“พระสูตร–อรรถกถา: เรากำลังยกใครเหนือใคร?”

พระสูตร–อรรถกถา : ใครควรอยู่เหนือใคร?

บทวิเคราะห์ว่าด้วยลำดับชั้นคัมภีร์และการรักษาพุทธวจนะ



บทนำ

ทุกวันนี้ในวงการพุทธศาสนาเถรวาท มีข้อถกเถียงสำคัญว่า “พระสูตรแปล” กับ “อรรถกถาแปล” อย่างไหนควรถือเป็นหลักสูงสุด?
บางท่านยืนยันว่า พระสูตรแปลไม่มีศักดิ์ยกแย้งอรรถกถาได้ เพราะแปลโดยอาศัยนัยจากอรรถกถามาโดยตรง
บางท่านก้าวไกลถึงขั้นว่า อรรถกถามีศักดิ์สูงกว่าพระสูตรแปล ด้วยซ้ำ

แต่ถ้าเราย้อนกลับไปหาหลักฐานในพระสูตรเอง จะพบว่าพระพุทธเจ้าทรงวางหลักการไว้ชัดเจน และหากเรายกอรรถกถาขึ้นเหนือพระสูตร ก็จะตกอยู่ในภาวะ “สัทธรรมปฏิรูป” คือทำให้สิ่งที่ไม่ใช่พุทธวจนะกลายเป็นสิ่งแทนพุทธวจนะ



๑. ลำดับชั้นคัมภีร์ตามพระเถระโบราณ

พระพุทธเจ้าตรัสชัดเจนใน มหาปรินิพพานสูตร (ทีฆนิกาย) ว่า

“ธรรมและวินัยที่เราบัญญัติแล้ว จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย”

และใน อังคุตตรนิกาย (มหาปเทส ๔) ก็ตรัสว่า ทุกคำสอน—evenจากพระสาวก—ต้องตรวจสอบกับ พระสูตร–พระวินัย ก่อน ถ้าตรงก็รับ ถ้าไม่ตรงก็วาง

พระเถระรุ่นหลังจึงวางลำดับไว้ว่า
    •    สุตตะ (พระสูตร–พระวินัย) – เกณฑ์สูงสุด
    •    สุตตานุโลม – สิ่งที่ไม่ขัดกับพระสูตร
    •    อาจาริยวาท – ความเห็นของพระอาจารย์ (อรรถกถา ฎีกา)
    •    อัตตโนมติ – ความเห็นส่วนบุคคล

นี่ชี้ชัดว่า อรรถกถาไม่ใช่เกณฑ์สูงสุด แต่เป็นเพียง “อาจาริยวาท”



๒. ไทม์ไลน์การเกิดขึ้นของอรรถกถา

พระสูตร–พระวินัยถูกรวบรวมตั้งแต่ สังคายนาครั้งที่ ๑ เพียงไม่กี่เดือนหลังพุทธปรินิพพาน โดยพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป
ส่วนอรรถกถา เพิ่งถูกรวบรวมเป็นระบบใน พุทธศตวรรษที่ ๔–๕ และถูกรจนาเป็นบาลีโดย พระพุทธโฆสาจารย์ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๐ หลังพุทธกาล

แปลว่ามีเวลาหลายร้อยปีให้เกิด การเล่าต่อ ปรับแต่ง หรือแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล เข้าไป นี่คือช่องโหว่ใหญ่ที่ทำให้อรรถกถาไม่อาจยกขึ้นเสมอพระสูตรได้



๓. พระสูตรแปลต่ำกว่าอรรถกถาแปลจริงหรือ?

บางท่านว่า พระสูตรแปลไม่มีศักดิ์ยกแย้งอรรถกถาแปลได้ เพราะการแปลพระสูตรก็อิงจากอรรถกถาอยู่แล้ว

แต่ความจริงคือ เนื้อหาเดิมของพระสูตรยังคงเป็นพุทธวจนะ เพียงเปลี่ยนภาษาสื่อสาร การแปลจึงไม่ลดศักดิ์ลงไป

พระพุทธเจ้าตรัสใน กาลามสูตร (องฺ.ติก.) ว่า

“อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นตำรา หรือคำครูบาอาจารย์ แต่ให้พิจารณาแล้วว่าตรงกับเหตุผลและเป็นไปเพื่อความดับทุกข์”

นี่หมายความว่า แม้ถ่ายทอดด้วยภาษาใด หากเนื้อหาตรงกับพระสูตร–พระวินัย ก็ยังเป็นพุทธวจนะ



๔. ภาษาบาลี ≠ พุทธวจนะทั้งหมด

อีกข้อโต้แย้งคือ “อรรถกถามีบาลีมากกว่า จึงสูงกว่า” นี่คือความเข้าใจผิด
    •    บาลี เป็นเพียงภาษาเก็บบันทึก มิใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง
    •    พุทธวจนะ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสจริง แม้ตรัสด้วยภาษาชาวบ้านท้องถิ่น ก็เป็นพุทธวจนะ

หลักฐานสำคัญคือ พระองค์ทรงสั่งห้ามมิให้พระภิกษุเปลี่ยนคำพระสูตรไปใช้ “ภาษาสันสกฤตสูง ๆ” แต่ให้รักษา ภาษาชาวบ้าน (ชาวัคคะภาสา) (วินย. ๕/๓๓/๕๖)
นี่แสดงว่า คุณค่าของธรรมไม่ขึ้นอยู่กับภาษา แต่ขึ้นอยู่กับเนื้อหา



๕. อรรถกถา = คำพุทธเจ้าหรือไม่?

