JJNY : 5in1 เท้งเล็งชูรธน.ใหม่│เท้งไม่หวั่นผลโพล│อดีตส.ว.เตือนสติ│คอนโดชะลอยาวถึงปี71│เกาหลีใต้จะสร้างบังเกอร์นิวเคลียร์

เท้ง เล็งชูรธน.ใหม่ แก้ปากท้อง-เสรีภาพ ชี้ สิทธิภท.ยึดร่างตัวเองเป็นหลัก แต่สำคัญต้องโยงปชช.ด้วย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5409998
.
.
‘เท้ง’ เผย ‘พรรคประชาชน’ เล็งชูรัฐธรรมนูญใหม่แก้ปัญหาปากท้อง-สิทธิเสรีภาพ ชี้ ‘ภูมิใจไทย’ มีสิทธิอ้างร่างตัวเองเป็นร่างหลัก แต่สุดท้ายต้องสู้กันด้วยเหตุผลจะยึดร่างใคร ย้ำ ‘ผู้ยกร่างฯ’ ต้องยึดโยงประชาชนที่สุด ชี้เสียงรัฐบาลเกิน 146 ไม่ขัด MOA เหตวาระแก้รธน.ต้องการเสียงทุกฝ่ายช่วยผลักดัน
.
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งพรรคประชาชนได้เตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง ว่า พรรคประชาชนได้มีการเตรียมผู้อภิปรายไว้หลายคน หลักๆ ก็จะมีการพูดถึงในเรื่องเหตุผลความจำเป็นว่าทำไมจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่ส่วนที่มีความสำคัญมากกว่าก็คือการพยายามชี้ให้ประชาชนเห็นว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จะเป็นการแก้ปัญหาปากท้อง และคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน และมีการเตรียมผู้อภิปรายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของรัฐ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยจะให้น้ำหนักในส่วนนี้ไม่แพ้ประเด็นทางการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ
.
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ส่วนอีกเรื่องที่คิดว่าน่าจะมีความสำคัญเช่นเดียวกันก็คือเรื่องของรูปแบบที่มาหรือว่าสูตรของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้าใจว่าตอนนี้แต่ละพรรคไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย ภูมิใจไทยหรือพรรคประชาชน ก็อาจจะมีข้อแตกต่างในรายละเอียดกันอยู่ และอาจจะต้องสู้และให้เหตุผลกันต่อว่าควรต้องใช้ร่างของใครใดเป็นร่างหลัก เพราะว่าทิศทางตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือ ส.ว.ก็น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือรับทุกร่าง เพียงแต่ว่าจะใช้ร่างใครเป็นร่างหลักที่เวลานี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเท่าไร
.
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยระบุว่าจะใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก พรรคประชาชนยอมรับได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า แต่ละพรรคก็น่าจะต้องชูร่างของตัวเองเป็นร่างหลักอยู่แล้ว แต่ตนคิดว่าสิ่งสำคัญกว่าคือการที่เราจะต้องมีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด ซึ่งคงต้องมีการให้เหตุผล มีการพูดคุยกันฝ่ายกลไกของวิปในช่วง 2 วันนี้ว่าจะเอาอย่างไร แต่สุดท้ายแต่ละส่วนเขาก็คงมีสิทธิ์ที่จะเสนอร่างของตัวเองเป็นร่างหลักและให้ลงมติกันไปตามนั้น
.
เมื่อถามว่าหากเสียงของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจาก 146 เสียงเดิม จะส่อขัดต่อ MOA ที่ทำไว้หรือไม่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยระบุว่าจะไปห้ามคนที่มาโหวตให้ไม่ได้ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องเสียงของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไรนั้น ก็อาจจะต้องดูเป็นวาระหรือดูเป็นเรื่องๆ ไป อย่างเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันนั้นเป็นการแบ่งได้ชัดที่สุดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลกันแน่ แต่เรื่องของรัฐธรรมนูญบางทีมันก็อาจจะไม่ได้เป็นประเด็นวาระที่อาจจะใช้ในการแบ่งระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลขนาดนั้น เพราะเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยเสียงของทุกภาคส่วนในการผลักดัน ถ้าเราดูในเรื่องเงื่อนไขของการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งในวาระ 1 และ วาระ 3 นอกจากจะใช้เสียงของ ส.ว. 1 ใน 3 แล้ว ก็อาจจะต้องอาศัยเสียงของฝ่ายค้านด้วย ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้จึงทำให้วาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะไม่ได้เป็นวาระที่ใช้เป็นจุดตัดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะต้องอาศัยเสียงของทุกคนจึงจะสามารถเดินหน้าแก้ไขได้
.
