มี 2 เรื่อง ผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิต และ แพทย์เฉลย ‘เจอจุดที่ปอด’ มีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามข่าวสาร ติดต่อเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ใช้เป็นพื้นที่ระบายความรู้สึก แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เหมือนจะ “เชื่อมโยง” ผู้คนเข้าด้วยกัน กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคน “รู้สึกโดดเดี่ยว” มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เช็กฟีดไม่กี่นาที…แต่ใจกลับว้าวุ่นไปทั้งวัน”

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามข่าวสาร ติดต่อเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ใช้เป็นพื้นที่ระบายความรู้สึก แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เหมือนจะ “เชื่อมโยง” ผู้คนเข้าด้วยกัน กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคน “รู้สึกโดดเดี่ยว” มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์แบบนี้ เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ มีชีวิตดี มีความรักที่อบอุ่น หรือได้ไปเที่ยวในที่สวย ๆ แล้วรู้สึกว่าชีวิตตัวเอง “ยังไม่ดีพอ” ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย ความรู้สึกเปรียบเทียบตัวเองกับสังคม (Social Comparison) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่ทุกอย่างถูก “คัดมาแล้วให้ดูดี” มันอาจค่อย ๆ บั่นทอนความพึงพอใจในตัวเอง ทำให้รู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือแม้แต่ซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว


อีกด้านหนึ่ง โซเชียลมีเดียยังส่งผลต่อสมาธิและคุณภาพการนอน การเลื่อนหน้าจอไปเรื่อย ๆ ก่อนนอนอาจดูเหมือนเป็นการผ่อนคลาย แต่แสงสีฟ้าจากหน้าจอและข้อมูลจำนวนมากที่สมองต้องประมวลผล ทำให้ร่างกายสับสนว่านี่คือ “เวลาพักผ่อน” หรือ “เวลาตื่นตัว” ผลที่ตามมาคือหลับยาก หลับไม่สนิท และตื่นขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า

อย่างไรก็ตาม โซเชียลมีเดียไม่ใช่ “ตัวร้าย” เสมอไป หากเราใช้มันอย่างมีสติและรู้เท่าทัน มันสามารถเป็นเครื่องมือที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับกลุ่มคนที่เข้าใจเราได้จริง ๆ เช่น กลุ่มคนที่ผ่านประสบการณ์เดียวกัน หรือคอมมูนิตี้เกี่ยวกับสุขภาพจิตที่ให้กำลังใจกันและกัน


สิ่งสำคัญคือ “การรู้จังหวะของตัวเอง”

เมื่อรู้สึกว่าเริ่มเปรียบเทียบ เริ่มรู้สึกไม่ดีหลังจากเล่นโซเชียล ลองพักออกมาจากหน้าจอชั่วคราว แล้วหันกลับมาอยู่กับสิ่งจริงตรงหน้า สูดลมหายใจ
ลึก ๆ เดินเล่น อ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับคนใกล้ชิด การกลับมาอยู่กับ “โลกปัจจุบัน” จะช่วยให้ใจกลับมาอยู่ในสมดุลได้มากขึ้น

สุดท้ายนี้ โซเชียลมีเดียไม่จำเป็นต้องหายไปจากชีวิตเรา แต่เราควรเรียนรู้ที่จะใช้มัน “อย่างไม่ให้มันใช้เรา”

การดูแลสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องไกลตัว แค่รู้เท่าทันสิ่งที่เราบริโภคในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ภาพ หรือคำพูดบนหน้าจอ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการดูแลใจตัวเองให้แข็งแรงขึ้นอีกนิดในทุกวัน.

เขียนโดย : จีระเดช งามสีสรรค์ จิตวิทยาคลินิก
เรียบเรียงโดย : นายฐิติ ฐิติพันธุ์สรศักดิ์
โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital
โทร. 0-2589-1889 เว็บไซต์ bangkokmentalhealthhospital.com/

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/5238577/




แพทย์เฉลย ‘เจอจุดที่ปอด’ มีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์

ปัจจุบันคนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น พอตรวจสุขภาพเจอสิ่งผิดปกติก็จะตั้งคำถามทันที และเป็นโชคดีของยุคปัจจุบันที่มีบุคลากรการแพทย์ตัวจริงมาให้ความรู้ผ่านโซเชียลมีเดียจำนวนมาก

ปัจจุบันคนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น พอตรวจสุขภาพเจอสิ่งผิดปกติก็จะตั้งคำถามทันที และเป็นโชคดีของยุคปัจจุบันที่มีบุคลากรการแพทย์ตัวจริงมาให้ความรู้ผ่านโซเชียลมีเดียจำนวนมาก อย่าง รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอก จากศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ที่ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก “ผ่าตัดปอดโดย รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย” หรือ Youtube : ผ่าตัดปอด หรือ Lineid:@lungsurgeryth หรือเว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.com


ล่าสุด รศ.นพ.ศิระ ได้หยิบคำถามของประชาชน “เจอจุดที่ปอด (lung nodule) มีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์” มาเผยแพร่ต่อ โดย “ศัลยแพทย์ทรวงอกฯ” อธิบายว่า หลายครั้งที่เราไปตรวจสุขภาพแล้วพบเจอฝ้าขาว เมื่ออ่านผลรังสีวินิจฉัยพบเจอความผิดปกติในฟิล์มเอกซเรย์ปอด ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คืออย่าเพิ่งตกใจเราต้องหาสาเหตุของจุดที่เกิดขึ้นมีจริงหรือไม่


วิธีการที่ดีที่สุดคือการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์(CT scan) แต่ไม่ควรที่จะทำเอกซเรย์ซ้ำ เพราะไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากการทำฟิล์มเปรียบเสมือนการถ่ายภาพ 2 มิติ เห็นแค่ด้านหน้า-หลัง ส่งผลทำให้เกิดผลภาพลวงได้บ่อย เปรียบเทียบกับการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เห็นรายละเอียด เป็นลักษณะของก้อนเนื้อสงสัยว่ามะเร็งหรือไม่ รวมทั้งมีจริงหรือไม่

หากการทำเอกซ เรย์คอมพิวเตอร์ CT scan ไม่มีจุดหรือไม่พบจุด บางที่สิ่งที่เราเห็นจากฟิล์ม คือเงาที่ซ้อนทับกัน เนื่องจากมุมภาพ กรณีนี้มั่นใจได้ ว่าไม่มีอะไร ใช้ชีวิตปกติ ติดตามตรวจสุขภาพประจำปี ในทางกลับกัน เมื่อใดหากเราได้ทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แล้วเจอว่ามีจุดที่ปอดจริงๆ โดย สาเหตุอาจเกิดได้จาก 1.มะเร็ง ซึ่งอาจจะเป็นมะเร็งปอดหรือมะเร็งจากที่อื่นกระจายมา 2. วัณโรค และ 3.อย่างอื่น ๆ เช่น เนื้องอกธรรมดาของปอด หรือในช่องทรวงอก

ปกติเมื่อทำเอกซเรย์คอมพิว เตอร์มักจะเจอจุดโอกาสเป็นมะเร็งแค่ 1% แนะนำควรเจอแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น หมอโรคปอดหรือหมอผ่าตัดปอด เพื่อจะดูความน่าจะเป็น หรือติดตามอาการ

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นก้อนเนื้อร้ายการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดโดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การส่องกล้องผ่านหลอดลม (Bronchoscope)
โดยการเจาะเอาชิ้นเนื้อโดยการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT guide Biopsy) ผ่าตัด (Surgical biopsy)

ดังนั้นแนะนำการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอด จึงเป็นการฉายรังสีเอ็กซ์ไปที่ส่วนของหน้าอกหรือปอด โดยภาพจากการฉายรังสีนั้นจะถูกบันทึกลงในแผ่นฟิล์มที่มีความละเอียดสูง ซึ่งแพทย์จะใช้ในการตรวจวินิจฉัยความสมบูรณ์ของอวัยวะภายใน ทั้งทรวงอก ปอด และโครงสร้างข้างเคียง

อีกทั้งปัจจุบันวิวัฒนาการเราสามารถทำ Low dose CT การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ใช้รังสีต่ำ จึงเป็นการตรวจอย่างหนึ่งที่นิยมใช้กันมาก ในการคัดกรองมะเร็งปอดเพราะเป็นการตรวจที่ง่ายและสามารถคัดกรองได้เบื้องต้น ไม่เป็นอันตรายเพราะใช้รังสีที่มีปริมาณน้อย โดยรูปแบบการทำงานของเครื่องเอกซเรย์ปอดจะใช้เพื่อให้ได้ภาพรังสีของภาพภายในปอดทั้งหมด

ปัจจุบันประเทศไทยได้ทำ“การเอกซเรย์ปอด” เป็นเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยระบบการทำงานอวัยวะภายในที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็กตั้งแต่บริเวณอวัยวะส่วนทรวงอกจนไปถึงส่วนของโครงสร้างกระดูกที่ครอบคลุมบริเวณปอดและหัวใจ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นการตรวจเอกซเรย์ปอด ยิ่งมีการพัฒนาให้ภาพฉายรังสีถูกสแกนเป็นระบบดิจิทัล ทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่แม่นยำมากขึ้น

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/5238588/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่