🕯️ ชื่อเรื่อง : “คืนที่ไม่มีเสียง”
ฝนตกตลอดทั้งคืน ถนนในหมู่บ้านเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
น้ำฝนหยดลงหลังคาสังกะสีเป็นจังหวะ “ติ๋ง...ติ๋ง...ติ๋ง...” เหมือนเสียงนับเวลาของใครบางคน
แพร หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ อาศัยอยู่บ้านไม้หลังเก่าริมป่า บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่มาหลายปี จนกระทั่งเธอกลับมาอยู่เพราะแม่เพิ่งเสีย เธอแค่อยากมาดูบ้านครั้งสุดท้าย…ก่อนขายทิ้ง
ตอนกลางคืนแรก เธอนอนอยู่คนเดียวในบ้าน
ไฟห้องกระพริบวูบ ๆ เหมือนจะดับทุกครั้งที่ลมแรง
เสียงบางอย่างเหมือน ฝีเท้าเบา ๆ เดินอยู่บนพื้นไม้เหนือหัว
> “อาจเป็นเสียงหนู…” เธอคิด
แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนได้ยินในความมืด
เธอหยิบไฟฉายขึ้นมา เดินออกจากห้อง
ทุกก้าวที่เดิน เสียงพื้นไม้ “เอี๊ยด...” ตามหลังเหมือนมีใครก้าวตาม
ไฟฉายกะพริบอยู่ครู่หนึ่งก่อนดับสนิท
และตอนนั้นเอง... เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู
> “อย่าเปิดไฟ…”
เธอสะดุ้งสุดตัว! รีบควานหาสวิตช์ไฟ แต่ไฟกลับไม่ติด
มีเพียงเงาในความมืดที่ยาวขึ้นบนพื้น และเหมือน เงานั้นกำลังเคลื่อนไหว
เช้าวันต่อมา เธอพบว่าฝุ่นบนโต๊ะถูออกเป็นรูปรอยมือข้างหนึ่ง
นิ้วยาวผิดธรรมชาติ เหมือนถูกลากไปทั่วบ้าน
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเย็นวาบคือ…ตรงกลางฝ่ามือ มีตัวอักษรเขียนไว้ว่า
> “ได้ยินแล้วใช่ไหม”
คืนนั้นแพรไม่ได้นอนเธอเอาเก้าอี้มาขวางประตู จุดเทียนไว้รอบห้อง
เทียนทุกเล่มส่องแสงนิ่ง ๆ แต่พอเธอหลับตา เสียงลมหายใจของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างเตียง
มันไม่ใช่เสียงของเธอแน่นอน…เสียงนั้นหายใจ ช้า ๆ ยาว ๆ เหมือนกำลังฟังเธออยู่
เธอลืมตาขึ้น ไม่มีใครอยู่ แต่เทียนเล่มหนึ่งดับไปโดยไม่มีลมพัด
เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียง มองตามแสงเทียนที่เหลือ
และเห็นรอยเท้าเปียกน้ำฝนลากยาวเข้ามาในห้อง...จนถึงข้างเตียงเธอเอง
เสียงฝนยังตกเหมือนเดิมแต่ตอนนี้ แพรเริ่มรู้แล้วว่าความเงียบไม่ได้ปลอดภัย
มันแค่กำลังรอ...รอให้เธอ ได้ยินสิ่งที่มันอยากให้ได้ยินอีกครั้ง
>“คืนนี้...อย่าปิดไฟอีกนะ"
"คืนที่ไม่มีเสียง”
ฝนตกตลอดทั้งคืน ถนนในหมู่บ้านเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
น้ำฝนหยดลงหลังคาสังกะสีเป็นจังหวะ “ติ๋ง...ติ๋ง...ติ๋ง...” เหมือนเสียงนับเวลาของใครบางคน
แพร หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ อาศัยอยู่บ้านไม้หลังเก่าริมป่า บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่มาหลายปี จนกระทั่งเธอกลับมาอยู่เพราะแม่เพิ่งเสีย เธอแค่อยากมาดูบ้านครั้งสุดท้าย…ก่อนขายทิ้ง
ตอนกลางคืนแรก เธอนอนอยู่คนเดียวในบ้าน
ไฟห้องกระพริบวูบ ๆ เหมือนจะดับทุกครั้งที่ลมแรง
เสียงบางอย่างเหมือน ฝีเท้าเบา ๆ เดินอยู่บนพื้นไม้เหนือหัว
> “อาจเป็นเสียงหนู…” เธอคิด
แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนได้ยินในความมืด
เธอหยิบไฟฉายขึ้นมา เดินออกจากห้อง
ทุกก้าวที่เดิน เสียงพื้นไม้ “เอี๊ยด...” ตามหลังเหมือนมีใครก้าวตาม
ไฟฉายกะพริบอยู่ครู่หนึ่งก่อนดับสนิท
และตอนนั้นเอง... เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู
> “อย่าเปิดไฟ…”
เธอสะดุ้งสุดตัว! รีบควานหาสวิตช์ไฟ แต่ไฟกลับไม่ติด
มีเพียงเงาในความมืดที่ยาวขึ้นบนพื้น และเหมือน เงานั้นกำลังเคลื่อนไหว
เช้าวันต่อมา เธอพบว่าฝุ่นบนโต๊ะถูออกเป็นรูปรอยมือข้างหนึ่ง
นิ้วยาวผิดธรรมชาติ เหมือนถูกลากไปทั่วบ้าน
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเย็นวาบคือ…ตรงกลางฝ่ามือ มีตัวอักษรเขียนไว้ว่า
> “ได้ยินแล้วใช่ไหม”
คืนนั้นแพรไม่ได้นอนเธอเอาเก้าอี้มาขวางประตู จุดเทียนไว้รอบห้อง
เทียนทุกเล่มส่องแสงนิ่ง ๆ แต่พอเธอหลับตา เสียงลมหายใจของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างเตียง
มันไม่ใช่เสียงของเธอแน่นอน…เสียงนั้นหายใจ ช้า ๆ ยาว ๆ เหมือนกำลังฟังเธออยู่
เธอลืมตาขึ้น ไม่มีใครอยู่ แต่เทียนเล่มหนึ่งดับไปโดยไม่มีลมพัด
เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียง มองตามแสงเทียนที่เหลือ
และเห็นรอยเท้าเปียกน้ำฝนลากยาวเข้ามาในห้อง...จนถึงข้างเตียงเธอเอง
เสียงฝนยังตกเหมือนเดิมแต่ตอนนี้ แพรเริ่มรู้แล้วว่าความเงียบไม่ได้ปลอดภัย
มันแค่กำลังรอ...รอให้เธอ ได้ยินสิ่งที่มันอยากให้ได้ยินอีกครั้ง
>“คืนนี้...อย่าปิดไฟอีกนะ"