๑๑
คีรินทร์กับเรนอนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล โดยมีลีออนเฝ้ามองไม่ห่าง ร่างกายทั้งคู่ไร้ร่องรอยบาดแผล ทว่าเหนืออกซ้ายกลับปรากฏตราประทับรูปวงแหวน เส้นรยางค์สีแดงพันเกี่ยวรอบราวพันธนาการที่ผูกวิญญาณของทั้งสองเข้าด้วยกัน
อลัน เอรา และเลโอเดินเข้ามาในห้อง หันมองคนที่อยู่บนเตียงแล้วหันกลับมามองลีออน
ลีออนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า "ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน" หยุดพูดแล้วหันมองคนไข้ของตัวเอง "สองคนนี้คล้ายดั่งมีพลังชีวิตที่เชื่อมโยงกัน พวกท่านดูนี้" ลีออกเปิดเสื้อคีรินทร์และเรให้ทั้งหมดได้ดูตราประทับที่อกซ้าย"
"นั่นคืออะไร" อลันเอ่ยถาม
"ตรารูนเวทชนิดหนึ่ง ข้าไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า มันเรียกว่า พันธทางจิตวิญญาณ ซึ่งหมายความว่า สองคนนี้มีพลังบางอย่างเหมือนกัน หรืออาจมีพลังชีวิตที่พึ่งพากันและกัน" ลีออนกล่าวเสียงราบเรียบ
"หรือว่าจะเป็นอัญมณีโลหิตที่แบ่งครึ่งไปอยู่ในตัวพวกเขา" เลโอพูดขึ้นแล้วหันมามองหน้าอลัน "ท่านเห็นใช่ไหม ลำแสงสีแดงแบบเดียวที่เราเห็นในป่า มันเกิดขึ้นกับคีรินทร์"
อลันขมวดคิ้ว แววตาแสดงความเห็นด้วยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
"อ้อ...พูดถึงอัญมณีโลหิต ข้ามีหนึ่งเรื่องที่เพิ่งนึกออก ข้าเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว" ลีออนพูดขึ้นแล้วลุกจากเก้าอี้ เดินไปดึงกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในมุมอับภายในห้อง ชายแก่เปิดกล่องไม้ แล้วหยิบหนังสือเล่มหนาเก่าคร่ำครึขึ้นมา
ลีออนใช้มือตบฝุ่นที่เกาะเต็มหนังสือ แล้ววางมันลงเป็นเตียงที่ว่าง ใช้มือเปิดหนังสือไปทีละหน้า
ภายในหนังสือคือสมุดภาพเก่าแก่ เป็นภาพวาดที่วาดลงบนหนังสัตว์ บอกเล่าเรื่องราวในอดีต นักรบ อัศวิน การต่อสู้ห้ำหั่น ซากศพสุมกองสูงเฉียดฟ้า
เลือดแดงฉานไหลซึมลงใต้พิภพ หล่อเลี้ยงปีศาจร้าย ใต้ดินให้ดื่มกิน พวกมันหลุดพ้นจากการหลับใหลมานานชั่วกัปชั่วกัลป์ ร่างชั่วร้ายพากันขยับเคลื่อนไหว และค่อย ๆ โผล่พ้นมาบนพื้นดิน ปีศาจแตกกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เข่นฆ่ามนุษย์อย่างโหดร้ายป่าเถื่อน
พละกำลังของมนุษย์ธรรมดามิอาจต่อกรกับปีศาจได้ เทพแห่งสงครามจึงปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์ โดยมีหอกทองคู่กายแกว่งสะบัดกวาดล้างปีศาจ
และในขณะนั้นจอมปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นเดียวกัน มันรูปร่างสูงใหญ่มหึมา ผิวกายแดงก่ำ เขี้ยวแหลมคม และเขางอกยาวราวเคียวยักษ์พยัคฆ์ร้าย มันส่งเสียงขู่คำรามกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน
เทพแห่งสงครามและจอมปีศาจห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง แผ่นดินแตกระแหง เปลวเพลิงลุกโหมท่วมทั่วทุกหน ทุกสิ่งรอบการต่อสู้พังพินาศย่อยยับ การประมือกินเวลายาวนานกว่าสิบวันเต็ม
