ประเด็น “ไตพังเพราะกินวิตามิน” ถูกแชร์บ่อย แต่ในคลินิกจริง สาเหตุหลักของไตเสื่อม–ไตวายในไทยไม่ได้มาจากวิตามินที่ใช้ถูกหลัก เลยครับ (เคสทำให้ไตพังจากวิตามินพบได้น้อยมากและมักมาจากการใช้ผิด ๆ ปนปลอม หรือโรคเดิมอยู่แล้ว) สิ่งที่พบจริงคือ “โรคเรื้อรัง–พฤติกรรม–สิ่งแวดล้อม” ต่อไปนี้ต่างหาก
20 สาเหตุไตพังที่เจอบ่อยในไทย (ไม่ใช่วิตามิน)
1. 🩸 เบาหวานคุมไม่อยู่ – น้ำตาลสูงทำลายหลอดเลือดฝอยไตทีละน้อย จนโปรตีนรั่วและกรองเสื่อม
2. 💢 ความดันสูงเรื้อรัง – ความดันดันผนังหลอดเลือดไตหนา แข็ง และตีบ กำลังกรองตกลง
3. ⚖️ อ้วน–ดื้อต่ออินซูลิน – เพิ่มการอักเสบระดับระบบ ไขมันพอกอวัยวะ กระตุ้นเบาหวาน–ความดันซ้ำซ้อน
4. 🧂 เค็มจัด–อาหารแปรรูปจัด – เกลือสูง (โซเดียม) → ความดันพุ่ง น้ำคั่ง ไตทำงานหนัก
5. 🧃 น้ำหวาน–น้ำอัดลม – น้ำตาลเหลว–ฟรุกโทสสูง ดันไตรกลีเซอไรด์–กรดยูริก–ไขมันพอกตับ พาเมตาบอลิซึมพังลากไตไปด้วย
6. 💊 ยากลุ่มแก้ปวด (NSAIDs) ใช้บ่อย/ขนาดสูง – หดหลอดเลือดไต ลดเลือดไปเลี้ยงไต เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน โดยเฉพาะเวลาขาดน้ำ
7. 🧪 ยาต้านจุลชีพบางกลุ่ม/ยาฆ่าเชื้อรา/ยากดภูมิ – มีพิษต่อไตได้ในบางราย (ขึ้นกับชนิด–ขนาด–พื้นฐานไต)
8. 🖤 สีฉีดเอกซเรย์ (ไอโอดีนคอนทราสต์) – ถ้าขาดน้ำ/มีไตเสื่อมอยู่เดิม เสี่ยงไตวายเฉียบพลันหลังตรวจ
9. 🧴 สมุนไพร/ผลิตภัณฑ์เถื่อน – ปลอมปนสเตียรอยด์–ยากดอักเสบ–สารโลหะหนัก (เช่น สารหนู ตะกั่ว แคดเมียม) ทำร้ายไตยาว ๆ
10. 🧪 สารพิษอาชีพ–สิ่งแวดล้อม – ตัวทำละลาย/ยาฆ่าแมลง/โลหะหนัก สะสมจนทำลายท่อหน่วยไต
11. 🪨 นิ่วทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง – อุดกั้น–ติดเชื้อซ้ำ ทำให้ไตฝ่อช้า ๆ
12. 🚽 ต่อมลูกหมากโต–กั้นทางออกปัสสาวะ – ปัสสาวะคั่ง ย้อนดันกรวยไต เสื่อมแบบเงียบ ๆ
13. 🦠 ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ ๆ – โดยเฉพาะในเบาหวาน/หญิงวัยทอง ลามถึงไตทำลายเนื้อไต
14. 🧫 กลุ่มอักเสบของไต (ไตอักเสบ/IgA/ลูปัส) – ภูมิทำร้ายไต ต้องดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง
15. 🧬 พันธุกรรม–โรคไตถุงน้ำ (Polycystic) – ถุงน้ำโตเบียดเนื้อไต ความดันสูงร่วม
16. 🤰 ภาวะแทรกซ้อนตั้งครรภ์ – ครรภ์เป็นพิษ/ความดันขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงไตเรื้อรังระยะยาว
17. 🔥 กรดยูริกสูง–เกาต์ควบคุมไม่ดี – ผลึกยูเรตอักเสบท่อไต + ยากดการไหลเวียนไตบางช่วง
