ความเป็นมาของพระอภิธรรม (ตอนที่ ๓) กำเนิดพระอภิธรรมปิฎก จากคอลัมน์ ธรรมโอสถ เขียนโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๑๒๗๗ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙
พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาพระอภิธรรม ในสัปดาห์ที่ ๔ หลังการตรัสรู้ ทรงปรารภความกตัญญูที่มีต่อพระมารดา ซึ่งเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์ สู่การแสดงปรมัตถธรรม อันมีนัยหลากหลาย ละเอียด ประณีตยิ่ง เหตุการณ์นี้มีอธิบายไว้ใน อรรถกถาอัฏฐสาลีนี (คัมภีร์ที่แต่งขยายธรรมสังคณี อันเป็น ๑ ในพระอภิธรรม)
ครั้นแสดงพระอภิธรรมบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จบลงแล้ว พระพุทธมารดา ได้ดวงตาเห็นธรรม ทรงบรรลุโสดาปัตติผล
ส่วนเทวดาอีกจำนวนมาก นับได้หลายหมื่นโกฏ ได้บรรลุมรรคผลตามสมควรแห่งนิสัยตน
ขณะนั้นบนโลกมนุษย์ ประชาชนต่างพากันโศกเศร้า คร่ำครวญ เพราะไม่ได้พบพระพุทธเจ้านานหลายเดือน นับตั้งแต่ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วได้เสด็จหายไป เปรียบเสมือนดวงเดือน หรือดวงตะวันหายไปจากโลก จึงพร้อมใจกันเข้าไปถามพระโมคคัลลานะ
พระโมคคัลลานะแม้ทราบเรื่อง เพื่อให้คุณของพระเถระรูปอื่นปรากฏ ก็ให้ประชาชนไปถามพระอนุรุทธเถระ ท่านพระอนุรุทธเถระ บอกประชาชนให้ทราบว่า พระบรมศาสดาเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดา จะเสด็จกลับสู่โลก ณ เมืองสังกัสสนคร ในวันมหาปวารณา
ครั้นถึงวันมหาปวารณาออกพรรษา ประชาชนไปรอรับเสด็จพระพุทธองค์ที่ประตูเมืองสังกัสสนคร และได้เกิดประเพณีทำบุญวันเทโวโรหณะ ในเวลาต่อมา
🎾พระเถระผู้นำพระอภิธรรมสืบต่อกันมา
พระอภิธรรมนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้แสดงแก่มนุษย์โดยตรง ทรงแสดงโปรดเทวดา ซึ่งมีสันดุสิตเทพบุตรเป็นประธาน เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา แล้วนำมาแสดงให้สารีบุตรเถระฟัง อีกต่อหนึ่ง พระอภิธรรมแพร่หลายในโลกมนุษย์ ก็ด้วยอาศัยพระสารีบุตรเถระ และพระสาวก ทรงจำไว้สืบต่อกันมา
นามพระสาวกผู้สืบต่อพระอภิธรรมนั้น ปรากฏในอรรถกถาอัฏฐสาลินี ดังนี้
๑. พระสารีบุตร
๒. พระภัททชิ
๓. พระโสภิตะ
๔. พระปิยชาลี
๕. พระปิยปาละ
๖. พระปิยทัสสี
๗. พระโกสิยปุตตะ
๘. พระสิคควะ
๙. พระสันเทหะ
๑๐. พระโมคคัลลีบุตร
๑๑. พระติสสทัตตะ
๑๒. พระธัมมิยะ
๑๓. พระทาสกะ
๑๔. พระโสณกะ
๑๕. พระเรวตะ
พระเถระเหล่านี้ สืบต่อพระอภิธรรมเป็นลำดับมา จนถึงสังคายนา ครั้งที่ ๓ พ. ศ. ๒๓๕ ต่อจากนั้น พระพุทธศาสนาก็แพร่หลายไปยังลังกาทวีป และส่วนอื่นๆ ของโลกนับแต่นั้นเป็นต้นมา
พระอภิธรรมกับการสังคายนาพระธรรมวินัย
การสังคายนา ครั้งที่ ๑ และ ครั้งที่ ๒ ยังเรียกคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าว่า “พระธรรมวินัย” ดังปรากฏในคำกล่าวของพระมหากัสสปเถระที่ชักชวนพระสงฆ์ให้ร่วมกันทำปฐมสังคายนาว่า
