มีผู้ปกครองหลายท่านเคยทักมาขอคำแนะนำในการสอนลูกออกเสียง (ทักษะในเรื่อง Phonics) คำถามของผู้ปกครองท่านหนึ่งคือ...
"
คำแบบ map, tap, cat เราจะสอนให้เด็กจำหรือมีวิธีการ combine คำอย่างไรครับ (ลูกเรียน inter แต่อ่อน reading)???"
เป็นเคสที่เจอบ่อยมาก ๆ ครับ กรณีเป็นเด็กอินเตอร์ (หรือเรียนมาในโปรแกรม EP) แต่ภาษาอังกฤษอ่อน แต่ก่อนจะแนะนำวิธีสอนการออกเสียง ผมต้องอธิบายว่าจริง ๆ ตามวัยของเด็ก (น้องอยู่ Grade 1) ได้ภาษาอังกฤษขนาดนี้ถือว่าเก่งมากแล้ว แต่พ่อแม่อาจจะเทียบกับเพื่อนคนอื่นในชั้น
ซึ่งผมขอเดาว่าส่วนหนึ่งหรือครึ่งห้องน่าจะเป็นลูกครึ่ง ซึ่งเขาได้เปรียบตั้งแต่เกิดครับ (โดยเฉพาะคนที่โตมาแบบ bilingual และอาจจะมีพ่อ/แม่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษด้วย จะได้เปรียบมากในด้านภาษา/โอกาสในการฝึก) อย่าเอาไปเทียบเลย เพราะเวลาผมตรวจการบ้าน writing จากเด็ก ๆ ทั้งสองกลุ่ม (กลุ่มที่เป็นลูกครึ่งและคนไทยแท้) ก็พบว่าการถ่ายถอดไอเดียไม่ต่างกันมากครับ เด็กยังไงก็พูด/อธิบาย/สื่อสารแบบเด็กอยู่ดี
ถึงจะมองแบบผิวเผินแล้วรู้สึกว่าคนนี้เก่งภาษาอังกฤษกว่าคนนั้น (เพราะสำเนียงดีกว่า) แต่ถ้าวัดความรู้ภาษาอังกฤษในด้านอื่น ๆ มันก็ห่างกันไม่มากครับในวัยที่ไล่เลี่ยกันประมาณนี้
โอเค นอกเรื่องซะยาว มาดูวิธีการ "
combine คำ" ที่ผู้ปกครองท่านนี้ถามมาครับ
. . . . .
การ combine คำ หรือจริง ๆ ในวิชา Phonics เราเรียกว่า "
การ blend เสียง" (blending)
สำหรับคำว่า map เราก็จะสอนว่า
- m มีเสียง
เหมอะ
- a มีเสียง
แอะ
- p มีเสียง
เผอะ (ใช้แค่ลมเปล่งเสียง)
เอามารวม (หรือเอามา
blend เข้าด้วยกัน) เป็น "
เหมอะ-แอะ-เผอะ" แล้วพูดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น "
แมพฺ" ครับ (ออกเสียงพยัญชนะให้ครบทุกตัว)
ส่วน tap ก็เหมือนกัน แต่ทีนี้เมื่อเด็กเขาได้เรียน sequence (รูปแบบ) การเรียง
สระ + ตัวสะกดแบบ "-ap" ไปแล้วจากคำว่า map ดังนั้นเราสามารถให้เด็กฝึก blend ให้ระดับที่รวบรัดขึ้นคือ "
t + ap" (เทอะ-แอ๊พฺ = แทพฺ) ไม่ต้องแยกเป็น t + a + p แล้วก็ได้ครับ
พอสอน blending เสร็จก็ต้องสอนสกิล decoding ต่ออีกครับ (คือต้อง "
แยกเสียง" ได้ด้วย เช่นให้ฝึก decode คำว่า "star" ก็จะได้ st + ar (สฺเทอะ + อา) อะไรประมาณนี้ครับ)
. . . . .
