ที่มา :-Wongnai Beauty
8 ลักษณะตดของเรา เป็นแบบไหน
หลายคนอาจคิดว่า “ตด” เป็นเรื่องตลกหรือเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน แต่จริง ๆ แล้ว ตดเป็นสัญญาณทางสุขภาพที่สำคัญมาก ๆ เลย เพราะทุกครั้งที่ร่างกายเราปล่อยแก๊สออกมา นั่นคือการบ่งบอกถึงสุขภาพภายในลำไส้ ระบบการย่อยอาหาร ไปจนถึงพฤติกรรมการกินที่สะสมมาในแต่ละวัน ถ้าเราสังเกตดี ๆ ตดสามารถช่วยให้เราเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น ว่ามีภาวะเสี่ยงอะไรบ้าง หรือควรปรับสุขภาพตรงไหนก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โต
"ตด"เกิดจากอะไร
ตด (หรือการผายลม) เกิดขึ้นเมื่อแก๊สในระบบทางเดินอาหารถูกปล่อยออกทางทวารหนัก ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่ช่วยลดแรงกดดันในลำไส้และช่วยให้ระบบทางเดินอาหารไม่อึดอัดเกินไป ซึ่งในตดจะประกอบด้วย แก๊สที่ไม่มีกลิ่น 99% ได้แก่ ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ออกซิเจน มีเทน และส่วนที่เป็นแก๊สมีกลิ่น (ประมาณ 1%) เกิดจากการหมักของอาหารในลำไส้ ซึ่งสร้างสารประกอบซัลเฟอร์ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นในตดนั้นเอง
ปัจจัยที่ทำให้เกิด"ตด"
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้มีการสะสมแก๊สในระบบทางเดินอาหาร จนในที่สุดร่างกายจำเป็นต้องปล่อยออกมาเป็นตด
กลืนอากาศ (Aerophagia) – เมื่อเรากินเร็ว เคี้ยวไม่ละเอียด พูดไปกินไป ดื่มน้ำอัดลม หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง มักจะกลืนอากาศเข้าไปด้วยส่งผลให้กระตุ้นการตดได้ค่ะ
อาหารที่สร้างแก๊สมาก – บางอาหารโดยเฉพาะพืชที่มีกากใยสูง ถั่ว ผักบางชนิด (เช่น กะหล่ำปลี บรอกโคลี หัวหอม) รวมถึงอาหารที่มีโปรตีนสูง เมื่อถูกย่อยแล้วอาจผ่านไปยังลำไส้ใหญ่และถูกแบคทีเรียหมัก กลายเป็นแก๊ส
การย่อยไม่สมบูรณ์ / แบคทีเรียในลำไส้ – ถ้าอาหารบางส่วนไม่ถูกย่อยให้หมดในลำไส้เล็ก และส่งไปถึงลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะมาทำหน้าที่หมักและผลิตแก๊สออกมา
อาหารไขมันสูง – ร่างกายใช้เวลานานในการย่อยไขมัน ทำให้อาหารตกค้างในลำไส้นานขึ้น โอกาสเกิดแก๊สมากขึ้น
สมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ – ถ้าจุลินทรีย์ที่ดี (โปรไบโอติก) ลดน้อย แบคทีเรียที่ผลิตแก๊สกำมะถันอาจมีมากขึ้น
พฤติกรรม / ไลฟ์สไตล์ – ความเครียด นอนไม่พอ เคลื่อนไหวน้อย ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าหรือไม่เต็มประสิทธิภาพ
ภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ – บางโรค เช่น ภาวะไม่ทนแลคโตส (Lactose Intolerance), ภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS), โรคลำไส้อักเสบ มีส่วนให้เกิดตดบ่อยหรือตดมีกลิ่นแรง
ลักษณะ"ตด" 3 หมวดหมู่
Tips ดูแลลำไส้ให้"ตด"ปกติ
เพื่อให้ตดสะท้อนสุขภาพที่ดี เราควรดูแลลำไส้และระบบย่อยอาหาร และถ้าเราดูแลลำไส้ให้แข็งแรง ตดก็จะออกมาในลักษณะที่ “สมดุล” ไม่มากไป ไม่น้อยไป และไม่มีกลิ่นแรงผิดปกติค่ะ
1.กินอาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
2.ลดอาหารที่ก่อแก๊สมากเกิน เช่น ถั่ว หัวหอม น้ำอัดลม ถ้ากินแล้วท้องอืดง่าย
3.ดื่มน้ำเพียงพอ น้ำช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น ลดภาวะท้องผูก
4.เคี้ยวอาหารช้า ๆ ลดการกลืนอากาศ
5.ดูแลสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วยการกินโยเกิร์ตหรือโปรไบโอติก
6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