บางท่านกล่าวว่า “พระพุทธเจ้าคืออรรถกถาจารย์คนแรก” เพราะพระองค์ทรงอธิบายธรรมหลายครั้ง เช่นปกิณกเทศนา

แต่ต้องแยกให้ชัด :
    •    คำที่พระองค์ตรัสเอง ถูกรวมไว้ในพระสูตร
    •    คำอธิบายที่เถระรุ่นหลังเสริม ถูกเรียกว่าอรรถกถา

การนำมาปะปนกันแล้วบอกว่า “อรรถกถาทั้งหมดคือตถาคตภาษิต” ย่อมเป็น สัทธรรมปฏิรูป เพราะเราไม่อาจตรวจสอบได้ว่าอันไหนเป็นของพระองค์จริง



๖. ธรรมที่ควรขยายความ

มีคำถามว่า “เช่นสังขารขันธ์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง? กสิณปฏิบัติยังไง?” สิ่งเหล่านี้ควรอธิบายใช่หรือไม่?

ใช่ แต่พระองค์ก็ทรงเตือนไว้ใน อังคุตตรนิกาย (๒๐/๓๑/๓๑) ว่า

“ผู้ใดแสดงสุตตันตะที่ควรขยายความว่า ‘มีการขยายความแล้ว’ ผู้นั้นกล่าวตู่ตถาคต”

นั่นหมายถึง ขยายได้ แต่ต้องไม่บิดเบือนเกินเลย หากอรรถกถาใดสอดคล้องกับพระสูตรก็ยอมรับ แต่ถ้าขัดกันต้องถือพระสูตรเป็นหลัก



๗. ตัวอย่างความต่าง : พระสูตรกับอรรถกถาเรื่องพิธีกรรม
    •    ใน เกสปุตตสูตร (กาลามสูตร) พระองค์ตรัสปฏิเสธพิธีกรรม–ไสยศาสตร์ที่ไร้เหตุผล โดยให้ใช้ปัญญาตรวจสอบ
    •    แต่ในอรรถกถาหลายแห่งกลับมีการกล่าวถึงพิธีพรมน้ำ ไล่ผี ป้องกันโรค ฯลฯ ซึ่งส่อให้เห็นว่าเป็นการตีความแทรกของคนรุ่นหลัง

นี่คือจุดที่ต้องใช้หลักมหาปเทสตรวจสอบ ไม่ใช่ยกอรรถกถาขึ้นเหนือพระสูตร



๘. ปัญหา “ปฏิเวธ” และการปิดกั้นการตั้งคำถาม

บางท่านพยายามด้อยค่าผู้ตั้งคำถาม โดยบอกว่า “ไม่มีปฏิเวธ ไม่มีสิทธิ์โต้เถียง”

แต่พระพุทธเจ้าตรัสใน กาลามสูตร และอีกหลายสูตรว่า การใช้เหตุผลและการพิจารณาด้วยตนเองเป็นสิ่งที่อนุญาต แม้ชาวบ้านธรรมดาก็ตั้งคำถามได้ หากมีเจตนาตรงเพื่อเข้าใจธรรม

ดังนั้นการอ้าง “level” เพื่อตัดสิทธิ์การตั้งคำถามจึงไม่ใช่แนวทางที่พระองค์ทรงสอน



๙. คำถามที่ควรฉุกคิด
    1.    หากพระสูตรถูกสังคายนาตั้งแต่ครั้งแรกโดยพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป แต่ อรรถกถารวบรวมเป็นระบบภายหลังหลายร้อยปี — เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่มีการเพิ่มเติมความคิดเห็นส่วนบุคคล?
    2.    ถ้าอรรถกถามีศักดิ์สูงสุดจริง เหตุใดพระเถระโบราณจึงยังวางลำดับว่า “สุตตะ > สุตตานุโลม > อาจาริยวาท > อัตตโนมติ” ?
    3.    หากเรายกอรรถกถาเหนือพระสูตร จะต่างอะไรจากการสร้าง สัทธรรมปฏิรูป ที่ทำให้ของแทรกมาแทนคำตรัสพระพุทธเจ้า?



บทสรุป
    •    พระสูตร–พระวินัยยังคงเป็นเกณฑ์สูงสุด ไม่ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สังคายนาครั้งแรก
    •    อรรถกถามีคุณค่า แต่ไม่ใช่พุทธวจนะโดยตรง ต้องตรวจสอบตามหลักมหาปเทส
    •    พระสูตรแปลไม่ด้อยศักดิ์กว่าอรรถกถาแปล เพราะเนื้อหายังเป็นพุทธวจนะ เพียงเปลี่ยนภาษาเพื่อให้คนเข้าใจ
    •    การถืออรรถกถาเหนือพระสูตรคือการเสี่ยงต่อสัทธรรมปฏิรูป

“ธรรม–วินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติแล้วจักเป็นศาสดา” — หลักนี้คือหัวใจที่รักษาพระศาสนาให้มั่นคง



📌 คำถามชวนถก
    •    หากวันหนึ่งเราพบว่าอรรถกถาบางตอนขัดกับพระสูตร จะเลือกเชื่อสิ่งใด?
    •    การที่คนรุ่นหลังแต่งคำอธิบายใหม่แล้วแทรกลงไป ถือว่าเป็นการช่วยรักษาศาสนา หรือเป็นการเสี่ยงบิดเบือนศาสนา?
    •    เราจะป้องกัน “สัทธรรมปฏิรูป” ได้อย่างไร หากไม่ยืนยันว่าสุตตะ–วินัยต้องเป็นเกณฑ์สูงสุด?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่