เทพแห่งสงครามโลหิตหลั่งรินรดแผ่นดิน จึงได้ลั่นวาจาว่า 'โลหิตแห่งข้าจงไปสถิตกับมนุษย์ผู้กล้าแกร่งไว้ใช้ต่อกรกับปีศาจสืบต่อไป มอบพลังเหนือมนุษย์ให้พวกเขาเหล่านั้น และขนานนามพวกเขาว่า นักล่าปีศาจ'
โลหิตแดงผุดผ่องแตกพุ่งออกจากตัวเทพแห่งสงครามแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ
'เมื่อข้าสังหารเจ้าไม่ได้ข้าจะผนึกเจ้าด้วยโลหิตของข้า'
เทพแห่งสงครามใช้โลหิตทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกายผนึกจอมปีศาจไว้ ส่งมันกลับลงไปใต้พิภพ เทพแห่งสงครามกระอักโลหิตหยดสุดท้ายออกมาเป็นอัญมณีแดงฉาน
'โลหิตหยดสุดท้ายจะปลดผนึกเจ้า และผู้ใดได้ครอบครองมันจะเป็นอมตะ'
เทพแห่งสงครามดีดโลหิตหยดสุดท้ายส่งไปยังดินแดนสรวงสวรรค์ ก่อนที่ร่างจะสลายกลายเป็นหมอกขาวโพลน
"โลหิตหยดสุดท้ายของเทพแห่งสงครามคืออัญมณีโลหิต" เอราโพล่งขึ้น เสียงสั่นพร่า
"ใช่" ลีออนรับคำทันควัน น้ำเสียงเรียบเย็น
เลโอขมวดคิ้ว หันมาทางอลัน "พวกมันต้องการอัญมณีโลหิต เพื่อปลดผนึกจอมปีศาจ"
"ก็ใช่อีกนั่นแหละ" ลีออนเอ่ยต่อ แววตาจับจ้องเด็กทั้งสองบนเตียง
เอราใบหน้าเคร่งเครียด เดินวนไปมาไม่หยุด "และตอนนี้...อัญมณีโลหิตเลือกอยู่กับเด็กสองคนนี้" นางหยุดก้าว หันกลับมาสบตาพวกพ้อง "พวกมันจะมาเอาตัวพวกเขาไปแน่"
อลันที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอด พลันโพล่งขึ้นเสียงห้าว
"พวกมันจะไม่มีวันได้ตัวสองคนนี้ไป" แววตาแข็งกร้าวจ้องตรงไปยังเอราดั่งคำมั่น
ลีออนถอนหายใจหนักหน่วง "ข้ามีเรื่องหนึ่งจะบอกพวกท่าน พลังของเรทำตรารูนร้าวไปหนึ่งแผ่น ข้าอาจยังซ่อมได้ แต่สภาพจะไม่สมบูรณ์นัก... นั่นหมายความว่าม่านเกราะอาจแตกได้ทุกเมื่อ"
ห้องทั้งห้องพลันเงียบงัน ความเคร่งเครียดกดทับทุกลมหายใจ จนกระทั่งเสียงร้องแหลมของลิลิธดังแทรก ทำให้ทุกคนสะดุ้งตื่นจากภวังค์
เหยี่ยวสาวบินมาเกาะแขนเอรา นางรีบเอ่ยบอก "ลิลิธเห็นปีศาจจำนวนหนึ่งวนเวียนใกล้ป้อม"
"พวกมันรับรู้พลังที่ซ่อนอยู่แถวนี้แล้ว" ลีออนกล่าว น้ำเสียงเย็นเยียบ
"ข้าจะออกไปจัดการมันเอง" อลันก้าวออกมาอาสาทันที
"เดี๋ยวก่อน" เอราเอ่ยขัด เสียงทุ้มหนักแน่น "ท่านต้องอยู่ในป้อมจนกว่าจะใช้พลังอัคคีได้"
อลันหันมามองด้วยแววตาไม่พอใจ แต่เอราไม่ปล่อยให้เถียงซ้ำ เน้นเสียงเด็ดขาด "นี่เป็นคำสั่ง"
นางหันไปมองเลโอ "ท่านออกไปจัดการพวกมัน...ลิลิธตามเลโอไป"
เลโอพยักหน้าสั้น ๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไป ประตูไม้หนักปิดครืนตามหลัง ทิ้งความกดดันถาโถมเอาไว้ภายในห้อง โดยมีลิลิธบินนำหน้า
"ท่านให้เหยี่ยวไปเป็นคู่หูเลโอแทนข้า" อลันโพล่งดังลั่นห้อง
"เงียบน่า" เอราโบกมืออย่างรำคาญ และเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายหยุดพูด
........