18. 🥵 ขาดน้ำเรื้อรัง–ทำงานกลางแจ้ง/ร้อนจัด – ไตถูกดึงเลือดไปส่วนอื่น ขาดเลือดซ้ำซ้อน
19. 🚬 สูบบุหรี่ – ทำลายหลอดเลือดทั่วร่าง รวมถึงไต เพิ่มโปรตีนรั่ว เร่งเสื่อม
20. 😴 นอนกรน/หยุดหายใจขณะหลับ – ทำให้ความดันขึ้น ๆ ลง ๆ เกิดออกซิเดชัน–อักเสบ ทำร้ายไตทางอ้อม
เห็นไหมครับ… “ศัตรูตัวจริง” ของไตคือ โรคเรื้อรัง–อาหาร–พฤติกรรม–สารพิษ มากกว่าวิตามินที่ใช้ถูกหลักชัด ๆ
สารอาหาร–สารสกัด “หนุนระบบตับ–ไต” (เสริมวิถี ไม่ใช่ยารักษา)
• 🧪 เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-acetylcysteine; NAC)
• เป็น ตัวตั้งต้น ของกลูตาไธโอน สารต้านอนุมูลอิสระหลักของตับ ช่วย “รีไซเคิล” ระบบล้างพิษระยะที่ 2
• ใช้ทางการแพทย์เป็นมาตรฐานดูแลพิษพาราเซตามอล (ตับ) และมีงานศึกษาบางส่วนใน “ไตวายเฉียบพลันหลังฉีดสีเอกซเรย์” แม้ผลรวม ผสมกัน (บางงานได้ผล บางงานไม่ชัด) แต่โดยภาพรวมถือว่า ปลอดภัยเมื่อใช้ถูกขนาด
• แนวทางทั่วไปสำหรับเสริมสุขภาพ: 600–1,200 มก./วัน แบ่ง 1–2 ครั้ง (ปรึกษาแพทย์ถ้ามีโรคไตระยะท้าย/ใช้ยาหลายชนิด)
• 🌿 มิลค์ทิสเซิล (ซิลิมาริน) – ต้านอนุมูล/เสริมเอนไซม์ตับ (หลักฐานสนับสนุนระดับปานกลาง)
• 🐟 กรดไขมันโอเมก้า 3 – ลดอักเสบพื้นฐาน ช่วยไตรกลีเซอไรด์และความดัน (ต้องระวังเลือดออกในผู้ใช้ยาต้านเกล็ดเลือด)
• ☀️ วิตามินดี 3 + วิตามินเค 2 + แมกนีเซียม – ช่วยภูมิคุ้มกัน–กระดูก–สมดุลแคลเซียมฟอสเฟต (โรคไตต้องปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดขนาดและติดตามค่า)
• 🍒 แครนเบอร์รีสกัด – ลดเสี่ยงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำในบางกลุ่ม (โดยเฉพาะผู้หญิง), ช่วยอ้อม ๆ ไม่ให้ไตถูกอักเสบจากติดเชื้อบ่อย
ทุกตัวเป็น “ตัวช่วยเสริมวิถีชีวิต” ไม่ใช่ยาแทนแพทย์เสมอครับ
⸻
หมอโอ๊คสรุปให้ (ภาษาคน)
• ไตพังในไทยส่วนใหญ่เกิดจาก เบาหวาน–ความดัน–อาหารเค็ม–น้ำหวาน–ยาบางกลุ่ม–สารพิษ–สมุนไพรเถื่อน–การขาดน้ำ–นิ่ว–ติดเชื้อ–อุดกั้น ฯลฯ ไม่ใช่วิตามินที่ใช้ถูกหลัก
• วางรากฐานด้วย อาหารพืชนำ ไฟเบอร์สูง ลดเค็ม–หวาน ออกกำลัง นอนดี เลิกบุหรี่ แล้วค่อยใช้สารสกัดที่เหมาะกับเราเป็น “ผู้ช่วย”
• อยากปรับระบบล้างพิษตับ–ลดอนุมูลอิสระให้ดีขึ้นอย่างปลอดภัย NAC เป็นตัวเลือกที่มีเหตุผล (เมื่อใช้ถูกขนาดและภายใต้คำแนะนำ)
ถ้าอยากได้ “วิธีเริ่ม NAC อย่างปลอดภัย + จับคู่กับโอเมก้า 3 / วิตามินดี 3–เค 2–แมกนีเซียม / ไฟเบอร์”
