"...การฝึกหัดจิต ให้มีสติ ทุกเมื่อ
ส่วนการสำรวมระวังใจ
ถ้าอยู่เฉย ๆ ใจไม่มีเครื่องอยู่ ให้เอาคำบริกรรม อันใดอันหนึ่งมาเป็นเครื่องอยู่ มาเป็นหลักผูกใจเช่น พุทโธ อานาปานสติ
ตามลมหายใจเข้า-ออก ยุบหนอ พองหนอ หรือสัมมาอรหัง ก็ได้
เอาอันนั้น...มาเป็นเครื่องอยู่เสียก่อน นึกคิดอยู่
เสมอ ๆ
จนเป็นอารมณ์ มีสติควบคุมจิต อยู่ตรงนั้นแหละ จิต อยู่ที่ใด
ให้เอาสติไปตั้งไว้ในที่นั่น จึงเรียกว่าควบคุมจิต รักษาจิตที่จะห้ามไม่ให้คิด ไม่ให้นึกนั้น...
ห้ามไม่ได้เด็ดขาด ธรรมดาของจิต มันต้องมีคิด มีนึก
แต่หากมีสติควบคุมจิต อยู่เสมอ
คิดนึกอะไร ก็รู้ตัวอยู่ทุกขณะ เรียกว่าบริกรรมภาวนา
การบริกรรมภาวนานี้ มิใช่ของเลว คนบางคนเข้าใจว่า เป็นของเลว เป็นเบื้องต้น ที่จริง ไม่ใช่เบื้องต้น
ธรรมไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุดหรอก
ธรรมะ อันเดียวกันนั่นแหละ
ถ้าหากสติอ่อนเมื่อไร ก็เป็นเบื้องต้นเมื่อนั้น สติแก่กล้า เมื่อไร ก็เป็นท่ามกลาง และที่สุดเมื่อนั้น คือหมายความว่า
สติคุมจิต อยู่.ทุกขณะจนกระทั่งเป็นมหาสติปัฏฐาน
จะยืน เดิน นั่ง นอน ในอิริยาบถใดๆ ทั้งหมด
มีสติรอบตัว อยู่เสมอ
โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ให้มีสติ แต่มันเป็นของมันเอง สติควบคุมจิตไปในตัว เมื่อมีสติเช่นนั้น
มันก็ไม่เกี่ยวข้องพัวพันกัน กับสิ่งต่าง ๆ
เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ลิ้นลิ้มรสต่าง ๆ
กายได้สัมผัส มันก็เป็นสักแต่ว่า สัมผัส แล้วก็...
หายไป ๆ
ไม่ได้ เอามาเป็นอารมณ์ ไม่เอามาคำนึงถึงใจ อันนั้นเป็นมหาสติแท้ ทีเดียว..."
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
หลวงปู่เทสก์สอนให้ฝึกจิตให้มีสติอยู่เสมอ
ส่วนการสำรวมระวังใจ
ถ้าอยู่เฉย ๆ ใจไม่มีเครื่องอยู่ ให้เอาคำบริกรรม อันใดอันหนึ่งมาเป็นเครื่องอยู่ มาเป็นหลักผูกใจเช่น พุทโธ อานาปานสติ
ตามลมหายใจเข้า-ออก ยุบหนอ พองหนอ หรือสัมมาอรหัง ก็ได้
เอาอันนั้น...มาเป็นเครื่องอยู่เสียก่อน นึกคิดอยู่
เสมอ ๆ
จนเป็นอารมณ์ มีสติควบคุมจิต อยู่ตรงนั้นแหละ จิต อยู่ที่ใด
ให้เอาสติไปตั้งไว้ในที่นั่น จึงเรียกว่าควบคุมจิต รักษาจิตที่จะห้ามไม่ให้คิด ไม่ให้นึกนั้น...
ห้ามไม่ได้เด็ดขาด ธรรมดาของจิต มันต้องมีคิด มีนึก
แต่หากมีสติควบคุมจิต อยู่เสมอ
คิดนึกอะไร ก็รู้ตัวอยู่ทุกขณะ เรียกว่าบริกรรมภาวนา
การบริกรรมภาวนานี้ มิใช่ของเลว คนบางคนเข้าใจว่า เป็นของเลว เป็นเบื้องต้น ที่จริง ไม่ใช่เบื้องต้น
ธรรมไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุดหรอก
ธรรมะ อันเดียวกันนั่นแหละ
ถ้าหากสติอ่อนเมื่อไร ก็เป็นเบื้องต้นเมื่อนั้น สติแก่กล้า เมื่อไร ก็เป็นท่ามกลาง และที่สุดเมื่อนั้น คือหมายความว่า
สติคุมจิต อยู่.ทุกขณะจนกระทั่งเป็นมหาสติปัฏฐาน
จะยืน เดิน นั่ง นอน ในอิริยาบถใดๆ ทั้งหมด
มีสติรอบตัว อยู่เสมอ
โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ให้มีสติ แต่มันเป็นของมันเอง สติควบคุมจิตไปในตัว เมื่อมีสติเช่นนั้น
มันก็ไม่เกี่ยวข้องพัวพันกัน กับสิ่งต่าง ๆ
เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ลิ้นลิ้มรสต่าง ๆ
กายได้สัมผัส มันก็เป็นสักแต่ว่า สัมผัส แล้วก็...
หายไป ๆ
ไม่ได้ เอามาเป็นอารมณ์ ไม่เอามาคำนึงถึงใจ อันนั้นเป็นมหาสติแท้ ทีเดียว..."
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย