ตรวจหลอดเลือดหัวใจแบบไหน … ที่ใช่สำหรับคุณ

ในยุคปัจจุบัน โรคหลอดเลือดหัวใจถือเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมาก หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังมีความเสี่ยง
เนื่องจากอาการเริ่มต้นของโรคหัวใจมักไม่ชัดเจน การเข้ารับการ ตรวจหัวใจ และ ตรวจหลอดเลือดหัวใจ 
จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยค้นหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้ idea ตรวจหลอดเลือดหัวใจแบบไหน … ที่ใช่สำหรับคุณ idea

 

        การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test; EST)
              EST หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “การวิ่งสายพาน” เป็นวิธีที่ใช้กันมายาวนานและได้รับความนิยม
              ♥ หลักการ: เดินหรือวิ่งบนสายพาน ขณะวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เพื่อดูการทำงานของหัวใจเวลามีภาระ
              ♥ จุดเด่น: รวดเร็ว ราคาประหยัด ไม่เจ็บตัว เหมาะสำหรับการคัดกรองเบื้องต้น
              ♥ ข้อจำกัด: หากผู้ป่วยออกกำลังกายไม่ไหวหรือมีโรคข้อเข่า อาจไม่สามารถทำได้
              ♥ เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการตรวจเช็กความฟิตของหัวใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง โรคหลอดเลือดหัวใจ ต่ำถึงปานกลาง
           Tip: EST ช่วยคัดกรองเบื้องต้น แต่หากพบความผิดปกติ แพทย์มักแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติมที่ละเอียดกว่า
 

       CT Calcium Score (ตรวจหาคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ)
              CT Calcium Score เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีอาการ แต่กังวลเพราะมีปัจจัยเสี่ยง
              ♥ หลักการ: ใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ตรวจหาคราบหินปูนที่สะสมในผนังหลอดเลือดหัวใจ
              ♥ จุดเด่น: ใช้เวลาเพียง 10–15 นาที ไม่เจ็บตัว ใช้รังสีน้อย และสามารถประเมินโอกาสเกิดโรคหัวใจได้ล่วงหน้า
              ♥ ข้อจำกัด: ตรวจไม่เห็นคราบไขมันอ่อน (soft plaque) และไม่สามารถระบุการตีบตันที่แท้จริงได้
              ♥ เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง สูบบุหรี่ หรือมีประวัติครอบครัวเป็น โรคหลอดเลือดหัวใจ
              Tip: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตัดสินใจว่าจะใช้ยาลดไขมัน (Statin) หรือไม่
 

      การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Coronary CT Angiography)
             Coronary CT Angiography เป็นการตรวจที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเห็นภาพได้ชัดเจน
             ♥ หลักการ: ใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ร่วมกับสารทึบรังสี เพื่อสร้างภาพสามมิติของหลอดเลือดหัวใจ
             ♥ จุดเด่น: ให้ความแม่นยำสูง สามารถเห็นโครงสร้างและตำแหน่งการตีบตันได้อย่างละเอียด ใช้เวลาไม่นาน
             ♥ ข้อจำกัด: มีการใช้รังสีและสารทึบแสง ผู้ที่มีไตเสื่อม หรือแพ้สารทึบแสงอาจไม่เหมาะสม
             ♥ เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีอาการสงสัยโรคหัวใจ แต่ยังอยู่ในระดับความเสี่ยงน้อยถึงปานกลาง
            Tip: การตรวจนี้มักเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความชัดเจน โดยไม่ต้องเข้าขั้นตอนการสวนหัวใจทันที
 

     การตรวจหัวใจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Cardiac MRI)
            Cardiac MRI ถือเป็นการตรวจขั้นสูง ที่ไม่ใช้รังสี จึงปลอดภัยสำหรับหลายกลุ่มผู้ป่วย
            ♥ หลักการ: ใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุสร้างภาพหัวใจอย่างละเอียด
            ♥ จุดเด่น: ตรวจดูได้ทั้งโครงสร้าง การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ภาวะหัวใจขาดเลือด หรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
            ♥ ข้อจำกัด: ใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายสูง และไม่เหมาะกับผู้ที่มีโลหะฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
            ♥ เหมาะกับใคร: ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง หรือผู้ที่แพ้สารทึบแสงจากการตรวจ CT
          Tip: หากแพทย์สงสัยกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับพังผืดในหัวใจ มักเลือก MRI เป็นอันดับแรก
 

    การสวนหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiography; CAG)
          CAG หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “การสวนหัวใจ” เป็นวิธีมาตรฐานสูงสุดในการดูการตีบตัน
          ♥ หลักการ: ใส่สายสวนผ่านหลอดเลือดไปยังหัวใจ และฉีดสารทึบแสงเพื่อดูหลอดเลือดโดยตรง
          ♥ จุดเด่น: เห็นการตีบตันได้แม่นยำที่สุด และสามารถรักษาทันที เช่น ขยายบอลลูนหรือใส่ขดลวด
          ♥ ข้อจำกัด: มีความเสี่ยงจากการแพ้สารทึบแสง ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ
          ♥ เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกชัดเจน รุนแรง หรือผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องการการรักษาทันที
         Tip: แม้จะเป็นการตรวจที่มีความเสี่ยง แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ทันท่วงที

ความรู้เพิ่มเติม
https://www.thonburihospital.com/specialisecenter/heart-center/

lovelovelove
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่