พิมพ์ว่า 👉 “รับสูตร แนค” ได้เลยครับ
เพื่อนทำได้แน่นอน หมอโอ๊คอยู่ข้าง ๆ เสมอ 💙
⸻
วิตามินดี 3 กับ “มะเร็งที่ลุกลาม”: เราหวังอะไรได้ “จริง”
• งานสุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ VITAL (NEJM 2019): เสริม D3 2,000 หน่วย/วัน
มีสัญญาณว่า ช่วยลดการเสียชีวิตจากมะเร็ง/ลดมะเร็งลุกลาม เมื่อดูระยะยาว โดยชัดกว่าในคนรูปร่างไม่อ้วนมาก. เมตาอะนาลิซิส RCTs สรุปภาพรวมคล้ายกันว่า “เสริม D” ลดการตายจากมะเร็ง ~6–15% แม้ไม่กันเกิดใหม่ครับ. แปลภาษาคนเข้าใจง่ายๆ:
วิตามิน D3 “ช่วยให้ภูมิคุ้มกันฉลาดขึ้น”
จึงส่งผลกับ การลดความรุนแรง/การลุกลาม ของโรคมะเร็งต่างๆ มากกว่าการเกิดใหม่. 
⸻
ทำอย่างไรให้ระดับ “ทำงาน” และปลอดภัยไปด้วย
1. ตั้งเป้าระดับเลือด: หมอโอ๊คใช้เป้าหมายเชิงปฏิบัติที่ ประมาณ 50–80 นาโนกรัม/มล. เพื่อสนับสนุนภูมิ–ลดอักเสบและคุณภาพชีวิต (ขณะที่เกณฑ์รัฐสหรัฐฯ มอง ≥20 นาโนกรัม/มล. ว่าเพียงพอต่อกระดูก—เป็นเกณฑ์มุมมองต่างกัน โปรดปรึกษาแพทย์ของเพื่อนเพื่อ “ปรับเฉพาะบุคคล”). 
2. เริ่มจากชีวิตประจำวัน: ตากแดดเช้า 10–15 นาที สัปดาห์ละ 4–5 วัน + กินปลาไขมันดี/ไข่แดง/เห็ดตากแดด + นอนให้ลึก (ฮอร์โมนซ่อมแซม)
3. การเสริม (ระยะดันระดับ): ถ้าค่าตั้งต้นต่ำ (<30 โดยเฉพาะ <20) ภายใต้แพทย์ เริ่ม 5,000 หน่วย/วัน หรือ 10,000 หน่วย “วันเว้นวัน” 8–12 สัปดาห์ แล้วตรวจซ้ำ 25(OH)D + แคลเซียม + ไต เพื่อปรับสู่ “ขนาดคงระดับ” ที่เหมาะกับตัวเอง (มัก 5,000–10,000 หน่วย/วัน หรือ วันเว่นวัน) — เน้นว่าเกิน ถ้าเกิน 10,000 หน่วย/วันควรอยู่ใต้การดูแลเท่านั้นนะครับ. 
4. ต้อง “จับคู่” เสมอ:
• วิตามินเค 2 (MK-7 ~90–180 ไมโครกรัม/วัน) → พาแคลเซียม “เข้ากระดูก” ไม่ให้ไปเกาะหลอดเลือด
• แมกนีเซียม (ธาตุ ~300–400 มก./วัน) → เป็นโคแฟกเตอร์ของเอนไซม์ที่ “เปิดสวิตช์” วิตามินดีในตับ–ไต
การเสริม D เดี่ยว ๆ โดยไม่มี K2/Mg = เสี่ยง “แคลเซียมหลงทาง” และ “วิตามินดีทำงานได้ไม่เต็ม” ครับ. 
5. ใครต้องระวังพิเศษ: โรคไตเรื้อรังระยะกลาง–ปลาย, มีนิ่วแคลเซียม, ซาร์คอยโดซิส, ใช้ยาขับปัสสาวะไทอะไซด์ → ต้องคุยแพทย์และติดตามเลือดใกล้ชิด (แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง—แนวทาง KDIGO ก็ยังย้ำว่า “ควรแก้ภาวะขาดวิตามินดี” ตามแนวประชากรทั่วไป พร้อมดูแลเรื่องแคลเซียม–ฟอสเฟตควบคู่). 
