ภาพประวัติศาสตร์ ศรีสุลต่านฮามังกุบุโวโนที่ 10 เสด็จฯ เข้าร่วมพระราชพิธีฝังพระศพสุสุฮูนันแห่งสุรการ์ตา


นอกจากเป็นช่วงเวลาที่ชาวไทยอยู่ในห้วงแห่งความโศกเศร้าแล้ว ชาวเมืองสุรการ์ตาหรือโซโลในเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซียเอง ก็อยู่ในห้วงแห่งความโศกเศร้าด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อสุสุฮูนันปาบุกุโวโนที่ 13 ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเมือง (และยังเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวเมืองอยู่) ได้เสด็จสวรรคตลงด้วยพระชนมายุ 77 พรรษา นำมาซึ่งความโศกเศร้าและอาลัยแด่ชาวเมือง

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนปลาบปลื้มก็คือ ศรีสุลต่านฮามังกุบุโวโนที่ 10 แห่งเมืองโยกยาการ์ต้า ซึ่งเปรียบเสมือนเมืองคู่แข่งของสุรการ์ตามานานหลายร้อยปี ได้จัดพิธีถวายความอาลัยแด่สุสุฮูนันที่ 13 แห่งเมืองสุรการ์ต้าด้วยเช่นกัน ทั้งยังเสด็จฯ ไปยังพระราชพิธีฝังพระศพสุสุฮูนันที่ 13 ด้วยเช่นกัน นับเป็นภาพประวัติศาสตร์เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เมืองทั้ง 2 นี้อยู่ในจุดที่แบ่งแยกและไม่ยอมหักมานานตั้งแต่ยุคอาณานิคมจนกระทั่งหลังยุคเอกราช

ทั้งสุสุฮูนันแห่งสุรการ์ต้าและสุลต่านแห่งโยกยาการ์ต้า รวมถึงมังกุเนอะการา และปะกูอะลัม ซึ่ง 2 เมืองหลังมีฐานะเสมือนราชรัฐ เดิมอยู่ภายใต้ราชวงศ์เดียวกันนั่นคือราชวงศ์มะตะรัม แต่ด้วยความขัดแย้งทางการสืบสันตติวงศ์ในช่วงศตวรรษที่ 18 ทำให้เนเธอร์แลนด์แทรกแซงและให้จัดทำสนธิสัญญากิยันติซึ่งแบ่งพื้นที่อาณาจักรมะตะรัมเดิมเป็น 3 ส่วน คือ อาณาจักรสุรการ์ต้า, อาณาจักรโยกยาการ์ต้า และราชรัฐมังกุเนอะกะรา และภายหลังยังแบ่งแยกปะกูอะลัมจากโยกยาการ์ต้า

ช่วงประกาศเอกราช โยกยาการ์ต้ามีบทบาทสูงกว่าเนื่องจากช่วยและส่งเสริมขบวนการเอกราชอินโดนีเซีย ทำให้สุลต่านแห่งโยกยาการ์ต้ามีอำนาจพิเศษในรัฐธรรมนูญซึ่งสามารถทรงสืบผ่านทั้งตำแหน่งสุลต่านและตำแหน่งผู้ว่าเขตปกครองพิเศษทางสายเลือดต่อไปได้ รวมถึงเจ้าชายปะกูอะลัมก็มีฐานะเป็นรองผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนสุรการ์ต้าแม้ได้รับฐานะเขตปกครองพิเศษแต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็เกิดกบฏจนทำให้ยุบเขตปกครองพิเศษและเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจังหวัดชวากลาง ถึงกระนั้น กษัตริย์วงศ์มะตะรัมทั้ง 4 วงศ์ (สุรการ์ต้า, โยกยาการ์ต้า, มังกุเนอะการา และปะกูอะลัม) ก็ยังได้รับการนับถือจากประชาชนในเกาะชวารวมถึงผู้คนทั่วประเทศเป็นอย่างสูง และถูกมองว่าเป็น Deep State ที่แท้จริงของอินโดนีเซียมาโดยตลอด

สุสุฮูนันปาบุกุโวโนที่ 13 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั่นทรงมีความขัดแย้งกับพระอนุชาเรื่องการสืบสันตติวงศ์นับตั้งแต่สุสุฮูนันปาบุกุโวโนที่ 12 ซึ่งครองราชย์มาตั้งแต่ปี 1945 ได้สวรรคตลงในปี 2004 โดยสุดท้าย ความขัดแย้งเพิ่งยุติลงในช่วงสิบปีที่ผ่านมาภายใต้ความช่วยเหลือของโจโกวี ซึ่งเคยเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองสุรการ์ต้าด้วยนั้นเอง ทั้งนี้ ผู้ที่ครองราชย์สืบต่อมาคือสุสุฮูนันปาบุกุโวโนที่ 14 พระราชโอรสซึ่งมีพระชนมายุเพียง 22 พรรษา เป็นผู้สืบทอดสันตติวงศ์มะตะรัมที่พระชนมายุน้อยที่สุด ทำลายสถิติของเจ้าชายมังกุเนอะการาที่ 10 ซึ่งมีพระชนมายุ 25 พรรษาเมื่อขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา คือ เจ้าชายมังกุเนอะการาที่ 9 ซึ่งสวรรคตไปในปลายปี 2021 พระชนมายุ 69 พรรษา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่