คลัง-แบงก์ชาติ ดัน พ.ร.บ. ตั้ง NaCGA สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ

KEY POINTS
กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกันผลักดันร่าง พ.ร.บ. จัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA)

มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อ และยกระดับกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของรัฐให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

NaCGA จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมตามระดับความเสี่ยง (Risk-based Pricing)

ร่างกฎหมายกำหนดให้มีการควบรวมบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ NaCGA ในอนาคต

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ศึกษาและยกร่าง พระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... เพื่อให้สอดคล้องตามแนวคิดการจัดตั้ง สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency: NaCGA) ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในการหลักการของแนวคิดการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ จะยกระดับกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของภาครัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพ มีความยั่งยืนทางการคลัง และสามารถส่งเสริมให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายได้ด้วยต้นทุนทางการเงินในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง (Risk-based Pricing) มากยิ่งขึ้น

โดยเหตุผลของการออกกฎหมายฉบับนี้ เป็นเพราะปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ประมาณ 3.2 ล้านราย ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศกว่า 35% ของ GDP แต่ผู้ประกอบการ SMEs กว่า 40% ของทั้งหมดยังคงประสบปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินจากหลายปัจจัย เช่น การไม่มีสินทรัพย์ที่สามารถใช้เป็นหลักประกันได้ การมีรายได้ที่ไม่แน่นอนและไม่มีประวัติข้อมูลเครดิตที่เพียงพอ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการ SMEs จำนวนมากยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบและจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากนอกระบบแทน นอกจากนี้ แม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยจะมีกลไกการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน แต่รูปแบบและขอบเขตของการค้ำประกันสินเชื่อที่มีอยู่ในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดและไม่สามารถตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ประกอบการที่มีความต้องการที่หลากหลายได้อย่างตรงจุด 

ขณะที่การค้ำประกันสินเชื่อแบบ PGS ในปัจจุบันเป็นการดำเนินการผ่านโครงการของรัฐบาลที่ต้องพึ่งพาเงินงบประมาณจากภาครัฐเป็นหลัก จึงส่งผลให้การค้ำประกันสินเชื่อแบบ PGS ขาดเสถียรภาพในด้านแหล่งทุนที่อาจเกิดจากข้อจำกัดทางด้านการคลัง
อีกทั้งยังก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาวได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องออกกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็น

สาระสำคัญของร่างกฎหมาย
ร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้กำหนดให้มีการจัดตั้ง NaCGA ขึ้น พร้อมทั้งกำหนดวัตถุประสงค์ ขอบเขตการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ โครงสร้างสถาบันและการบริหารจัดการ การกำกับดูแลการดำเนินงานของ NaCGA รวมทั้งแนวทางและระยะเวลาในการจัดตั้ง NaCGA ตลอดจนกำหนดแนวทางการผนวก บสย. กับ NaCGA โดยร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้ประกอบด้วย บททั่วไปและหมวดกฎหมาย จำนวน 8 หมวด 132 มาตรา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. บททั่วไป 
2. หมวด 1 การจัดตั้ง วัตถุประสงค์ หน้าที่และอำนาจ และทุนและทรัพย์สิน (มาตรา 6 - 12)
3. หมวด 2 การบริหารและการดำเนินการ (มาตรา 13 - 45)
4. หมวด 3 การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของสถาบัน (มาตรา 46 - 54)
5. หมวด 4 การกำกับดูแล (มาตรา 55 - 56)
6. หมวด 5 การประกอบธุรกิจ (มาตรา 57 - 75)
7.หมวด 6 การตรวจสอบ (มาตรา 76 - 85)
8.หมวด 7 การจัดทำบัญชี การรายงาน ผู้สอบบัญชี และการตรวจสอบกิจการ (มาตรา 86 - 91)
9.หมวด 8 บทกำหนดโทษ (มาตรา 92 - 116)
10.บทเฉพาะกาล (มาตรา 117 – 132)

สำหรับหมวด 9 กำหนดให้การจัดตั้ง NaCGA ในระยะเริ่มแรกได้รับทุนประเดิมจากรัฐบาลและเงินให้กู้ยืม จาก บสย. ตามความจำเป็นในการจัดตั้งและดำเนินงานตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ทั้งนี้ NaCGA จะได้เงินทุนเพิ่มเติม จากรัฐบาลไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท โดยภายใน 360 วันนับตั้งแต่ที่ร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ กำหนดให้ บสย. ชำระค่าทดแทนเท่ากับมูลค่าหุ้นทั้งหมดที่ผู้ถือหุ้นที่ไม่ใช่กระทรวงการคลังถืออยู่ และเมื่อพ้น 360 วัน 

กำหนดให้กระทรวงการคลังยกมูลค่าหุ้นทั้งหมดที่กระทรวงการคลังถือใน บสย. ให้แก่ NaCGA ตลอดจนกำหนดให้ บสย. โอนกิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ทุน กำไรสะสม เงินสำรอง ภาระผูกพัน ตลอดจนสิทธิและความรับผิดของ บสย. เป็นของ NaCGA โดย บสย. จะยังสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้ หรือการดำเนินการอื่นที่ยังไม่แล้วเสร็จได้ไม่เกิน 270 วันนับตั้งแต่พ้นกำหนด 360 วันนับตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ

สำหรับในระยะแรกเริ่ม ให้ผู้จัดการทั่วไปของ บสย. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการตามร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้ ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการ ซึ่งกำหนดให้มีการแต่งตั้งภายใน 270 วันนับตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้คณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินงานคัดเลือกพนักงานและลูกจ้างของ บสย. มาช่วยปฏิบัติงานใน NaCGA เป็นการชั่วคราว โดยพิจารณาถึงความจำเป็นต่อการจัดตั้งและการดำเนินงานของ NaCGA 

นอกจากนี้ รัฐมนตรีอาจขอให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใด ในหน่วยงานของรัฐ มาปฏิบัติงานเป็นพนักงานของ NaCGA เป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และเมื่อพ้นกำหนด 360 วันนับแต่วันที่ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ใช้บังคับ 

ทั้งนี้ ให้พนักงานและลูกจ้างของ บสย. เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ NaCGA โดยจะต้องได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทนหรือสวัสดิการ และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับ ทั้งนี้ การเปลี่ยนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ NaCGA จะไม่ถือเป็นการออกจากงานและให้มีการนับอายุการทำงานต่อจากระยะเวลาทำงาน ใน บสย. 

อีกทั้ง บสย. จะยังสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้หรือดำเนินการอื่นที่ยังไม่แล้วเสร็จได้ไม่เกิน 270 วันนับตั้งแต่พ้นกำหนด 360 วันนับตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่