วัยทอง–ผู้หญิงสูงวัย: ทำไมต้องจริงจังกับวิตามินดี
• เอสโตรเจนที่ลดลงทำให้การสร้างกระดูกช้าลง กล้ามเนื้อลดลง เสี่ยงหกล้ม–กระดูกหัก, ภูมิคุ้มกันแปรปรวน, การนอน–อารมณ์แย่ลง
• วิตามินดี “คุมทั้งกระดูก–กล้ามเนื้อ–ภูมิ” และเชื่อมโยงกับ คุณภาพการนอน–อารมณ์; งานคนไทยและเอเชียพบภาวะขาดในวัยนี้ “สูงมาก” จึงเป็นกลุ่มที่ “ได้ประโยชน์” จากการประเมินและแก้ไขภาวะขาดอย่างเป็นระบบครับ. 
⸻
หมอโอ๊คสรุปง่าย ๆ
• วิตามินดี 3 ที่ใช้ “ถูกขนาด–ถูกคู่มือ–มีการติดตาม” ไม่ได้ทำลายตับไต — ตรงกันข้าม ตับกับไตคือ “ผู้แปลงวิตามินดีให้ทำงาน”
• ภาวะเป็นพิษ พบได้น้อยมาก และมักเกิดจาก “กินขนาดสูงมากผิดวิธี” นาน ๆ → ป้องกันได้ด้วยการ ตรวจเลือด + จับคู่ K2/Mg + อยู่ใต้คำแนะนำแพทย์เมื่อใช้ขนาดสูง . 
• ถ้าพา 25(OH)D เข้าช่วงทำงานดี (เช่นราว 50–80 นาโนกรัม/มล.) พร้อมวิถีชีวิตหนุน—เรามักเห็น ภูมิสมดุลขึ้น อักเสบลดลง กล้าม–กระดูกดีขึ้น และภาพรวมข้อมูลชี้ว่าการ “ลุกลาม/การเสียชีวิตจากมะเร็ง” อาจลดลงได้ระดับหนึ่งเมื่อเสริมอย่างมีระบบครับ. 
CR
https://www.facebook.com/share/p/17J7gpnvWg/?mibextid=wwXIfr
ประเด็น “ไตพังเพราะกินวิตามิน” ถูกแชร์บ่อย แต่ความจริงเป็นเช่นไร?
20 สาเหตุไตพังที่เจอบ่อยในไทย (ไม่ใช่วิตามิน)
1. 🩸 เบาหวานคุมไม่อยู่ – น้ำตาลสูงทำลายหลอดเลือดฝอยไตทีละน้อย จนโปรตีนรั่วและกรองเสื่อม
2. 💢 ความดันสูงเรื้อรัง – ความดันดันผนังหลอดเลือดไตหนา แข็ง และตีบ กำลังกรองตกลง
3. ⚖️ อ้วน–ดื้อต่ออินซูลิน – เพิ่มการอักเสบระดับระบบ ไขมันพอกอวัยวะ กระตุ้นเบาหวาน–ความดันซ้ำซ้อน
4. 🧂 เค็มจัด–อาหารแปรรูปจัด – เกลือสูง (โซเดียม) → ความดันพุ่ง น้ำคั่ง ไตทำงานหนัก
5. 🧃 น้ำหวาน–น้ำอัดลม – น้ำตาลเหลว–ฟรุกโทสสูง ดันไตรกลีเซอไรด์–กรดยูริก–ไขมันพอกตับ พาเมตาบอลิซึมพังลากไตไปด้วย
6. 💊 ยากลุ่มแก้ปวด (NSAIDs) ใช้บ่อย/ขนาดสูง – หดหลอดเลือดไต ลดเลือดไปเลี้ยงไต เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน โดยเฉพาะเวลาขาดน้ำ
7. 🧪 ยาต้านจุลชีพบางกลุ่ม/ยาฆ่าเชื้อรา/ยากดภูมิ – มีพิษต่อไตได้ในบางราย (ขึ้นกับชนิด–ขนาด–พื้นฐานไต)
8. 🖤 สีฉีดเอกซเรย์ (ไอโอดีนคอนทราสต์) – ถ้าขาดน้ำ/มีไตเสื่อมอยู่เดิม เสี่ยงไตวายเฉียบพลันหลังตรวจ