เมื่อถามว่าฝั่งพรรคเพื่อไทยแสดงความกังวลว่าพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยอาจจะรวมกันแล้วผลักร่างของพรรคเพื่อไทยออก นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่น่าจะมีข้อห่วงใยอะไรในตรงนั้น เพราะว่าตอนนี้เอาเฉพาะในส่วนของพรรคประชาชนเองเท่าที่มีการพูดคุยหารือก็เห็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมที่พรรคอื่นๆ หรือแม้ต่อ ส.ว.บางส่วนก็มีการสะท้อนความเห็นออกมาแล้วว่าควรจะต้องรับไปทุกร่างของทุกคน เพื่อที่จะได้ไปพูดคุยในรายละเอียดและข้อแตกต่างในวาระ 2 และ 3 เพียงแต่ที่อาจจะยังเห็นไม่ค่อยตรงกันก็คือในเรื่องที่ว่าจะใช้ร่างของใครเป็นร่างหลัก
.

.
“เท้ง” ไม่หวั่นผลโพลภูมิใจไทยแซงพรรคประชาชน รอถกแก้ รธน. ใช้ร่างไหนเป็นหลัก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2888810
.

“เท้ง ณัฐพงษ์” ไม่หวั่นผลโพล ภูมิใจไทยแซงหน้าพรรคประชาชน ปมแก้เศรษฐกิจระยะสั้น ชี้ว่ารอถกแก้รัฐธรรมนูญใช้ร่างพรรคไหนเป็นหลัก และต้องอาศัยทุกฝ่าย ไม่ใช่จุดตัดฝ่ายค้าน-รัฐบาล
.
วันที่ 13 ตุลาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจพบว่าคะแนนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แซงหน้าพรรคประชาชน โดยประชาชนมองว่าพรรคภูมิใจไทยสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ว่า ตนได้ดูผลโพลที่ออกมาแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่าผลโพลตรงนี้น่าเป็นห่วงอะไร เป็นข้อคิดเห็นของประชาชน และเห็นตรงกันว่าประชาชนโดยส่วนใหญ่ก็มองเห็นว่ามาตรการต่างๆ ของรัฐบาลในช่วงนี้เป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นจริง
.
ส่วนปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศในตอนนี้เราอาจจะใช้การแก้ปัญหาระยะสั้นอย่างเดียวไม่พอ แต่จำเป็นจะต้องใช้การลงทุนที่ถูกจุดในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง และแก้ปัญหาระยะยาวมากกว่านี้เช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละพรรครวมถึงคนที่เป็นรัฐบาลเขาก็มีสิทธิ์จะทำนโยบายต่างๆ ในมุมหนึ่งก็อาจจะเป็นนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนจริง แต่ในอีกมุมหนึ่งตนก็เชื่อว่าสังคมและประชาชนก็รู้เท่าทัน เฝ้ามองอยู่ว่าการดำเนินนโยบายบางอย่างของรัฐบาลในช่วงนี้มีวัตถุประสงค์พุ่งเป้าไปเพื่อการหาเสียงคะแนนนิยมอย่างเดียวเท่านั้น หรือว่าจริงๆ แล้วต้องการแก้ไขปัญหาของประเทศในระยะยาว
.
นายณัฐพงษ์ เผยต่อไปว่า ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าถ้ามีการรณรงค์หาเสียง มีการนำเสนอนโยบาย หรือถึงวันที่ประชาชนได้ไปใช้อำนาจของพวกเขาผ่านคูหาเลือกตั้ง ทุกคนก็จะไม่ได้มุ่งหวังแต่การแก้หรือกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอย่างเดียวเท่านั้น เพราะว่านโยบายแจกเงินที่ผ่านมาอย่างดิจิทัลวอลเล็ต เราก็เห็นว่ามันก็ไม่ได้ช่วยในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้จริง ดังนั้นเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนคนไทยจะเลือกรัฐบาลที่เขาเชื่อมั่นว่าแก้ปัญหาได้ทั้งระยะสั้นและแก้ปัญหาประเทศในระยะยาวได้อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
.
ขณะที่ประเด็นการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เรื่องของรูปแบบที่มาหรือสูตรของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ทิศทางตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก็น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือรับทุกร่าง เพียงแต่ว่าจะใช้ร่างใครเป็นร่างหลักที่เวลานี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเท่าใด
.
เมื่อถามต่อไปว่าพรรคภูมิใจไทยจะใช้ร่างของพรรคเขาเป็นร่างหลัก พรรคประชาชนยอมรับได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า แต่ละพรรคก็น่าจะต้องชูร่างของตัวเองเป็นร่างหลักอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเราต้องมีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด ซึ่งคงต้องมีการให้เหตุผล มีการพูดคุยกับฝ่ายกลไกของวิปในช่วง 2 วันนี้ว่าจะเอาอย่างไร แต่สุดท้าย แต่ละส่วนเขาก็คงมีสิทธิ์ที่จะเสนอร่างของตัวเองเป็นร่างหลักและให้ลงมติกันไปตามนั้น
.