ผู้มีอายุทั้งหลาย เอาเถิด เราทั้งหลายจะสังคายนาพระธรรมวินัยกัน เพราะในการภายหน้า อธรรมจะรุ่งเรือง ธรรมจะถูกขัดขวาง อวินัยจะรุ่งเรือง วินัยจะถูกขัดขวาง ในการภายหน้า พวกอธรรมวาทีจะมีกำลัง พวกธรรมวาทีจะหย่อนกำลัง พวกอวินัยวาทีจะมีกำลัง พวกวินัยวาทีจะหย่อนกำลัง
ในการสังคายนา พระมหากัสสปเถระมอบให้พระอุบาลีเถระเป็นผู้วิสัชนาพระธรรมวินัย และให้พระอานนท์เถระเป็นผู้วิสัชนาพระธรรม ซึ่งรวมทั้งพระอภิธรรมด้วย
โดยเริ่มสังคายนานิกาย ทั้ง ๔ ก่อน คือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย และ อังคุตตรนิกาย เสร็จแล้ว จึงสังคายนาขุททกนิกาย ๑๕ คัมภีร์ โดยรวมเอาพระอภิธรรมเข้าไว้ในคัมภีร์ขุททกนิกายนี้
ต่อมา เมื่อมีการสังคายนา ครั้งที่ ๓ได้มีการจัดแบ่งพระธรรมวินัยออกเป็นพระไตรปิฎกอย่างชัดเจน คือ
แบ่งส่วนที่เป็นพระวินัยได้ ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จัดเป็น วินัยปิฎก
แบ่งพระธรรมออกเป็น ๒ ส่วน คือ เป็น พระสุตตันตปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และ เป็นพระอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐
ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ ความเป็นมาของพระอภิธรรม เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ จนปรากฏเป็นพระอภิธรรมปิฎก ในการสังคายนา ครั้งที่ ๓ และถูกจดจำ บันทึก ถ่ายทอดโดยพระสาวก สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ความเป็นมาของพระอภิธรรม (ตอนที่ ๓) กำเนิดพระอภิธรรมปิฎก จากคอลัมน์ ธรรมโอสถ เขียนโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๑๒๗๗ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙
กำเนิดพระอภิธรรมปิฏก
พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาพระอภิธรรม ในสัปดาห์ที่ ๔ หลังการตรัสรู้ ทรงปรารภความกตัญญูที่มีต่อพระมารดา ซึ่งเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์ สู่การแสดงปรมัตถธรรม อันมีนัยหลากหลาย ละเอียด ประณีตยิ่ง เหตุการณ์นี้มีอธิบายไว้ใน อรรถกถาอัฏฐสาลีนี (คัมภีร์ที่แต่งขยายธรรมสังคณี อันเป็น ๑ ในพระอภิธรรม)
ครั้นแสดงพระอภิธรรมบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จบลงแล้ว พระพุทธมารดา ได้ดวงตาเห็นธรรม ทรงบรรลุโสดาปัตติผล
ส่วนเทวดาอีกจำนวนมาก นับได้หลายหมื่นโกฏ ได้บรรลุมรรคผลตามสมควรแห่งนิสัยตน
ขณะนั้นบนโลกมนุษย์ ประชาชนต่างพากันโศกเศร้า คร่ำครวญ เพราะไม่ได้พบพระพุทธเจ้านานหลายเดือน นับตั้งแต่ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วได้เสด็จหายไป เปรียบเสมือนดวงเดือน หรือดวงตะวันหายไปจากโลก จึงพร้อมใจกันเข้าไปถามพระโมคคัลลานะ
พระโมคคัลลานะแม้ทราบเรื่อง เพื่อให้คุณของพระเถระรูปอื่นปรากฏ ก็ให้ประชาชนไปถามพระอนุรุทธเถระ ท่านพระอนุรุทธเถระ บอกประชาชนให้ทราบว่า พระบรมศาสดาเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดา จะเสด็จกลับสู่โลก ณ เมืองสังกัสสนคร ในวันมหาปวารณา
ครั้นถึงวันมหาปวารณาออกพรรษา ประชาชนไปรอรับเสด็จพระพุทธองค์ที่ประตูเมืองสังกัสสนคร และได้เกิดประเพณีทำบุญวันเทโวโรหณะ ในเวลาต่อมา
🎾พระเถระผู้นำพระอภิธรรมสืบต่อกันมา
พระอภิธรรมนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้แสดงแก่มนุษย์โดยตรง ทรงแสดงโปรดเทวดา ซึ่งมีสันดุสิตเทพบุตรเป็นประธาน เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา แล้วนำมาแสดงให้สารีบุตรเถระฟัง อีกต่อหนึ่ง พระอภิธรรมแพร่หลายในโลกมนุษย์ ก็ด้วยอาศัยพระสารีบุตรเถระ และพระสาวก ทรงจำไว้สืบต่อกันมา
นามพระสาวกผู้สืบต่อพระอภิธรรมนั้น ปรากฏในอรรถกถาอัฏฐสาลินี ดังนี้
๑. พระสารีบุตร
๒. พระภัททชิ
๓. พระโสภิตะ
๔. พระปิยชาลี
๕. พระปิยปาละ
๖. พระปิยทัสสี
๗. พระโกสิยปุตตะ
๘. พระสิคควะ
๙. พระสันเทหะ
๑๐. พระโมคคัลลีบุตร
๑๑. พระติสสทัตตะ
๑๒. พระธัมมิยะ
๑๓. พระทาสกะ
๑๔. พระโสณกะ
๑๕. พระเรวตะ
พระเถระเหล่านี้ สืบต่อพระอภิธรรมเป็นลำดับมา จนถึงสังคายนา ครั้งที่ ๓ พ. ศ. ๒๓๕ ต่อจากนั้น พระพุทธศาสนาก็แพร่หลายไปยังลังกาทวีป และส่วนอื่นๆ ของโลกนับแต่นั้นเป็นต้นมา
พระอภิธรรมกับการสังคายนาพระธรรมวินัย
การสังคายนา ครั้งที่ ๑ และ ครั้งที่ ๒ ยังเรียกคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าว่า “พระธรรมวินัย” ดังปรากฏในคำกล่าวของพระมหากัสสปเถระที่ชักชวนพระสงฆ์ให้ร่วมกันทำปฐมสังคายนาว่า
ผู้มีอายุทั้งหลาย เอาเถิด เราทั้งหลายจะสังคายนาพระธรรมวินัยกัน เพราะในการภายหน้า อธรรมจะรุ่งเรือง ธรรมจะถูกขัดขวาง อวินัยจะรุ่งเรือง วินัยจะถูกขัดขวาง ในการภายหน้า พวกอธรรมวาทีจะมีกำลัง พวกธรรมวาทีจะหย่อนกำลัง พวกอวินัยวาทีจะมีกำลัง พวกวินัยวาทีจะหย่อนกำลัง
ในการสังคายนา พระมหากัสสปเถระมอบให้พระอุบาลีเถระเป็นผู้วิสัชนาพระธรรมวินัย และให้พระอานนท์เถระเป็นผู้วิสัชนาพระธรรม ซึ่งรวมทั้งพระอภิธรรมด้วย
โดยเริ่มสังคายนานิกาย ทั้ง ๔ ก่อน คือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย และ อังคุตตรนิกาย เสร็จแล้ว จึงสังคายนาขุททกนิกาย ๑๕ คัมภีร์ โดยรวมเอาพระอภิธรรมเข้าไว้ในคัมภีร์ขุททกนิกายนี้
ต่อมา เมื่อมีการสังคายนา ครั้งที่ ๓ได้มีการจัดแบ่งพระธรรมวินัยออกเป็นพระไตรปิฎกอย่างชัดเจน คือ
แบ่งส่วนที่เป็นพระวินัยได้ ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จัดเป็น วินัยปิฎก
แบ่งพระธรรมออกเป็น ๒ ส่วน คือ เป็น พระสุตตันตปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และ เป็นพระอภิธรรมปิฎก ๔๒,๐๐๐
ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ ความเป็นมาของพระอภิธรรม เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ จนปรากฏเป็นพระอภิธรรมปิฎก ในการสังคายนา ครั้งที่ ๓ และถูกจดจำ บันทึก ถ่ายทอดโดยพระสาวก สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ความเป็นมาของพระอภิธรรม (ตอนที่ ๓) กำเนิดพระอภิธรรมปิฎก จากคอลัมน์ ธรรมโอสถ เขียนโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๑๒๗๗ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