9. 🧴 สมุนไพร/ผลิตภัณฑ์เถื่อน – ปลอมปนสเตียรอยด์–ยากดอักเสบ–สารโลหะหนัก (เช่น สารหนู ตะกั่ว แคดเมียม) ทำร้ายไตยาว ๆ
10. 🧪 สารพิษอาชีพ–สิ่งแวดล้อม – ตัวทำละลาย/ยาฆ่าแมลง/โลหะหนัก สะสมจนทำลายท่อหน่วยไต
11. 🪨 นิ่วทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง – อุดกั้น–ติดเชื้อซ้ำ ทำให้ไตฝ่อช้า ๆ
12. 🚽 ต่อมลูกหมากโต–กั้นทางออกปัสสาวะ – ปัสสาวะคั่ง ย้อนดันกรวยไต เสื่อมแบบเงียบ ๆ
13. 🦠 ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ ๆ – โดยเฉพาะในเบาหวาน/หญิงวัยทอง ลามถึงไตทำลายเนื้อไต
14. 🧫 กลุ่มอักเสบของไต (ไตอักเสบ/IgA/ลูปัส) – ภูมิทำร้ายไต ต้องดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง
15. 🧬 พันธุกรรม–โรคไตถุงน้ำ (Polycystic) – ถุงน้ำโตเบียดเนื้อไต ความดันสูงร่วม
16. 🤰 ภาวะแทรกซ้อนตั้งครรภ์ – ครรภ์เป็นพิษ/ความดันขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงไตเรื้อรังระยะยาว
17. 🔥 กรดยูริกสูง–เกาต์ควบคุมไม่ดี – ผลึกยูเรตอักเสบท่อไต + ยากดการไหลเวียนไตบางช่วง
18. 🥵 ขาดน้ำเรื้อรัง–ทำงานกลางแจ้ง/ร้อนจัด – ไตถูกดึงเลือดไปส่วนอื่น ขาดเลือดซ้ำซ้อน
19. 🚬 สูบบุหรี่ – ทำลายหลอดเลือดทั่วร่าง รวมถึงไต เพิ่มโปรตีนรั่ว เร่งเสื่อม
20. 😴 นอนกรน/หยุดหายใจขณะหลับ – ทำให้ความดันขึ้น ๆ ลง ๆ เกิดออกซิเดชัน–อักเสบ ทำร้ายไตทางอ้อม
เห็นไหมครับ… “ศัตรูตัวจริง” ของไตคือ โรคเรื้อรัง–อาหาร–พฤติกรรม–สารพิษ มากกว่าวิตามินที่ใช้ถูกหลักชัด ๆ
สารอาหาร–สารสกัด “หนุนระบบตับ–ไต” (เสริมวิถี ไม่ใช่ยารักษา)
• 🧪 เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-acetylcysteine; NAC)
• เป็น ตัวตั้งต้น ของกลูตาไธโอน สารต้านอนุมูลอิสระหลักของตับ ช่วย “รีไซเคิล” ระบบล้างพิษระยะที่ 2
• ใช้ทางการแพทย์เป็นมาตรฐานดูแลพิษพาราเซตามอล (ตับ) และมีงานศึกษาบางส่วนใน “ไตวายเฉียบพลันหลังฉีดสีเอกซเรย์” แม้ผลรวม ผสมกัน (บางงานได้ผล บางงานไม่ชัด) แต่โดยภาพรวมถือว่า ปลอดภัยเมื่อใช้ถูกขนาด
• แนวทางทั่วไปสำหรับเสริมสุขภาพ: 600–1,200 มก./วัน แบ่ง 1–2 ครั้ง (ปรึกษาแพทย์ถ้ามีโรคไตระยะท้าย/ใช้ยาหลายชนิด)
• 🌿 มิลค์ทิสเซิล (ซิลิมาริน) – ต้านอนุมูล/เสริมเอนไซม์ตับ (หลักฐานสนับสนุนระดับปานกลาง)
