ยะโฮร์ เด็กดื้อรั้น ตอนที่ 1

จริงๆ เคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับรัฐยะโฮร์ไปแล้ว แต่รู้สึกว่า เรื่องราวบางอย่างของรัฐนี้ น่าสนใจกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องที่จะแยกตัวออกไปเป็นเอกราช
ประมาณ 3 ปีที่แล้ว สุลต่านอิบราฮีม อิสมาอิล แห่งยะโฮร์ ประกาศเปลี่ยนคำนำหน้าพระนามภาษาอังกฤษจาก His Royal Highness เป็น His Majesty
อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะปกติเจ้าผู้ครองรัฐจะใช้พระนามนำหน้าว่า  His Royal Highness มากกว่า His Majesty
เนื่องจากว่า โดยปกติแล้ว คนเดียวที่สามารถใช้คำว่า His Majesty ได้ มีเพียงยังดีประตวนอากงเท่านั้น เท่ากับว่าสูงเสมอทัดเทียมกันโดยพฤตินัยแล้ว
ถ้าหากตามอ่านกระทู้ของยะโฮร์ที่แล้วมา หรือจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ยะโฮร์คิดจะแยกตัวออกจากมาเลเซีย? และมีความเป็นไปได้หรือไม่ ลองดูกัน
 
ขอย้อนความไปยังครั้งยุคอาณาจักรมะละกา ยุคของสุลต่านมาห์มูด ชาห์ สุลต่านองค์สุดท้ายของอาณาจักรมะละกาที่ยิ่งใหญ่ทั่วแหลมมลายูในเวลานั้น
หลังจากที่ถูกโปรตุเกสทำลายเมืองย่อยยับและยึดครองในปี 1511 และล้มเหลวในการยึดคืนในปี 1513 สุลต่านมาห์มูด ชาห์ จึงหนีมาอยู่ที่เกาะสุมาตรา
ส่วนพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ สุลต่านมุซซัฟฟาที่ 1 ครองเมืองเปราก์ ส่วนพระราชโอรสอีกพระองค์ คือ สุลต่าน อะลาอุดดิน ชาห์ ก่อตั้งเมืองยะโฮร์
เวลาผ่านไปไม่กี่ทศวรรษ ราชวงศ์ของสุลต่านอะลาอุดดินสิ้นสุดลง โดยเชื้อสายจากเมืองเปราก์มาแทนที่หลายศตวรรษจนกระทั่งการเข้ามาของอังกฤษ
อังกฤษกับเนเธอร์แลนด์ทำสัญญาแบ่งดินแดนของยะโฮร์ ทำให้ราชวงศ์เปราก์ของยะโฮร์สิ้นสุดอำนาจไปเรื่อยๆ ขณะที่อำนาจของตะมังกุงนั้นเพิ่มขึ้น 
 
ในปี 1855 สุลต่านอาลี ถูกอังกฤษบังคับให้เสียดินแดนอาณาจักรยะโฮร์ให้กับตะมังกุง ดะเอ็ง อิบราฮีม ที่มีอำนาจอันมหาศาลและมีอังกฤษเป็นพันธมิตร
ดินแดนที่สุลต่านอาลียังมีอำนาจอยู่ มีเพียงแค่ดินแดนมูวะร์ (Muar) ที่ยังปกครองในนามสุลต่านแห่งมูวะร์ ขณะที่ดินแดนยะโฮร์ที่เหลือเป็นของตะมังกุง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สุลต่านอาลีสิ้นพระชนม์ ได้แต่งตั้งให้เต็งกูมาห์มูด พระราชโอรสองค์รอง ขึ้นครองราชย์เป็นสุลต่านมูวะร์ แทนที่จะเป็นเต็งกูอะลัม
เต็งกูอะลัม ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์โต ไม่พอพระทัยการแต่งตั้ง จึงได้ทำสงครามขึ้นในเดือนตุลาคม 1879 แต่แน่นอนว่าอังกฤษได้ระงับเหตุได้ทันที
ผลจากสงครามครั้งนั้น ทำให้มูวะร์ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของยะโฮร์แต่นั้น รวมถึงการสถาปนาเป็นสุลต่านของสุลต่าน อาบู บักร์ ลูกชายของดะเอ็งอิบราฮีม
 
ในช่วงนั้น ความสัมพันธ์ระหว่าง สุลต่าน อาบู บักร์ กับ อังกฤษ เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นและค่อนข้างจะใกล้ชิดมากกว่าราชวงศ์อื่นๆ ในแหลมมลายูเวลานั้น
สุลต่าน อาบู บักร์ ทรงพบกับสมเด็จพระราชินีนาถ Victoria ทุกครั้งเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังอังกฤษ ทั้งยังได้รับเหรียญ KCSI และยศชั้น Sir มาอีก
ว่ากันว่า ขณะที่ทรงประทับในลอนดอนและประชวรหนักนั้น สมเด็จพระราชินีนาถ ได้ทรงพระราชทานหน่วยแพทย์ให้ความช่วยเหลือพระองค์แต่สุดยื้อ
นอกจากนี้ สุลต่าน อาบู บักร์ ยังเคยเสด็จไปยังจักรวรรดิออตโตมัน และถึงกับพระราชทานนางสนมให้กับพระองค์ โดยพระองค์มอบนางให้กับพระอนุชา
ภายหลัง นางนั้นได้แต่งงานกับดาโต๊ะ จาฟาร์ มุขมนตรีของรัฐยะโฮร์คนแรก กลายเป็นคุณย่าของ ดาโต๊ะ ฮุนเซน อนน์ นายกฯ คนที่ 3 ของมาเลเซีย
 
ก่อนที่สุลต่าน อาบู บักร์ จะเสด็จสวรรคตนั้น พระองค์ได้ก่อตั้งกองทัพยะโฮร์ขึ้น พร้อมกับร่างรัฐธรรมนูญของยะโฮร์ไว้เพื่อวางรากฐานยะโฮร์ยุคใหม่ขึ้น
สุลต่าน อิบราฮีม ผู้ซึ่งมีเชื้อสายเดนมาร์กและจีนจากพระมารดา ได้ขึ้นครองราชย์ต่อเมื่อพระศพของพระราชบิดาได้มาถึงยะโฮร์และได้ฝังเสร็จสิ้นแล้ว
ในรัชกาลของพระองค์ ในปี 1914 ได้ทรงยินยอมให้อังกฤษตั้งข้าหลวงที่ปรึกษาเหมือนอย่างรัฐมลายูทั่วๆ ไปที่เป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษในเวลานั้น
สุลต่าน อิบราฮีม เป็นสุลต่านที่ได้รับการศึกษาจากตะวันตก ทั้งยังทรงโปรดการดื่มด่ำวัฒนธรรมตะวันตก และยังได้รับวัฒนธรรมเข้ามาใช้ในราชสำนัก
แม้จะสนิทสนมกับเหล่าราชสำนักและรัฐบาลอังกฤษ แต่เพราะความนิยมในวัฒนธรรมตะวันตกเกินไป ทำให้ชาวมลายูบางส่วน ไม่ได้ชื่นชอบพระองค์นัก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่