จขกท. ได้มีโอกาสลางานยาวววว และแพลนไปภูกระดึง ช่วง กลางเดือน ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
แม้จะเคยไปมาแล้ว แต่ครั้งนี้ก็ยังสร้างความสุข ความสนุก ความสมบุกสมบัน เหมือนเดิม
เริ่มจากการเดินทาง ปกติจะนั่งรถทัวร์จาก กทม.ไปลงผานกเค้า รอบนี้เปลี่ยนเป็นการขับรถไปเองพร้อมเพื่อน
ถึงผานกเค้าก็รับรู้ได้เลยว่าลำบากแน่ เพราะฝนตกเพิ่งหยุด หมอกลง การเดินขึ้นคงจะลำบากน่าดู
ไปถึงที่ทำการอุทยานฯ จะมี 4 จุดที่ต้องเช็คครับ ได้แก่ จุดลงทะเบียนที่พัก จุดนั่งรับฟังการปฏิบัติตัวบนภู จุดฝากสัมภาระ และจุดลงชื่อ Pass
กลุ่มผมทำอะไรเสร็จ พร้อมเดินขึ้นประมาณ 6.45 น. ครับ เดินไปพักไปทุกซำ โชคดีคืออากาศปิด เมฆหมอกหนา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความลื่นของพื้นเป็นระยะๆ
ภาพบรรยากาศที่ซำแฮก ของมันต้องมีที่นี่คือแตงโม แต่ก็ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมต้องแตงโม มารอบที่แล้วยังไม่เห็นว่าจะเป็นไฮไลท์อะไรเลย 555
ที่ซำต่างๆ ก็จะมีร้านค้าคอยให้บริการ แต่ที่หลักๆ เลยก็คือซำกกโดน ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่ประจำและมีห้องน้ำของอุทยานฯ ให้บริการด้วย
ตามซำต่างๆ นอกจากนี้ก็มีห้องน้ำครับ แต่เป็นของทางร้านค้า สามารถใช้บริการได้
ตลอดทางขึ้นจะพบว่าที่นี่เป็นทางผ่านของช้างป่าครับ มีมูลให้เห็นเป็นระยะ ถึงว่าปีนี้บนภูเปิดให้เดินเป็นบางแห่งเท่านั้น ไม่ได้เปิดทั้งหมด
พวกเราใช้เวลาเดินขึ้น 3 ชั่วโมง 45 นาที ถึงหลังแปตอน 10.30 น. ตลอดทางก็มีแต่คนขาลงภูถามว่า ขึ้นมากี่โมง??? (ประมาณว่าขึ้นมาเร็วจัดไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไง)
ทริปของพวกผมอยู่ในสายหมอกตลอดครับ ตอนเดินเลยไม่ร้อน เจอฟ้าใสๆ อีกทีก็ที่พักล่ะครับ รอบนี้เลือกเป็นบ้านพักเพราะไม่อยากสู้รบกับน้องทากิ
ที่นี่มีร้านค้าร้านอาหารให้บริการหลายสิบร้าน เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง หมูกระทะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชา โอวัลติน กาแฟ มีครบหมดครับ จะชาร์ทไฟชาร์ทแบตก็ที่ร้านค้าได้เลย ลองเดินดูให้ครบนะครับ เพราะ Layout ร้านจะวางเป็นรูปตัว U บางทีพอเราขี้เกียจเดินก็อาจจะไม่ได้พบกับร้านที่ถูกใจก็เป็นได้
ไฟฟ้าเริ่มเปิดเกือบๆ 6 โมงเย็น ปิด 4 ทุ่มนะครับ
ตอนพวกผมไปนี่ฝนตกตอนค่ำๆ ทุกคืน ตกเสร็จฟ้าใสเห็นดาว แล้วตอนใกล้ๆ เช้าหมอกก็ลง เลยทำให้พอไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 2 ที่ผานกแอ่น ไม่เจอพระอาทิตย์ครับ หมอกฟุ้งไปหมด (เจ้าหน้าที่จะเรียกรวมกันที่ทำการตอนตี 5 แล้วออกเดินไปพร้อมกันนะครับ)
วันที่ 2 นี่เป็นวันแห่งการเดินครับ (9 โมงเจ้าหน้าที่จะเรียกรวมกันที่ทำการอีกที แล้วออกเดินไปน้ำตกถ้ำใหญ่ครับ)
หลังจากน้ำตกถ้ำใหญ่ ก็เป็นการเดินทางไกลล่ะครับ เพราะเป้าหมายคือ ผาหล่มสัก ซึ่งต้องเดินไป-กลับ 18 Km. กลับมาหมดแรงต้องเติมพลังด้วยหมูกระทะในบรรยากาศฝนตกครับ
วันที่ 3 ก็ตั้งใจจะไปซ่อมผานกแอ่น แต่เห็นหมอกลง เลยไม่ไป ปรากฎว่า พระอาทิตย์ขึ้นครับ ถึงจะขึ้นแบบมีหมอกฟุ้งๆ ก็แอบเสียดาย แต่เราก็ได้ภาพบรรยากาศทะเลหมอกที่หลังแปมาแทน
แต่ก็แอบดีใจเล็กๆ ที่ไม่ได้ไป เพราะขาลงใช้พลังงานเยอะมาก พวกเราลงไปถึงด้านล่างประมาณ 11.00 น. ครับ สวนกับคนที่ขึ้นมาเยอะพอสมควร เพราะเป็นวันศุกร์
จบการรีวิวแบบคร่าวๆ ครับ คงจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านไม่มากก็น้อย.....