"ตด"สัญญาณทางสุขภาพที่สำคัญ "ตด"จริง ๆ แล้วเกิดจากอะไร สาเหตุไหนทำให้ตดแต่ละแบบแตกต่างกัน ไปดูกันครับ
8 ลักษณะตดของเรา เป็นแบบไหน
หลายคนอาจคิดว่า “ตด” เป็นเรื่องตลกหรือเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน แต่จริง ๆ แล้ว ตดเป็นสัญญาณทางสุขภาพที่สำคัญมาก ๆ เลย เพราะทุกครั้งที่ร่างกายเราปล่อยแก๊สออกมา นั่นคือการบ่งบอกถึงสุขภาพภายในลำไส้ ระบบการย่อยอาหาร ไปจนถึงพฤติกรรมการกินที่สะสมมาในแต่ละวัน ถ้าเราสังเกตดี ๆ ตดสามารถช่วยให้เราเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น ว่ามีภาวะเสี่ยงอะไรบ้าง หรือควรปรับสุขภาพตรงไหนก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โต
"ตด"เกิดจากอะไร
ตด (หรือการผายลม) เกิดขึ้นเมื่อแก๊สในระบบทางเดินอาหารถูกปล่อยออกทางทวารหนัก ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่ช่วยลดแรงกดดันในลำไส้และช่วยให้ระบบทางเดินอาหารไม่อึดอัดเกินไป ซึ่งในตดจะประกอบด้วย แก๊สที่ไม่มีกลิ่น 99% ได้แก่ ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ออกซิเจน มีเทน และส่วนที่เป็นแก๊สมีกลิ่น (ประมาณ 1%) เกิดจากการหมักของอาหารในลำไส้ ซึ่งสร้างสารประกอบซัลเฟอร์ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นในตดนั้นเอง
ปัจจัยที่ทำให้เกิด"ตด"
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้มีการสะสมแก๊สในระบบทางเดินอาหาร จนในที่สุดร่างกายจำเป็นต้องปล่อยออกมาเป็นตด
กลืนอากาศ (Aerophagia) – เมื่อเรากินเร็ว เคี้ยวไม่ละเอียด พูดไปกินไป ดื่มน้ำอัดลม หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง มักจะกลืนอากาศเข้าไปด้วยส่งผลให้กระตุ้นการตดได้ค่ะ
อาหารที่สร้างแก๊สมาก – บางอาหารโดยเฉพาะพืชที่มีกากใยสูง ถั่ว ผักบางชนิด (เช่น กะหล่ำปลี บรอกโคลี หัวหอม) รวมถึงอาหารที่มีโปรตีนสูง เมื่อถูกย่อยแล้วอาจผ่านไปยังลำไส้ใหญ่และถูกแบคทีเรียหมัก กลายเป็นแก๊ส
การย่อยไม่สมบูรณ์ / แบคทีเรียในลำไส้ – ถ้าอาหารบางส่วนไม่ถูกย่อยให้หมดในลำไส้เล็ก และส่งไปถึงลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะมาทำหน้าที่หมักและผลิตแก๊สออกมา
อาหารไขมันสูง – ร่างกายใช้เวลานานในการย่อยไขมัน ทำให้อาหารตกค้างในลำไส้นานขึ้น โอกาสเกิดแก๊สมากขึ้น
สมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ – ถ้าจุลินทรีย์ที่ดี (โปรไบโอติก) ลดน้อย แบคทีเรียที่ผลิตแก๊สกำมะถันอาจมีมากขึ้น
พฤติกรรม / ไลฟ์สไตล์ – ความเครียด นอนไม่พอ เคลื่อนไหวน้อย ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าหรือไม่เต็มประสิทธิภาพ
ภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ – บางโรค เช่น ภาวะไม่ทนแลคโตส (Lactose Intolerance), ภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS), โรคลำไส้อักเสบ มีส่วนให้เกิดตดบ่อยหรือตดมีกลิ่นแรง
ลักษณะ"ตด" 3 หมวดหมู่
Tips ดูแลลำไส้ให้"ตด"ปกติ
เพื่อให้ตดสะท้อนสุขภาพที่ดี เราควรดูแลลำไส้และระบบย่อยอาหาร และถ้าเราดูแลลำไส้ให้แข็งแรง ตดก็จะออกมาในลักษณะที่ “สมดุล” ไม่มากไป ไม่น้อยไป และไม่มีกลิ่นแรงผิดปกติค่ะ
1.กินอาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
2.ลดอาหารที่ก่อแก๊สมากเกิน เช่น ถั่ว หัวหอม น้ำอัดลม ถ้ากินแล้วท้องอืดง่าย
3.ดื่มน้ำเพียงพอ น้ำช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น ลดภาวะท้องผูก
4.เคี้ยวอาหารช้า ๆ ลดการกลืนอากาศ
5.ดูแลสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วยการกินโยเกิร์ตหรือโปรไบโอติก
6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้