นักล่าปีศาจ ๑๑
๑๑
คีรินทร์กับเรนอนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล โดยมีลีออนเฝ้ามองไม่ห่าง ร่างกายทั้งคู่ไร้ร่องรอยบาดแผล ทว่าเหนืออกซ้ายกลับปรากฏตราประทับรูปวงแหวน เส้นรยางค์สีแดงพันเกี่ยวรอบราวพันธนาการที่ผูกวิญญาณของทั้งสองเข้าด้วยกัน
อลัน เอรา และเลโอเดินเข้ามาในห้อง หันมองคนที่อยู่บนเตียงแล้วหันกลับมามองลีออน
ลีออนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า "ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน" หยุดพูดแล้วหันมองคนไข้ของตัวเอง "สองคนนี้คล้ายดั่งมีพลังชีวิตที่เชื่อมโยงกัน พวกท่านดูนี้" ลีออกเปิดเสื้อคีรินทร์และเรให้ทั้งหมดได้ดูตราประทับที่อกซ้าย"
"นั่นคืออะไร" อลันเอ่ยถาม
"ตรารูนเวทชนิดหนึ่ง ข้าไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า มันเรียกว่า พันธทางจิตวิญญาณ ซึ่งหมายความว่า สองคนนี้มีพลังบางอย่างเหมือนกัน หรืออาจมีพลังชีวิตที่พึ่งพากันและกัน" ลีออนกล่าวเสียงราบเรียบ
"หรือว่าจะเป็นอัญมณีโลหิตที่แบ่งครึ่งไปอยู่ในตัวพวกเขา" เลโอพูดขึ้นแล้วหันมามองหน้าอลัน "ท่านเห็นใช่ไหม ลำแสงสีแดงแบบเดียวที่เราเห็นในป่า มันเกิดขึ้นกับคีรินทร์"
อลันขมวดคิ้ว แววตาแสดงความเห็นด้วยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
"อ้อ...พูดถึงอัญมณีโลหิต ข้ามีหนึ่งเรื่องที่เพิ่งนึกออก ข้าเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว" ลีออนพูดขึ้นแล้วลุกจากเก้าอี้ เดินไปดึงกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในมุมอับภายในห้อง ชายแก่เปิดกล่องไม้ แล้วหยิบหนังสือเล่มหนาเก่าคร่ำครึขึ้นมา
ลีออนใช้มือตบฝุ่นที่เกาะเต็มหนังสือ แล้ววางมันลงเป็นเตียงที่ว่าง ใช้มือเปิดหนังสือไปทีละหน้า
ภายในหนังสือคือสมุดภาพเก่าแก่ เป็นภาพวาดที่วาดลงบนหนังสัตว์ บอกเล่าเรื่องราวในอดีต นักรบ อัศวิน การต่อสู้ห้ำหั่น ซากศพสุมกองสูงเฉียดฟ้า
เลือดแดงฉานไหลซึมลงใต้พิภพ หล่อเลี้ยงปีศาจร้าย ใต้ดินให้ดื่มกิน พวกมันหลุดพ้นจากการหลับใหลมานานชั่วกัปชั่วกัลป์ ร่างชั่วร้ายพากันขยับเคลื่อนไหว และค่อย ๆ โผล่พ้นมาบนพื้นดิน ปีศาจแตกกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เข่นฆ่ามนุษย์อย่างโหดร้ายป่าเถื่อน
พละกำลังของมนุษย์ธรรมดามิอาจต่อกรกับปีศาจได้ เทพแห่งสงครามจึงปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์ โดยมีหอกทองคู่กายแกว่งสะบัดกวาดล้างปีศาจ
และในขณะนั้นจอมปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นเดียวกัน มันรูปร่างสูงใหญ่มหึมา ผิวกายแดงก่ำ เขี้ยวแหลมคม และเขางอกยาวราวเคียวยักษ์พยัคฆ์ร้าย มันส่งเสียงขู่คำรามกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน
เทพแห่งสงครามและจอมปีศาจห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง แผ่นดินแตกระแหง เปลวเพลิงลุกโหมท่วมทั่วทุกหน ทุกสิ่งรอบการต่อสู้พังพินาศย่อยยับ การประมือกินเวลายาวนานกว่าสิบวันเต็ม