• 🐟 กรดไขมันโอเมก้า 3 – ลดอักเสบพื้นฐาน ช่วยไตรกลีเซอไรด์และความดัน (ต้องระวังเลือดออกในผู้ใช้ยาต้านเกล็ดเลือด)
• ☀️ วิตามินดี 3 + วิตามินเค 2 + แมกนีเซียม – ช่วยภูมิคุ้มกัน–กระดูก–สมดุลแคลเซียมฟอสเฟต (โรคไตต้องปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดขนาดและติดตามค่า)
• 🍒 แครนเบอร์รีสกัด – ลดเสี่ยงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำในบางกลุ่ม (โดยเฉพาะผู้หญิง), ช่วยอ้อม ๆ ไม่ให้ไตถูกอักเสบจากติดเชื้อบ่อย
ทุกตัวเป็น “ตัวช่วยเสริมวิถีชีวิต” ไม่ใช่ยาแทนแพทย์เสมอครับ
⸻
หมอโอ๊คสรุปให้ (ภาษาคน)
• ไตพังในไทยส่วนใหญ่เกิดจาก เบาหวาน–ความดัน–อาหารเค็ม–น้ำหวาน–ยาบางกลุ่ม–สารพิษ–สมุนไพรเถื่อน–การขาดน้ำ–นิ่ว–ติดเชื้อ–อุดกั้น ฯลฯ ไม่ใช่วิตามินที่ใช้ถูกหลัก
• วางรากฐานด้วย อาหารพืชนำ ไฟเบอร์สูง ลดเค็ม–หวาน ออกกำลัง นอนดี เลิกบุหรี่ แล้วค่อยใช้สารสกัดที่เหมาะกับเราเป็น “ผู้ช่วย”
• อยากปรับระบบล้างพิษตับ–ลดอนุมูลอิสระให้ดีขึ้นอย่างปลอดภัย NAC เป็นตัวเลือกที่มีเหตุผล (เมื่อใช้ถูกขนาดและภายใต้คำแนะนำ)
ถ้าอยากได้ “วิธีเริ่ม NAC อย่างปลอดภัย + จับคู่กับโอเมก้า 3 / วิตามินดี 3–เค 2–แมกนีเซียม / ไฟเบอร์”
พิมพ์ว่า 👉 “รับสูตร แนค” ได้เลยครับ
เพื่อนทำได้แน่นอน หมอโอ๊คอยู่ข้าง ๆ เสมอ 💙
⸻
วิตามินดี 3 กับ “มะเร็งที่ลุกลาม”: เราหวังอะไรได้ “จริง”
• งานสุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ VITAL (NEJM 2019): เสริม D3 2,000 หน่วย/วัน
มีสัญญาณว่า ช่วยลดการเสียชีวิตจากมะเร็ง/ลดมะเร็งลุกลาม เมื่อดูระยะยาว โดยชัดกว่าในคนรูปร่างไม่อ้วนมาก. เมตาอะนาลิซิส RCTs สรุปภาพรวมคล้ายกันว่า “เสริม D” ลดการตายจากมะเร็ง ~6–15% แม้ไม่กันเกิดใหม่ครับ. แปลภาษาคนเข้าใจง่ายๆ:
วิตามิน D3 “ช่วยให้ภูมิคุ้มกันฉลาดขึ้น”
จึงส่งผลกับ การลดความรุนแรง/การลุกลาม ของโรคมะเร็งต่างๆ มากกว่าการเกิดใหม่. 
⸻
ทำอย่างไรให้ระดับ “ทำงาน” และปลอดภัยไปด้วย
1. ตั้งเป้าระดับเลือด: หมอโอ๊คใช้เป้าหมายเชิงปฏิบัติที่ ประมาณ 50–80 นาโนกรัม/มล. เพื่อสนับสนุนภูมิ–ลดอักเสบและคุณภาพชีวิต (ขณะที่เกณฑ์รัฐสหรัฐฯ มอง ≥20 นาโนกรัม/มล. ว่าเพียงพอต่อกระดูก—เป็นเกณฑ์มุมมองต่างกัน โปรดปรึกษาแพทย์ของเพื่อนเพื่อ “ปรับเฉพาะบุคคล”). 