ในระดับต่อมาเราก็จะมาสอนความแตกต่างระหว่างพยัญชนะแบบ m (เปล่งเสียง หรือ voiced consonant) และ p (ใช้แค่ลม หรือ unvoiced consonant) ว่ามีวิธีสังเกตอย่างไร และต้องออกเสียงอย่างไรบ้าง อาจจะยังไม่ต้องถึงขั้นให้จำว่าอันไหนคือ voiced อันไหนคือ unvoiced/voiceless หรอกครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ถ้าจะเอา list ให้ท่องก็คือพยัญชนะแบบ voiced consonants ได้แก่ b / d / g / j / l / m / n / r / v / w / y / z รวมถึง th- ในคำว่า this และ -s- ในคำว่า asia ส่วนพยัญชนะแบบ unvoiced หรือ voiceless ก็คือ c / f / h / k / p / q / s / t / x และรวมถึง th- ในคำว่า think และ ch- ในคำว่า church และ sh- ในคำว่า shop ครับ หรือดูจากตารางที่ผมแยกไว้ตามรูปนี้ได้เลย
)
แต่ผู้ปกครองควรให้เด็กรู้จักความแตกต่างของพยัญชนะทั้งสองแบบคร่าว ๆ ก่อนครับ โดยเฉพาะในคู่เสียงอย่าง...
"
D vs
T" เช่น bad - bat
"
B vs
P" เช่น cab - cap
และอื่น ๆ เช่น
G vs
K /
V vs
F /
Z vs
S ที่เป็นคู่ voiced กับ unvoiced ที่เจอบ่อยมาก ๆ) และถ้าออกเสียงไม่ชัดความหมายมันอาจเปลี่ยนไปได้ เช่นออกเสียง ba
g เป็น ba
ck / หรือออก ca
b เป็น ca
p / หรือ ba
d เป็น ba
t ความหมายจะเปลี่ยนเลยแค่ออก voiced ผิดเป็น unvoiced (***เวลาเห็นตัวสะกดอาจจะคิดว่าแยกง่าย ๆ ครับ แต่พอมันมาเป็นเสียงถ้าออกไม่ชัดจริง ๆ มันไม่ง่ายเลย แต่ทั้งนี้บริบทก็พอช่วยได้บ้าง)
ประเด็นสำคัญคือในช่วงแรก ๆ ให้ฝึกท่อง A B C แบบ Phonics ก่อน (ผมแนะนำให้ฝึกร้องเพลง Phonics Song ของ Gracie ครับ สนุกแน่นอน 555
Letter Sounds by Gracie’s Corner เป็นวิดีโอใน Youtube ครับ) แล้วฝึก blending / decoding ให้คล่อง แค่นี้ก็ช่วยให้มีพื้นฐานการออกเสียงที่ดีเลยครับ
_______________
"
รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
JGC.
คำแนะนำในการสอนลูกออกเสียงภาษาอังกฤษ (คำถามจากผู้ปกครองท่านหนึ่ง)
"คำแบบ map, tap, cat เราจะสอนให้เด็กจำหรือมีวิธีการ combine คำอย่างไรครับ (ลูกเรียน inter แต่อ่อน reading)???"
เป็นเคสที่เจอบ่อยมาก ๆ ครับ กรณีเป็นเด็กอินเตอร์ (หรือเรียนมาในโปรแกรม EP) แต่ภาษาอังกฤษอ่อน แต่ก่อนจะแนะนำวิธีสอนการออกเสียง ผมต้องอธิบายว่าจริง ๆ ตามวัยของเด็ก (น้องอยู่ Grade 1) ได้ภาษาอังกฤษขนาดนี้ถือว่าเก่งมากแล้ว แต่พ่อแม่อาจจะเทียบกับเพื่อนคนอื่นในชั้น
ซึ่งผมขอเดาว่าส่วนหนึ่งหรือครึ่งห้องน่าจะเป็นลูกครึ่ง ซึ่งเขาได้เปรียบตั้งแต่เกิดครับ (โดยเฉพาะคนที่โตมาแบบ bilingual และอาจจะมีพ่อ/แม่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษด้วย จะได้เปรียบมากในด้านภาษา/โอกาสในการฝึก) อย่าเอาไปเทียบเลย เพราะเวลาผมตรวจการบ้าน writing จากเด็ก ๆ ทั้งสองกลุ่ม (กลุ่มที่เป็นลูกครึ่งและคนไทยแท้) ก็พบว่าการถ่ายถอดไอเดียไม่ต่างกันมากครับ เด็กยังไงก็พูด/อธิบาย/สื่อสารแบบเด็กอยู่ดี
ถึงจะมองแบบผิวเผินแล้วรู้สึกว่าคนนี้เก่งภาษาอังกฤษกว่าคนนั้น (เพราะสำเนียงดีกว่า) แต่ถ้าวัดความรู้ภาษาอังกฤษในด้านอื่น ๆ มันก็ห่างกันไม่มากครับในวัยที่ไล่เลี่ยกันประมาณนี้
โอเค นอกเรื่องซะยาว มาดูวิธีการ "combine คำ" ที่ผู้ปกครองท่านนี้ถามมาครับ
. . . . .
