มี 2 เรื่อง ต่ออายุรถไฟฟ้า 20 บาท สายสีแดง-สีม่วงตลอดสาย 2 เดือน และ เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม 850 บาท 2 เดือน

เฮ ครม.ต่ออายุรถไฟฟ้า 20 บาท สายสีแดง-สีม่วงตลอดสาย 2 เดือน ถึงสิ้น พ.ย.68

ครม.เห็นชอบต่ออายุมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย สายสีแดงและสีม่วง ต่อไปอีก 2 เดือน เป็นสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ลดภาระค่าเดินทางของประชาชน

วันนี้ (30 กันยายน 2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2568 เรื่อง มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน)

และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จากเดิม สิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 กันยายน 2568 เป็นสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 หรือขยายเวลาออกไปอีก 2 เดือน
"ครม.เห็นชอบแล้ว โดยจะขยายไปอีก 2 เดือน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าเดินทางให้กับประชาชนได้ในช่วงสิ้นปีนี้" นายพิพัฒน์ ระบุ

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปดำเนินการหาวิธีที่แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อลดภาระประชาชน และไม่เป็นภาระกับภาครัฐ หาวิธีที่เหมาะสมและจะนำเสนอเข้า ครม. ใหม่ ภายใน 2 เดือน



เฮ ครม.เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่ม 850 บาท 2 เดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้

ครม. ไฟเขียวจัดงบกลาง หมดหน้าตัก 5.7 หมื่นล้าน ก้อนแรก 2.2 หมื่นล้าน แจกเงินลงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มอีก 850 บาท รวม 2 เดือน พ.ย.-ธ.ค. รวมเดือนละ 1,150 บาท พร้อมโอนเงินใช้หนี้ ธ.ก.ส. 3.5 หมื่นล้าน

วันนี้ (30 กันยายน 2568) ที่รัฐสภา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ ปี 2568 วงเงิน 22,780 ล้านบาท ให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อใช้เติมเงินเข้าไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยจำนวน 13.4 ล้านคน 

สำหรับการจัดสรรงบประมาณลงไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งนี้ รัฐบาลจะเติมเงินส่วนเพิ่มให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการอีก 850 บาท จากเดิมที่ได้เดือนละ 300 บาท รวมเป็นวงเงิน 1,150 บาท โดยจะเติมเงินให้เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 

“การเติมเงินไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งนี้จะเป็นการเติม 2 ครั้ง โดยจะเติมให้ครั้งละ 850 บาท ระยะเวลา 2 เดือน คือเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม หมายความว่า ในเดือนตุลาคมนี้ยังได้คนละ 300 บาท พอถึงเดือนพฤศจิกายน จะได้เงินบวกเพิ่มอีก 850 บาท เป็น 1,150 บาท เดือนธันวาคม ก็บวกอีก 850 บาทเป็น 1,150 บาท เท่ากับว่าได้รับเติม 2 ครั้ง ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถใช้ได้ตามเงื่อนไขเดิม และกดเป็นเงินสดได้” นายสิริพงศ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่รัฐบาลเคยออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่า จะเติมเงินลงไปให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสูงสุดคนละ 2,000 บาทนั้น นายสิริพงศ์ กล่าวว่า การเติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มอีก 850 บาท จะแบ่งจ่าย 2 ครั้ง รวมสองครั้งก็เป็นเงิน 1,700 บาท โดยผู้ที่ได้รับเงินเติมเข้าไปจะไม่ใช่ลักษณะที่ต้องจ่ายคนละครึ่ง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย ดังนั้นเงินที่เติมเข้าไปสามารถจ่ายได้ทันทีไม่ต้องมีส่วนที่ต้องควักเพิ่มเหมือนโครงการคนละครึ่ง

อย่างไรก็ตามในการจัดทำโครงการคนละครึ่งพลัสในส่วนของประชาชนทั่วไป และก็ประชาชนผู้เสียภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะนำหลักเกณฑ์และรายละเอียดเข้ามาในการประชุมครม.ครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า โดยยืนยันว่าการดำเนินการจะไม่มีการล่าช้า และยังอยู่ในกำหนดการเดิม และจะมีวงเงินเพียงพอในการดำเนินโครงการ

ขณะเดียวกันตามกระแสข่าวว่าจะมีการใช้แอปฯทางรัฐเข้ามาร่วมกับโครงการคนละครึ่งพลัสด้วยนั้น นายสิริพงศ์ ระบุว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน ในการดำเนินการระยะนี้จะไม่มีการดึงแอปฯทางรัฐเข้ามา เพราะจะใช้แอปฯเป๋าตังก่อนเท่านั้น

โฆษกรัฐบาล ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบการใช้เงินงบกลางที่เหลือวงเงิน 35,960 ล้านบาท โอนเงินไปให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเป็นการชำระหนี้ตามมาตรา 28 ตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อให้ธนาคารมีสภาพคล่องในการบริหารงานมากขึ้น
นอกจากนี้ ครม.ยังได้อนุมัติงบสนับสนุนตามที่กองทัพขอเพื่อไปใช้ในเรื่องของการป้องกันตามแนวชายแดน จำนวนเงิน 864 ล้านบาท แต่ไม่ขอลงในรายละเอียด ซึ่งเป็นการใช้สำหรับงานของกองทัพ รวมทั้ง ครม.ยังอนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะสำหรับปี 2569 เพื่อให้การดำเนินงานในเรื่องของการจัดการเรื่องงบประมาณเป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่