ทางด้านถามว่าฝั่งพรรคเพื่อไทย (พท.) แสดงความกังวลว่าพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยอาจจะรวมกันแล้วผลักร่างพรรคเพื่อไทยออกนั้น นายณัฐพงษ์ คิดว่าไม่น่าจะมีข้อห่วงใยอะไรในตรงนั้น เพราะตอนนี้เอาเฉพาะในส่วนของพรรคประชาชนเองเท่าที่มีการพูดคุยหารือก็เห็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมที่พรรคอื่นๆ หรือแม้แต่ สว.บางส่วน ก็มีการสะท้อนความเห็นออกมาแล้วว่าควรจะต้องรับไปทุกร่างของทุกคน เพื่อที่จะได้ไปพูดคุยในรายละเอียดและข้อแตกต่างในวาระ 2 และ 3 เพียงแต่ที่อาจจะยังเห็นไม่ค่อยตรงกันก็คือในเรื่องที่ว่าจะใช้ร่างของใครเป็นร่างหลัก
.
หากเสียงของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจาก 146 เสียงเดิม จะส่อขัดต่อ MOA ที่ทำไว้หรือไม่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยระบุจะไปห้ามคนที่มาโหวตให้ไม่ได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องเสียงของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไรนั้นก็อาจจะต้องดูเป็นวาระหรือดูเป็นเรื่องๆ ไป อย่างเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันนั้นเป็นการแบ่งได้ชัดที่สุดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลกันแน่
.
“แต่เรื่องของรัฐธรรมนูญบางทีมันก็อาจจะไม่ได้เป็นประเด็นวาระที่อาจจะใช้ในการแบ่งระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลขนาดนั้น เพราะเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยเสียงของทุกภาคส่วนในการผลักดัน ถ้าเราดูในเรื่องเงื่อนไขของการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งในวาระ 1 และ วาระ 3 นอกจากจะใช้เสียงของ สว. 1 ใน 3 แล้ว ก็อาจจะต้องอาศัยเสียงของฝ่ายค้านด้วย จึงทำให้วาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะไม่ได้เป็นวาระที่ใช้เป็นจุดตัดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะต้องอาศัยเสียงของทุกคนจึงจะสามารถเดินหน้าแก้ไขได้”
.

.
อดีตส.ว. เตือนสติพวกเล่นปาหี่ชายแดน แทนที่จะป้องชาติด้วยปัญญา งงทำไมหน่วยงานรัฐ ได้แต่ยืนดู
https://www.matichon.co.th/politics/news_5410015
.
อดีตส.ว. เตือนสติพวกเล่นปาหี่ชายแดน แทนที่จะป้องชาติด้วยปัญญา งงทำไมหน่วยงานรัฐ ได้แต่ยืนดู 
.
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 สิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดอุทัยธานี เผยแพร่ข้อเขียน เรื่อง “ปาหี่ชายแดน” รัฐไร้ระบบ กับคนหิวแสง แสดงความคิดเห็นถึงในพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ว่า
.
ชายแดนไทยในยามนี้ ไม่ได้มีแต่รั้วลวดหนาม หากแต่เต็มไปด้วย “รั้วอวิชชา” ของผู้คนที่หิวแสง และระบบราชการที่หิวอำนาจ แต่ขาดสมอง
.
เราเห็นภาพ “ชาติไทย” ถูกแปรสภาพจากรัฐที่มีอารยธรรม เป็นสนามปาหี่ของนักการเมืองมือสมัครเล่น คนที่ไม่เข้าใจเลยว่า “เรื่องชายแดน” ไม่ใช่เรื่องอารมณ์ หากแต่คือ “ความมั่นคงแห่งรัฐ” และ “ศักดิ์ศรีระหว่างประเทศ
.
ทุกวันนี้ สื่อบางสำนักกับกลุ่มหิวแสงบางก๊ก กำลังแข่งกัน “ขายชาติในราคาแบกะดิน
เปิดไมค์ด่ากันข้ามรั้ว
เอาคลิปบ้าบอลงไลฟ์
อ้างรักชาติ
.
แต่ไม่รู้แม้แต่โครงสร้างอำนาจในภูมิภาคว่า “ใครเล่นอยู่เบื้องหลัง
รักชาติไม่ใช่เรื่องตะโกน
.
แต่คือการรู้เท่าทัน
และปกป้องผลประโยชน์ของชาติด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยโซเชียล
.
ที่น่าขมขื่นกว่านั้น หน่วยงานรัฐที่กินภาษีประชาชนเป็นพันล้าน กลับทำได้เพียง “ยืนดู” เหมือนคนถือแฟ้มอยู่ชายแดน มองพวกหิวแสงวิ่งวุ่นถ่ายคลิปอย่างเงียบงัน เหมือนกลัวว่าหากออกหน้า จะโดนการเมืองเหยียบ “-ีน”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่