JJNY : ณัฐพงษ์นำทีมปชน.รำลึก 6 ตุลา│เท้งจี้ทบทวนยกเลิก MOU 43-44│กมธ.มั่นคงรับฟังการเยียวยา│ณัฐชาร้องเร่งแก้ปลาหมอคางดำ

ณัฐพงษ์ นำทีมปชน.รำลึก 6 ตุลา ย้ำโหวตนายกฯ เพื่อแก้รธน. ชี้จัดระบบองค์กรอิสระเป็นสิ่งสำคัญ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5398788
.
.
ณัฐพงษ์​ ร่วมงานรำลึก​ 6 ตุลา​ รับเสียงสะท้อนปชช.บางส่วนผิดหวังโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี​ แจง​ เหตุผลตัดสินใจต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ มอง​ 4 เดือน​ เป็นเรื่องที่มาผู้ยกร่างฯ​ ชี้สิ่งสำคัญคือเนื้อหาจัดระบบองค์กรอิสระ​ ตัดตอนเครื่องทำลายการเมือง​ รับ​ประเมินส.ว.เบรกแก้รธน.​ เชื่อ​ต้องโหวตเห็นชอบในวาระหลักการ รับทุกร่างเข้าไปหารือ
.
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายณัฐพงษ์​ เรืองปัญญาวุฒิ​ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน​ พร้อมด้วยน.ส.ศิร​ิ​กัญญา​ ตันสกุล​ ส.ส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค​ น.ส.ชลธิชา​ แจ้งเร็ว​ ส.ส.​ปทุมธานี​ ร่วมงานรำลึก 6 ตุลาคม 49
.
โดยนายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า​ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งต่างฝากความหวังไว้กับพรรคประชาชน ทำการเมืองอย่างมีความหวังให้กับประชาชน และยืนยันในสิ่งที่เรียกร้องมาโดยตลอด คือประชาธิปไตย ซึ่งมีเสียงสะท้อนบางส่วนที่ระบุว่ารู้สึกผิดหวังบ้าง กับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้ตัดสินใจไปเพื่อต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้ระบบการปกครองในประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น​ รวมไปถึงเดินหน้าปฏิรูปกองทัพและหยุดยั้งวงจรรัฐประหาร ไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนเหมือนที่ผ่านมา
.
ขณะที่การเดินหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชน​ จะทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร นายณัฐพงษ์​ ระบุว่าต้องทำความรู้ความเข้าใจกับประชาชนอย่างรอบด้านในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมากและในช่วงเวลาการจัดทำ 4 เดือนนี้ จะเป็นในเรื่องของที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ​ แต่สิ่งที่มองไปไกลกว่านั้น คือหลังจากที่มีการเลือกตั้งมาแล้ว และมีการลงประชามติ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือเนื้อหาภายในรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขการจัดตำแหน่งแห่งที่ขององค์กรอิสระต่างๆ จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอาวุธทำลายการเมือง​ เพื่อให้เกิดการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น
.
ส่วนในประเด็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนจะมีทิศทางเช่นไรนั้นนายณัฐพงษ์กล่าว ประเด็นละเอียดอ่อนทุกคนต่างรับรู้รับทราบดี และจะต้องใช้เวทีในรัฐสภา ทั้งเวทีที่ปรึกษาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ​ ที่พรรคประชาชนออกแบบอยากให้มีตัวแทนจากภาคประชาชนมาสะท้อนความเห็นในทุกประเด็น
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถูกเบรกโดยส.ว. นายณัฐพงษ์​ กล่าวว่า​ มีการประเมินไว้อยู่แล้ว แต่ก็เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของพรรคและตัวนายกรัฐมนตรีเอง และทุกพรรคที่จะต้องส่งเสียงเรียกไปยังสมาชิกวุฒิสภา และสิ่งที่ประชาชนได้สะท้อนออกมาตนเชื่อว่าหลายๆ ปี ที่ผ่านมาได้มีการส่งเสียงว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นสิ่งสำคัญ และไม่น่าจะมีเหตุผลที่ใครจะมาขัดขวางกระบวนการตรงนี้ เพราะคนที่จะตัดสินคือประชาชนที่จะไปออกเสียงประชามติในวันเลือกตั้ง
.
เมื่อถามว่าในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลมีการพุ่งเป้าไปที่ส.ว.จะเป็นหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้การเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญสะดุดหรือไม่​ นายณัฐ​พงษ์​ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนสามารถแยกแยะได้เพราะการอภิปราย ในฐานะฝ่ายค้านที่เป็นผู้ตรวจสอบในทุกเรื่อง แต่ขณะเดียวกันกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญก็เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา​ ที่อย่างน้อยจะต้องโหวตเห็นชอบในวาระหลักการเพื่อที่จะรับทุกร่างเข้าไปหารือในช่วง 2-3 เดือน
.

.
เท้ง ชี้ อย่าโยนภาระให้ประชาชน จี้ รัฐบาลทบทวนทำประชามติยกเลิก MOU 43-44
https://www.matichon.co.th/politics/news_5398804
.
เท้ง เรียกร้องรัฐบาลทบทวนประชามติยกเลิก MOU43-44 ยกผลนิด้าโพลสะท้อนคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเนื้อหา ย้ำไม่ควรโยนภาระให้ประชาชน โยนสังคมตัดสินหวังผลการเมืองหรือไม่
.
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีรัฐบาลให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเรื่อง MOU43-44 ว่าผลสำรวจของนิด้าโพลที่สำรวจเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าประชาชนราว 70% มีความไม่เข้าใจ กับค่อนข้างไม่เข้าใจเป็นเสียงส่วนใหญ่ เกี่ยวกับเนื้อหารายละเอียดของ MOU ฉบับดังกล่าว ตนเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้ประชามติเป็นกระบวนการสะท้อนเจตจำนงของประชาชนจริงๆ คือ ออกไปใช้สิทธิใช้เสียงโดยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้นอย่างดีเพียงพอระดับหนึ่ง สิ่งที่สำคัญมากกว่าวันเข้าคูหาการลงคะแนนเสียงทำประชามติ คือเรื่องของกระบวนการ เรื่อง MOU เป็นเรื่องที่มีความละเอียด ซับซ้อน ที่ตนไม่เชื่อว่าจะสามารถจัดเวทีสาธารณะให้ความรู้แก่ประชาชนได้อย่างรอบด้าน เพราะมีบางเรื่องขนาดประชุมกันในรัฐสภายังขอประชุมลับ เพราะบางอย่างหากพูดออกไปอาจทำให้ประชาชนเสียเปรียบ แล้วลองนึกภาพว่าในสังคมมีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง ไม่สามารถให้ข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ได้อย่างรอบด้าน ตนก็มีข้อห่วงใยว่าการทำประชามติแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ จะไม่ใช่ผลที่สะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน
.
ส่วนพรรคประชาชนจะเสนอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่าเสนอทบทวนมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ตนมีโอกาสตอบคำถามสื่อมวลชนก็จะบอกอย่างนี้ตลอด และตนเชื่อว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีเอง นอกจากทราบจากตนก็น่าจะทราบจากนักวิชาการและเสียงสะท้อนจากสังคม ตอนนี้ก็เห็นว่ามีโพลบางส่วนที่ทำในโลกออนไลน์ ก็จะเห็นว่าประชาชนบางส่วนอยากมีความเข้าใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น หรือบางส่วนก็ไม่เห็นด้วยที่จะเอาเรื่องนี้มาทำประชามติ จริงๆ ควรเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหาร รัฐบาลไม่ควรโยนการตัดสินใจนี้ให้เป็นภาระของประชาชน จริงๆ เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารโดยตรง ที่ประชาชนมอบความไว้วางใจไปในการตัดสินใจเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ในเรื่องที่มีความละเอียดซับซ้อน เรื่องความมั่นคงแบบนี้ รัฐบาลจะทำอย่างไรก็แสดงความรับผิดรับชอบ ตัดสินและทำเองได้เลย
.
ส่วนคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่าการเสนอมาในช่วงจังหวะนี้ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งหน้า มีบัตรอย่างน้อย 2 ใบ คือ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อีกทั้งเรื่องการจัดทำประชามติที่มี 2 คำถาม ดังนั้นการเสนอมาอีกบัตรเลือกตั้งในเรื่องประชามติ MOU ในส่วนหนึ่งก็มีข้อห่วงใยว่าอาจเพิ่มภาระประชาชนในการออกเสียง ที่ต้องทำความเข้าใจเรื่องละเอียดซับซ้อนหลายเรื่อง จึงต้องให้สังคมช่วยกันวิเคราะห์ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะอย่างไร และเป็นข้อเสนอที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างไรหรือไม่ ในการโยนข้อเสนอนี้ออกมา ทั้งที่นายอนุทินก็รู้ดีว่าอีก 4 เดือนต้องยุบสภา มุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง
.
ส่วนเมื่อทุกอย่างต้องเข้าสู่การทำประชามติ จะกลายเป็นภาระของพรรคหรือไม่เพราะคนคาดหวังว่าพรรคประชาชนจะต้องเป็นคนรณรงค์ทุกเรื่อง นายณัฐพงษ์กล่าว ก่อนที่ ครม.จะมีมติไปถึงการทำประชามติ เราคงส่งเสียงเรียกร้องว่าเราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการการจัดทำประชามติ ที่ประชาชนแสดงความเห็นหรือรับรู้ข้อมูลได้ทั้ง 2 ด้าน ดังนั้นเราคงไม่เห็นด้วยกับหลักการที่จะนำเรื่องนี้มาทำประชามติ แต่การบอกแบบนี้ต้องบอกว่า พรรคประชาชนเคารพในการให้เสียงประชาชนเป็นใหญ่ ถ้ามีการจัดทำประชามติผลออกมาอย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือกระบวนการ หากส่งเสียงคัดค้านแล้วรัฐบาลเดินหน้าต่อ ก็เป็นหน้าที่พรรคประชาชน และทุกพรรคการเมืองที่ต้องรณรงค์ให้มากที่สุด ต้องหาวิธีอธิบายเรื่องละเอียดซับซ้อนให้ดีที่สุด
.
ส่วนมองว่าการทำประชามติเป็นการเดินหน้าให้สิทธิประชาชน แต่ในประเด็นสำคัญ ต้องมาฟังกันหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องรายละเอียดทางเทคนิค พร้อมยกคำพูดว่า “ถ้าเราบอกว่าจะสร้างจรวดไปดวงจันทร์ เราคงไม่สามารถสร้างได้โดยการยกมือโหวตทุกคน สุดท้ายต้องอาศัยนักวิทยาศาสตร์มาคิดวิเคราะห์เรื่องหลักการและเหตุผล” เช่นเดียวกับเรื่องนี้ มีรายละเอียดเชิงเทคนิคเยอะ สิ่งที่จะทำให้แก้ปัญหาไทย-กัมพูชาได้สำเร็จอาจไม่ใช่การให้ประชาชนตัดสินใจ โดยไม่มีความรู้ทางเทคนิคที่สมบูรณ์เท่านักการทูต หน่วยงานความมั่นคง หรือฝ่ายบริหาร ตนคาดหวังว่ารัฐบาลควรจะออกแบบกระบวนการดีๆ และเลือกใช้กระบวนการที่ถูกต้องในการตัดสินใจเรื่องละเอียดอ่อน
.

.
กมธ.มั่นคง รับฟังการเยียวยาชายแดนศรีสะเกษ โรมสะท้อนเสียงชาวบ้าน เงิน 5,000 ไม่เพียงพอ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5399073
.
‘กมธ.มั่นคงฯ’ รับฟังรายงานความคืบหน้าการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะใน จ.ศรีสะเกษ ด้านผู้ว่าฯยันอนุมัติเงินตอบแทนชุด ชรบ.แล้ว 23 ล้านบาท อนุมัติเงินเยียวยาครอบครัวละ 5,000 บาทไปแล้วกว่า 81,000 ราย ‘โรม’ สะท้อนเสียงชาวบ้าน เงินเยียวยาไม่พอ-บรรเทาค่าไฟยังไม่ได้รับ
.
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. ลงพื้นที่ไปยังโครงการชลประทาน จ.ศรีสะเกษ เพื่อประชุมรับฟังการบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาผลกระทบด้านความมั่นคงตามแนวชายไทยที่ส่งผลต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการของหน่วยงาน และแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตลอดจนแนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, ผู้บัญชการกองกำลังสุรนารี, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
.
นายสุริยา บุตรจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวรายงานว่า หลังเหตุการณ์เรียบร้อยการเยียวยาช่วยเหลือพื้นที่ที่มีปัญหาใน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้ประกาศใน 5 อำเภอ คือ อ.กันทรลักษ์ อ.ขุนหาญ อ.ภูสิงห์ อ.ขุขันธ์ และ อ.ไพรบึง ให้นายอำเภอขอเงินจากผู้ว่าราชการจังหวัดไปบริหารจัดการ ส่วนนอกเหนือจาก 5 อำเภอจะให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดเป็นผู้บริหารจัดการ ในเรื่องอาหารการกิน บางวันมีภาคเอกชนเข้ามา เราไม่ได้เบิกจ่าย วันไหนไม่มีเราก็จะเบิกจ่าย โดยช่วงแรกใช้งบประมาณไป 64 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่รัฐบาลมอบให้มาทางจังหวัดศรีสะเกษก็ได้ทำตามกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
.
ในส่วนของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ขณะนี้มี 12 อำเภอที่ทำเรื่องขอเงินมา จังหวัดได้อนุมัติเงินไปแล้ว 23 ล้านบาท เพื่อตอบแทน ชรบ. สูงสุดจะได้คนละประมาณ 2,400 บาท ลดหลั่นกันไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่