วิธีหาจิตผู้รู้...

อารมณ์ กับจิตผู้รู้
"วิธีหาจิตผู้รู้ 
ถ้าผู้ภาวนาอานาปานสติ
เอาลมเป็นคำบริกรรมว่าอานาปานสติๆๆ..
กลั้นลมหายใจ
แล้วค่อยๆ ระบายลมนั้นออกมา 
แล้วกลั้นลมหายใจนั้นใหม่ แล้วค่อยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ดังนี้ สักสองสามหน
แล้วกำหนดเอาต้นลม 
ที่มันจะหายใจออกนั้น 
ก็จะจับเอาจิตของตนได้เลย
แล้วจะปล่อยวางอาการทุกอย่างของลม 
จับเอาแต่จิตตัวเดียว 
เป็นอันว่าฝึกหัดอานาปานสติกรรมฐานได้แล้ว
การหัดทำสมาธิโดยใช้คำบริกรรมทุกๆอย่าง 
ไม่ว่าพุทโธๆๆ..
อะระหังๆๆ สัมมาอะระหังๆ ยุบหนอพองหนอๆๆ 
อานาปานสติๆๆ..
หรือมรณังๆๆ ก็ตาม 
ความประสงค์ ก็ต้องการให้จิตรวมลงเป็นสมาธิจิตแน่วแน่รวมเป็นอันเดียว เหมือนกันทั้งนั้น
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
-------------------------------------------------------‐--------------
"ตอนนี้มันเป็นอัตตาเสียก่อน 
อย่าเพิ่งเป็นอนัตตาก่อนเลย ให้เห็นอัตตา
ชัดแน่เสียก่อน
เราปฏิบัติอัตตา ไปหาอนัตตา
อย่างตัวเรานี้ เราถือว่า...เรา
เมื่อพิจารณากันจริงจังแล้ว มันไม่มีสาระ
อะไรเลย 
แล้วปล่อยมันเสีย
ถึงแม้ผู้รู้นั้น...ก็หาสาระอะไรไม่ได้
รู้สักแต่ ว่า...
รู้เฉยๆ แล้วก็เที่ยวไปรู้นั่น รู้นี่
หาสาระ ไม่ได้."
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
-------------------------------------------------------------
-พุทโธ วิปัสสนา
"จิต อยู่...ที่อาการรับรู้เพียงอย่างเดียว
ในคำภาวนา "พุทโธ" แล้วนั้น
แสดงว่า จิต เป็นเอกัคคตารมณ์แล้ว
ก็ให้รีบใช้จิตพิจารณา
ถึงความไม่เที่ยง ในสิ่งทั้งปวงทั้งรูปขันธ์ 
และนามธรรม จนจิตละเอียดดีพอ
ก็จะมีปัญญารับรู้ ถึงความเป็นอนัตตาได้
ตัวปัญญา...
จะเกิดขึ้น และตัวรู้จะทำให้เราเข้าใจ
ในทุกสิ่งได้เอง."
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
---------------------------------------------------------------------
"จิตรวมแบบสมาธิ(สัมมาสมาธิ)
ภวังคุปัจเฉทะ นั้นตัดขาดเสียซึ่งอารมณ์ทั้งปวงไม่มีเหลือ แม้แต่...ผู้รู้ ก็ไม่ปรากฏ 
บางท่านที่สติอ่อน ย่อม นอนหลับไปเลย ก็มี
ภวังคุบาท ได้แก่ผู้ได้ ปฐมฌาน
ภวังคจารณะ ได้แก่ผู้ได้ ทุติยฌาน 
และตติยฌาน
ภวังคุปัจเฉทะ ได้แก่ผู้ได้ จตุตฺถฌาน
ฌาน แปลว่า เพ่ง 
คือ เพ่งอารมณ์กัมมัฏฐานที่ตนต้องการ
อยากจะให้เป็นไปตามปรารถนา ของตน 
ดังอธิบายแล้วเบื้องต้น นี้เรียกว่า กสิณ 
ไม่ต้องพิจารณา ให้เห็นตามเป็นจริง ก็ได้
สมาธิ...
คือ ทำจิตให้สงบแน่วแน่เป็นอารมณ์อันเดียวเหมือนกับฌาน 
แต่มีการพิจารณา ให้เห็นตามเป็นจริง 
มันเป็นจริงอย่างไร ก็ให้เห็นตามเป็นจริงอย่างนั้น ไม่ต้องให้เกิดปฏิภาค เช่น นึกคำบริกรรม
ว่า พุทโธๆ เป็นต้น
เพื่อให้จิตรวมเข้ามา อยู่...
ในที่เดียวแล้ว พิจารณา พุทโธ นั้น...
ให้เห็นว่า มีคุณวิเศษอย่างไร
และใครเป็นผู้ว่าพุทโธนั้น และอยู่ ณ ที่ไหน 
ให้เห็นชัดลงไปตามเป็นจริง 
เมื่อเห็นชัดลงไปแล้ว จะเกิดความอิ่มเอิบในใจ เพลินอยู่กับความรู้ของตนนั้น...
ใจ จะไม่ส่งออกไปภายนอก และใจจะนิ่งแน่ว
เป็นอารมณ์อันเดียว
สมาธินี้
จิต จะไม่ปรุงแต่งให้เป็นอสุภเหมือนกับฌาน
หรือกสิณ แต่เห็นตามเป็นจริงในสิ่งนั้นๆ...
จิต รวมลงได้เหมือนกัน แต่ไม่ส่งใน คงที่ อยู่...
ที่ใจแห่งเดียว."
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
---------------------------------------------------------------------
https://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_thes/lp-thes_18.htm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่