปีนี้ เราก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน เพราะถ้าจะให้เสร็จในวาระ 3 ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาวาระ 2 เป็นขั้นต่ำ เพื่อถ้าไปรอให้เปิดสมัยสามัญในวันที่ 12 ธ.ค. แล้วค่อยมาพิจารณาวาระ 2 และต้องรอ 15 วันถึงจะพิจารณาวาระ 3 ได้ ก็ไม่ทันสิ้นปี ดังนั้น การที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดหรือไม่เปิดสมัยวิสามัญ ก็บ่งบอกได้แล้วว่ารัฐบาลจริงใจเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญแค่ไหน ดังนั้น หากไม่จริงใจ เราก็พร้อมใจกลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
.
และ 3. ขอย้ำ 2 เงื่อนไขเบื้องต้น ไม่ได้เป็นการตีเช็กเปล่าให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ตามอำเภอใจ เพราะหากมีการดำเนินนโยบายหรือทำอะไรที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส หรือมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็อาจจะยื่นอภิปรายได้อย่างเร็วที่สุดในเชิงธุรการต้องรอเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค. ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บข้อมูล
.
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากยื่นอภิปรายไปแล้ว ต้องใช้เวลาคุยเรื่องวันอภิปราย 1 เดือน ซึ่งจะชนกับวันครบกำหนด MOA พอดี คือสิ้นเดือน ม.ค. จะทำอย่างไร นายพริษฐ์กล่าวว่า กระบวนการ เมื่อยื่นไปแล้ว กรอบเวลาจะเป็นอย่างไรคงต้องหารือกัน ซึ่งจะต้องหารือกับพรรคเพื่อไทยด้วย แต่เราก็เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน มี ส.ส.เกิน 100 คน เขาก็มีสิทธิยื่นได้ด้วยตัวเอง ตนคิดว่าหากเรามีเป้าหมายที่ตรงกัน ก็ควรจะมีการหารือกันว่าแต่ละพรรคมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร ก็จะเป็นประโยชน์
.
เมื่อถามย้ำว่าหากไม่เปิดประชุมสมัยวิสามัญ จะดำเนินการอย่างไร นายพริษฐ์กล่าวว่า สมมุติว่าเราเปิดสมัยประชุม 12 ธ.ค. เราจะรู้ก่อนหน้านั้นแล้ว ว่าจะเปิดประชุมวิสามัญหรือไม่ ถ้าไม่เปิดก็ผิดเงื่อนไข 2 ชัดเจน เพราะไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญผ่านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีได้ แต่ถ้าเปิดสมัยวิสามัญพิจารณาวาระ 2 เสร็จก่อนวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งในช่วงรอ 15 วันก่อนเข้าวาระ 3 ถ้าเราตัดสินใจรอก็รอ แต่ถ้ามีเหตุอื่นที่ไม่สามารถรอ 15 วันได้ ก็เป็นสิทธิ์ที่พรรคการเมืองจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และหากวาระ 3 ในปลายเดือน ธ.ค. ไม่ผ่านสภา เราก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้