[CR] ภูกระดึง ตุลาคม 2568 การเดินทางกว่า 80,000 ก้าว
แม้จะเคยไปมาแล้ว แต่ครั้งนี้ก็ยังสร้างความสุข ความสนุก ความสมบุกสมบัน เหมือนเดิม
เริ่มจากการเดินทาง ปกติจะนั่งรถทัวร์จาก กทม.ไปลงผานกเค้า รอบนี้เปลี่ยนเป็นการขับรถไปเองพร้อมเพื่อน
ถึงผานกเค้าก็รับรู้ได้เลยว่าลำบากแน่ เพราะฝนตกเพิ่งหยุด หมอกลง การเดินขึ้นคงจะลำบากน่าดู
ไปถึงที่ทำการอุทยานฯ จะมี 4 จุดที่ต้องเช็คครับ ได้แก่ จุดลงทะเบียนที่พัก จุดนั่งรับฟังการปฏิบัติตัวบนภู จุดฝากสัมภาระ และจุดลงชื่อ Pass
กลุ่มผมทำอะไรเสร็จ พร้อมเดินขึ้นประมาณ 6.45 น. ครับ เดินไปพักไปทุกซำ โชคดีคืออากาศปิด เมฆหมอกหนา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความลื่นของพื้นเป็นระยะๆ
ภาพบรรยากาศที่ซำแฮก ของมันต้องมีที่นี่คือแตงโม แต่ก็ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมต้องแตงโม มารอบที่แล้วยังไม่เห็นว่าจะเป็นไฮไลท์อะไรเลย 555
ที่ซำต่างๆ ก็จะมีร้านค้าคอยให้บริการ แต่ที่หลักๆ เลยก็คือซำกกโดน ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่ประจำและมีห้องน้ำของอุทยานฯ ให้บริการด้วย
ตามซำต่างๆ นอกจากนี้ก็มีห้องน้ำครับ แต่เป็นของทางร้านค้า สามารถใช้บริการได้
ตลอดทางขึ้นจะพบว่าที่นี่เป็นทางผ่านของช้างป่าครับ มีมูลให้เห็นเป็นระยะ ถึงว่าปีนี้บนภูเปิดให้เดินเป็นบางแห่งเท่านั้น ไม่ได้เปิดทั้งหมด
พวกเราใช้เวลาเดินขึ้น 3 ชั่วโมง 45 นาที ถึงหลังแปตอน 10.30 น. ตลอดทางก็มีแต่คนขาลงภูถามว่า ขึ้นมากี่โมง??? (ประมาณว่าขึ้นมาเร็วจัดไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไง)
ทริปของพวกผมอยู่ในสายหมอกตลอดครับ ตอนเดินเลยไม่ร้อน เจอฟ้าใสๆ อีกทีก็ที่พักล่ะครับ รอบนี้เลือกเป็นบ้านพักเพราะไม่อยากสู้รบกับน้องทากิ
ที่นี่มีร้านค้าร้านอาหารให้บริการหลายสิบร้าน เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง หมูกระทะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชา โอวัลติน กาแฟ มีครบหมดครับ จะชาร์ทไฟชาร์ทแบตก็ที่ร้านค้าได้เลย ลองเดินดูให้ครบนะครับ เพราะ Layout ร้านจะวางเป็นรูปตัว U บางทีพอเราขี้เกียจเดินก็อาจจะไม่ได้พบกับร้านที่ถูกใจก็เป็นได้
ไฟฟ้าเริ่มเปิดเกือบๆ 6 โมงเย็น ปิด 4 ทุ่มนะครับ
ตอนพวกผมไปนี่ฝนตกตอนค่ำๆ ทุกคืน ตกเสร็จฟ้าใสเห็นดาว แล้วตอนใกล้ๆ เช้าหมอกก็ลง เลยทำให้พอไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 2 ที่ผานกแอ่น ไม่เจอพระอาทิตย์ครับ หมอกฟุ้งไปหมด (เจ้าหน้าที่จะเรียกรวมกันที่ทำการตอนตี 5 แล้วออกเดินไปพร้อมกันนะครับ)
วันที่ 2 นี่เป็นวันแห่งการเดินครับ (9 โมงเจ้าหน้าที่จะเรียกรวมกันที่ทำการอีกที แล้วออกเดินไปน้ำตกถ้ำใหญ่ครับ)
หลังจากน้ำตกถ้ำใหญ่ ก็เป็นการเดินทางไกลล่ะครับ เพราะเป้าหมายคือ ผาหล่มสัก ซึ่งต้องเดินไป-กลับ 18 Km. กลับมาหมดแรงต้องเติมพลังด้วยหมูกระทะในบรรยากาศฝนตกครับ
วันที่ 3 ก็ตั้งใจจะไปซ่อมผานกแอ่น แต่เห็นหมอกลง เลยไม่ไป ปรากฎว่า พระอาทิตย์ขึ้นครับ ถึงจะขึ้นแบบมีหมอกฟุ้งๆ ก็แอบเสียดาย แต่เราก็ได้ภาพบรรยากาศทะเลหมอกที่หลังแปมาแทน
แต่ก็แอบดีใจเล็กๆ ที่ไม่ได้ไป เพราะขาลงใช้พลังงานเยอะมาก พวกเราลงไปถึงด้านล่างประมาณ 11.00 น. ครับ สวนกับคนที่ขึ้นมาเยอะพอสมควร เพราะเป็นวันศุกร์
จบการรีวิวแบบคร่าวๆ ครับ คงจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านไม่มากก็น้อย.....
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้