2. เริ่มจากชีวิตประจำวัน: ตากแดดเช้า 10–15 นาที สัปดาห์ละ 4–5 วัน + กินปลาไขมันดี/ไข่แดง/เห็ดตากแดด + นอนให้ลึก (ฮอร์โมนซ่อมแซม)
3. การเสริม (ระยะดันระดับ): ถ้าค่าตั้งต้นต่ำ (<30 โดยเฉพาะ <20) ภายใต้แพทย์ เริ่ม 5,000 หน่วย/วัน หรือ 10,000 หน่วย “วันเว้นวัน” 8–12 สัปดาห์ แล้วตรวจซ้ำ 25(OH)D + แคลเซียม + ไต เพื่อปรับสู่ “ขนาดคงระดับ” ที่เหมาะกับตัวเอง (มัก 5,000–10,000 หน่วย/วัน หรือ วันเว่นวัน) — เน้นว่าเกิน ถ้าเกิน 10,000 หน่วย/วันควรอยู่ใต้การดูแลเท่านั้นนะครับ. 
4. ต้อง “จับคู่” เสมอ:
• วิตามินเค 2 (MK-7 ~90–180 ไมโครกรัม/วัน) → พาแคลเซียม “เข้ากระดูก” ไม่ให้ไปเกาะหลอดเลือด
• แมกนีเซียม (ธาตุ ~300–400 มก./วัน) → เป็นโคแฟกเตอร์ของเอนไซม์ที่ “เปิดสวิตช์” วิตามินดีในตับ–ไต
การเสริม D เดี่ยว ๆ โดยไม่มี K2/Mg = เสี่ยง “แคลเซียมหลงทาง” และ “วิตามินดีทำงานได้ไม่เต็ม” ครับ. 
5. ใครต้องระวังพิเศษ: โรคไตเรื้อรังระยะกลาง–ปลาย, มีนิ่วแคลเซียม, ซาร์คอยโดซิส, ใช้ยาขับปัสสาวะไทอะไซด์ → ต้องคุยแพทย์และติดตามเลือดใกล้ชิด (แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง—แนวทาง KDIGO ก็ยังย้ำว่า “ควรแก้ภาวะขาดวิตามินดี” ตามแนวประชากรทั่วไป พร้อมดูแลเรื่องแคลเซียม–ฟอสเฟตควบคู่). 
วัยทอง–ผู้หญิงสูงวัย: ทำไมต้องจริงจังกับวิตามินดี
• เอสโตรเจนที่ลดลงทำให้การสร้างกระดูกช้าลง กล้ามเนื้อลดลง เสี่ยงหกล้ม–กระดูกหัก, ภูมิคุ้มกันแปรปรวน, การนอน–อารมณ์แย่ลง
• วิตามินดี “คุมทั้งกระดูก–กล้ามเนื้อ–ภูมิ” และเชื่อมโยงกับ คุณภาพการนอน–อารมณ์; งานคนไทยและเอเชียพบภาวะขาดในวัยนี้ “สูงมาก” จึงเป็นกลุ่มที่ “ได้ประโยชน์” จากการประเมินและแก้ไขภาวะขาดอย่างเป็นระบบครับ. 
⸻
หมอโอ๊คสรุปง่าย ๆ
• วิตามินดี 3 ที่ใช้ “ถูกขนาด–ถูกคู่มือ–มีการติดตาม” ไม่ได้ทำลายตับไต — ตรงกันข้าม ตับกับไตคือ “ผู้แปลงวิตามินดีให้ทำงาน”
• ภาวะเป็นพิษ พบได้น้อยมาก และมักเกิดจาก “กินขนาดสูงมากผิดวิธี” นาน ๆ → ป้องกันได้ด้วยการ ตรวจเลือด + จับคู่ K2/Mg + อยู่ใต้คำแนะนำแพทย์เมื่อใช้ขนาดสูง . 
• ถ้าพา 25(OH)D เข้าช่วงทำงานดี (เช่นราว 50–80 นาโนกรัม/มล.) พร้อมวิถีชีวิตหนุน—เรามักเห็น ภูมิสมดุลขึ้น อักเสบลดลง กล้าม–กระดูกดีขึ้น และภาพรวมข้อมูลชี้ว่าการ “ลุกลาม/การเสียชีวิตจากมะเร็ง” อาจลดลงได้ระดับหนึ่งเมื่อเสริมอย่างมีระบบครับ. 
CR https://www.facebook.com/share/p/17J7gpnvWg/?mibextid=wwXIfr