เทพแห่งสงครามโลหิตหลั่งรินรดแผ่นดิน จึงได้ลั่นวาจาว่า 'โลหิตแห่งข้าจงไปสถิตกับมนุษย์ผู้กล้าแกร่งไว้ใช้ต่อกรกับปีศาจสืบต่อไป มอบพลังเหนือมนุษย์ให้พวกเขาเหล่านั้น และขนานนามพวกเขาว่า นักล่าปีศาจ'
โลหิตแดงผุดผ่องแตกพุ่งออกจากตัวเทพแห่งสงครามแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ
'เมื่อข้าสังหารเจ้าไม่ได้ข้าจะผนึกเจ้าด้วยโลหิตของข้า'
เทพแห่งสงครามใช้โลหิตทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกายผนึกจอมปีศาจไว้ ส่งมันกลับลงไปใต้พิภพ เทพแห่งสงครามกระอักโลหิตหยดสุดท้ายออกมาเป็นอัญมณีแดงฉาน
'โลหิตหยดสุดท้ายจะปลดผนึกเจ้า และผู้ใดได้ครอบครองมันจะเป็นอมตะ'
เทพแห่งสงครามดีดโลหิตหยดสุดท้ายส่งไปยังดินแดนสรวงสวรรค์ ก่อนที่ร่างจะสลายกลายเป็นหมอกขาวโพลน
"โลหิตหยดสุดท้ายของเทพแห่งสงครามคืออัญมณีโลหิต" เอราโพล่งขึ้น เสียงสั่นพร่า
"ใช่" ลีออนรับคำทันควัน น้ำเสียงเรียบเย็น
เลโอขมวดคิ้ว หันมาทางอลัน "พวกมันต้องการอัญมณีโลหิต เพื่อปลดผนึกจอมปีศาจ"
"ก็ใช่อีกนั่นแหละ" ลีออนเอ่ยต่อ แววตาจับจ้องเด็กทั้งสองบนเตียง
เอราใบหน้าเคร่งเครียด เดินวนไปมาไม่หยุด "และตอนนี้...อัญมณีโลหิตเลือกอยู่กับเด็กสองคนนี้" นางหยุดก้าว หันกลับมาสบตาพวกพ้อง "พวกมันจะมาเอาตัวพวกเขาไปแน่"
อลันที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอด พลันโพล่งขึ้นเสียงห้าว
"พวกมันจะไม่มีวันได้ตัวสองคนนี้ไป" แววตาแข็งกร้าวจ้องตรงไปยังเอราดั่งคำมั่น
ลีออนถอนหายใจหนักหน่วง "ข้ามีเรื่องหนึ่งจะบอกพวกท่าน พลังของเรทำตรารูนร้าวไปหนึ่งแผ่น ข้าอาจยังซ่อมได้ แต่สภาพจะไม่สมบูรณ์นัก... นั่นหมายความว่าม่านเกราะอาจแตกได้ทุกเมื่อ"
ห้องทั้งห้องพลันเงียบงัน ความเคร่งเครียดกดทับทุกลมหายใจ จนกระทั่งเสียงร้องแหลมของลิลิธดังแทรก ทำให้ทุกคนสะดุ้งตื่นจากภวังค์
เหยี่ยวสาวบินมาเกาะแขนเอรา นางรีบเอ่ยบอก "ลิลิธเห็นปีศาจจำนวนหนึ่งวนเวียนใกล้ป้อม"
"พวกมันรับรู้พลังที่ซ่อนอยู่แถวนี้แล้ว" ลีออนกล่าว น้ำเสียงเย็นเยียบ
"ข้าจะออกไปจัดการมันเอง" อลันก้าวออกมาอาสาทันที
"เดี๋ยวก่อน" เอราเอ่ยขัด เสียงทุ้มหนักแน่น "ท่านต้องอยู่ในป้อมจนกว่าจะใช้พลังอัคคีได้"
อลันหันมามองด้วยแววตาไม่พอใจ แต่เอราไม่ปล่อยให้เถียงซ้ำ เน้นเสียงเด็ดขาด "นี่เป็นคำสั่ง"
นางหันไปมองเลโอ "ท่านออกไปจัดการพวกมัน...ลิลิธตามเลโอไป"
เลโอพยักหน้าสั้น ๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไป ประตูไม้หนักปิดครืนตามหลัง ทิ้งความกดดันถาโถมเอาไว้ภายในห้อง โดยมีลิลิธบินนำหน้า
"ท่านให้เหยี่ยวไปเป็นคู่หูเลโอแทนข้า" อลันโพล่งดังลั่นห้อง
"เงียบน่า" เอราโบกมืออย่างรำคาญ และเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายหยุดพูด