ปัสสาวะบ่อย (Frequent Urination) คือ ภาวะความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน หากกำลังเดินทางหรือทำงานอยู่ ก็ต้องรีบมาเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ แม้กระทั่งในตอนกลางคืนที่ไปรบกวนการนอนหลับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและก่อโรคร้ายในอนาคต โดยปกติทั่วไปแล้วเมื่อรู้สึกอยากขับถ่ายของเหลวแต่ติดภารกิจอยู่ ก็สามารถอั้นได้ แต่ผู้ป่วยภาวะนี้น้ำยังไม่เต็มกระเพาะปัสสาวะก็เกิดการบีบตัว เมื่อปลดเปลื้องของเสียจะมีปริมาณน้อยกว่าการปวด เสี่ยงที่กลั้นไม่อยู่และปล่อยราดออกมาได้
ปัสสาวะบ่อยเกิดจากอะไร?
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่ต้องป้องกันภาวะขาดน้ำ บางรายอาจรู้สึกคอแห้งบ่อยจนต้องดื่มเรื่อย ๆ
- 
รับประทานผัก-ผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำเยอะ เช่น แตงโม แคนตาลูป สาลี่ ชมพู่ แตงกวา และมะเขือเทศ เป็นต้น
- 
ใช้ยารักษาโรคประจำตัว ได้แก่ ยาขับปัสสาวะกับยาโรคเบาหวาน
- 
ตั้งครรภ์ มดลูกของผู้หญิงมีครรภ์จะขยายใหญ่จนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ
- 
การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งคาเฟอีน 
ปัสสาวะบ่อยเสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง?
- เบาหวาน ร่างกายกำจัดกลูโคสส่วนเกินออกทางปัสสาวะ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมน้ำตาลชนิดนี้ในโลหิตได้
- 
โรคไต ไม่สามารถดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ของเหลวจึงถูกขับออกมากผิดปกติ
- 
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นเพราะพฤติกรรมการกลั้นปัสสาวะและรักษาความสะอาดไม่ถูกสุขลักษณะ จนอักเสบติดเชื้อ
- 
ต่อมลูกหมากโต ลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ จนไปกดทับท่อปัสสาวะให้ตีบเล็กลง
- 
กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (OAB) ปวดปัสสาวะบ่อย กลั้นไม่ค่อยได้ อาจมีการเล็ดราดออกมา
- 
ต่อมไร้ท่อผิดปกติ เช่น เบาจืดกับกลุ่มอาการคุชชิง (Cushing syndromes) 
อาการปัสสาวะบ่อยที่ต้องมาพบแพทย์
มีภาวะร่วมอื่น ๆ ได้แก่
- เป็นไข้
- มีเลือดปนออกมา รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่น หรือตกขาว
- สีปัสสาวะขาวขุ่น แดง น้ำตาลเข้มจัด
- ขณะถ่ายเบา เจ็บ ขัด แสบ เหมือนไม่สุด
- ปวดท้องน้อยหรือมีก้อนอยู่บริเวณนั้น
- ปวดหลัง
- ตื่นมาปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน
การวินิจฉัยภาวะปัสสาวะบ่อยเกินไป
ในขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติ ถามถึงปริมาณน้ำที่ดื่มต่อวัน ใช้ยาอะไรอยู่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนหรือไม่ หลังจากนั้นทำการตรวจเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น
- 
ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูแบคทีเรียและเซลล์เม็ดเลือดขาวว่าพบการติดเชื้อหรือไม่
- 
อัลตราซาวด์ เพื่อตรวจดูเนื้องอก
- 
ส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ ใช้ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบ ถ่ายเบาบ่อยเรื้อรังโดยเฉพาะสตรีวัยกลางคนที่ผ่านการคลอดบุตรมานานหลายปี
การรักษาภาวะปัสสาวะบ่อย
หากพบความผิดปกติแพทย์จะรักษาตามอาการของโรค หากเป็นการตั้งครรภ์เมื่อคลอดบุตรแล้วจะหายได้เอง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคหรือภาวะผิดปกติแต่อย่างไร เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่
- ดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากก่อนเข้านอน
- ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- หากมีการเล็ดราดของปัสสาวะ ควรสวมใส่ชุดชั้นในหรือแผ่นซึมซับ
แม้ว่าปัสสาวะบ่อยจะไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด แต่ผลกระทบทางจิตใจของผู้ป่วยภาวะนี้ไม่ควรมองข้าม เพราะเขาอาจมีความกังวลในอาการที่ผิดปกติจนรู้สึกไม่อยากออกไปไหน เครียดอยู่กับการต้องหาห้องน้ำคอยขับถ่าย บางรายอาจเป็นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ ดังนั้นลูกหลานควรเปิดรับทำความเข้าใจ และหาทางแก้ไขอย่างถูกวิธี																															
 
						
ปัสสาวะบ่อย อันตรายหรือไม่ แล้วเสี่ยงโรคอะไรบ้าง?
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่ต้องป้องกันภาวะขาดน้ำ บางรายอาจรู้สึกคอแห้งบ่อยจนต้องดื่มเรื่อย ๆ
- รับประทานผัก-ผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำเยอะ เช่น แตงโม แคนตาลูป สาลี่ ชมพู่ แตงกวา และมะเขือเทศ เป็นต้น
- ใช้ยารักษาโรคประจำตัว ได้แก่ ยาขับปัสสาวะกับยาโรคเบาหวาน
- ตั้งครรภ์ มดลูกของผู้หญิงมีครรภ์จะขยายใหญ่จนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งคาเฟอีน
ปัสสาวะบ่อยเสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง?
- เบาหวาน ร่างกายกำจัดกลูโคสส่วนเกินออกทางปัสสาวะ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมน้ำตาลชนิดนี้ในโลหิตได้
- โรคไต ไม่สามารถดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ของเหลวจึงถูกขับออกมากผิดปกติ
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นเพราะพฤติกรรมการกลั้นปัสสาวะและรักษาความสะอาดไม่ถูกสุขลักษณะ จนอักเสบติดเชื้อ
- ต่อมลูกหมากโต ลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ จนไปกดทับท่อปัสสาวะให้ตีบเล็กลง
- กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (OAB) ปวดปัสสาวะบ่อย กลั้นไม่ค่อยได้ อาจมีการเล็ดราดออกมา
- ต่อมไร้ท่อผิดปกติ เช่น เบาจืดกับกลุ่มอาการคุชชิง (Cushing syndromes)
อาการปัสสาวะบ่อยที่ต้องมาพบแพทย์
มีภาวะร่วมอื่น ๆ ได้แก่
- เป็นไข้
- มีเลือดปนออกมา รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่น หรือตกขาว
- สีปัสสาวะขาวขุ่น แดง น้ำตาลเข้มจัด
- ขณะถ่ายเบา เจ็บ ขัด แสบ เหมือนไม่สุด
- ปวดท้องน้อยหรือมีก้อนอยู่บริเวณนั้น
- ปวดหลัง
- ตื่นมาปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน
การวินิจฉัยภาวะปัสสาวะบ่อยเกินไป
ในขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติ ถามถึงปริมาณน้ำที่ดื่มต่อวัน ใช้ยาอะไรอยู่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนหรือไม่ หลังจากนั้นทำการตรวจเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น
- ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูแบคทีเรียและเซลล์เม็ดเลือดขาวว่าพบการติดเชื้อหรือไม่
- อัลตราซาวด์ เพื่อตรวจดูเนื้องอก
- ส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ ใช้ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบ ถ่ายเบาบ่อยเรื้อรังโดยเฉพาะสตรีวัยกลางคนที่ผ่านการคลอดบุตรมานานหลายปี
การรักษาภาวะปัสสาวะบ่อย
หากพบความผิดปกติแพทย์จะรักษาตามอาการของโรค หากเป็นการตั้งครรภ์เมื่อคลอดบุตรแล้วจะหายได้เอง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคหรือภาวะผิดปกติแต่อย่างไร เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่
- ดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากก่อนเข้านอน
- ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- หากมีการเล็ดราดของปัสสาวะ ควรสวมใส่ชุดชั้นในหรือแผ่นซึมซับ
แม้ว่าปัสสาวะบ่อยจะไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด แต่ผลกระทบทางจิตใจของผู้ป่วยภาวะนี้ไม่ควรมองข้าม เพราะเขาอาจมีความกังวลในอาการที่ผิดปกติจนรู้สึกไม่อยากออกไปไหน เครียดอยู่กับการต้องหาห้องน้ำคอยขับถ่าย บางรายอาจเป็นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ ดังนั้นลูกหลานควรเปิดรับทำความเข้าใจ และหาทางแก้ไขอย่างถูกวิธี