การ combine คำ หรือจริง ๆ ในวิชา Phonics เราเรียกว่า "การ blend เสียง" (blending)
สำหรับคำว่า map เราก็จะสอนว่า
- m มีเสียง เหมอะ
- a มีเสียง แอะ
- p มีเสียง เผอะ (ใช้แค่ลมเปล่งเสียง)
เอามารวม (หรือเอามา blend เข้าด้วยกัน) เป็น "เหมอะ-แอะ-เผอะ" แล้วพูดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น "แมพฺ" ครับ (ออกเสียงพยัญชนะให้ครบทุกตัว)
ส่วน tap ก็เหมือนกัน แต่ทีนี้เมื่อเด็กเขาได้เรียน sequence (รูปแบบ) การเรียงสระ + ตัวสะกดแบบ "-ap" ไปแล้วจากคำว่า map ดังนั้นเราสามารถให้เด็กฝึก blend ให้ระดับที่รวบรัดขึ้นคือ "t + ap" (เทอะ-แอ๊พฺ = แทพฺ) ไม่ต้องแยกเป็น t + a + p แล้วก็ได้ครับ
พอสอน blending เสร็จก็ต้องสอนสกิล decoding ต่ออีกครับ (คือต้อง "แยกเสียง" ได้ด้วย เช่นให้ฝึก decode คำว่า "star" ก็จะได้ st + ar (สฺเทอะ + อา) อะไรประมาณนี้ครับ)
. . . . .
ในระดับต่อมาเราก็จะมาสอนความแตกต่างระหว่างพยัญชนะแบบ m (เปล่งเสียง หรือ voiced consonant) และ p (ใช้แค่ลม หรือ unvoiced consonant) ว่ามีวิธีสังเกตอย่างไร และต้องออกเสียงอย่างไรบ้าง อาจจะยังไม่ต้องถึงขั้นให้จำว่าอันไหนคือ voiced อันไหนคือ unvoiced/voiceless หรอกครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ผู้ปกครองควรให้เด็กรู้จักความแตกต่างของพยัญชนะทั้งสองแบบคร่าว ๆ ก่อนครับ โดยเฉพาะในคู่เสียงอย่าง...
"D vs T" เช่น bad - bat
"B vs P" เช่น cab - cap
และอื่น ๆ เช่น G vs K / V vs F / Z vs S ที่เป็นคู่ voiced กับ unvoiced ที่เจอบ่อยมาก ๆ) และถ้าออกเสียงไม่ชัดความหมายมันอาจเปลี่ยนไปได้ เช่นออกเสียง bag เป็น back / หรือออก cab เป็น cap / หรือ bad เป็น bat ความหมายจะเปลี่ยนเลยแค่ออก voiced ผิดเป็น unvoiced (***เวลาเห็นตัวสะกดอาจจะคิดว่าแยกง่าย ๆ ครับ แต่พอมันมาเป็นเสียงถ้าออกไม่ชัดจริง ๆ มันไม่ง่ายเลย แต่ทั้งนี้บริบทก็พอช่วยได้บ้าง)
ประเด็นสำคัญคือในช่วงแรก ๆ ให้ฝึกท่อง A B C แบบ Phonics ก่อน (ผมแนะนำให้ฝึกร้องเพลง Phonics Song ของ Gracie ครับ สนุกแน่นอน 555 Letter Sounds by Gracie’s Corner เป็นวิดีโอใน Youtube ครับ) แล้วฝึก blending / decoding ให้คล่อง แค่นี้ก็ช่วยให้มีพื้นฐานการออกเสียงที่ดีเลยครับ
_______________
"รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
JGC.