จากการที่อยู่คุกมานานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากนักโทษหลากหลายเรือนจำที่ย้ายมาอยู่ร่วมกัน จะมาให้คำตอบที่คนดูข่าวและมักสงสัยว่าคุกมี VIP หรือไม่?
(ภาพจากข่าว)
ผมเคยอยู่คุกมา 10 ปี และเคยโพสต์เล่าประสบการณ์ไปในกระทู้ก่อนว่า การติดคุกความทุกข์ไม่เกี่ยวกับความสบายแต่มันคือการจำกัดอิสรภาพ นี่คือโทษที่เราได้รับ การไม่มีข้าวกินแต่อิสระนอนใต้สะพานยังดีกว่ามีกินแต่ไม่อิสระอยู่ในคุก เวลาของในคุกก็ไม่เหมือนเวลาข้างนอก อยู่ข้างนอกแป๊บๆเดี๋ยวก็หมดวัน สัปดาห์นึงผ่านไปเร็วมาก แต่ข้างในกว่าจะผ่านไปแต่ละชั่วโมงมันยาวนาน เวลา 1 ชั่วโมงเหมือน 1 วัน กว่าจะผ่านแต่สัปดาห์มันนานมาก จะปลงปล่อยวางแค่ไหนก็เครียดอยู่ดี เรื่องห้อง VIP ขอเล่าว่ายุคปัจจุบันไม่มีแล้วแต่คุกยุคเก่ามีจริง สมัยก่อนมีห้องติดแอร์นอนสำหรับคนมีตังและนักการเมือง แต่ราชทัณฑ์ไทยมีการปรับระเบียบเข้มงวดในยุคหลัง เพราะมีการร้องเรียนว่ามีนักโทษถูกเจ้าหน้าที่ละเมิดทำร้ายถูกรีดไถเงิน อันนี้ฟังมาจากเจ้าหน้าที่เล่าเองว่าทำไมยุคหลังถึงเปลี่ยนกฎใหม่หมด นักโทษเราไม่มีปัญหากับเรื่อง VIP เพราะรู้ว่าถึงเขานอนสบายแต่ความทุกข์ความเครียดที่ถูกคุมขังมันเหมือนกันทุกคน และคนรวยๆนี้ก็ชอบแจกจ่ายซื้อของเลี้ยงนักโทษอื่น แต่เรามีปัญหาว่าเจ้าหน้าที่อย่ามาเบียดเบียนเรา ยุคหลังราชทัณฑ์มีกฎห้ามซื้อขายภายในคุก งดบุหรี่งดยาเส้น ห้ามนำเข้าของจากภายนอก การซื้อของต้องซื้อจากในเรือนจำ ใช้สแกนนิ้วจ่ายตังจนชิน พอปล่อยตัวออกมาแรกๆเข้าเซเว่นเกือบเผลอสแกนนิ้วจ่ายตัง!! เดิมทีมีกฎห้ามซื้อของเกินวันละ 300 บาทเพราะกลัวจะมีปัญหาเรื่องสร้างอิทธิพลภายในคุก แต่ตอนหลังเปลี่ยนเป็นไม่เกิน 600 บาท เพราะเรือนจำงบไม่พอต้องหารายได้ ที่ว่าการสร้างอิทธิพลก็คือคนมีตังคือคนใหญ่ในหมู่นักโทษ มันไม่เหมือนกับในหนังที่ชอบสร้างเรื่องราวว่านักโทษมีกลุ่มแก๊งตีกัน ขาใหญ่คือนักเลง มีตุ๋ยรับน้องเด็กหน้าใหม่ พวกนี้คือเรื่องโม้โกหกทั้งนั้นมันหมดไปตั้งแต่ 20-30 มาแล้ว ใหญ่ที่สุดในคุกทุกยุคคือเจ้าหน้าที่ นักโทษมักจะกลัวเจ้าหน้าที่เพราะสามารถหาเรื่องกระทืบหรือใช้ตะบองฟาดได้ทุกเมื่อไม่ค่อยมีใครกล้าร้องเรียนด้วย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หลายคนก็นิสัยไม่ค่อยดีชอบข่มเหงนักโทษ ส่วนนักโทษที่เป็นคนใหญ่ขาใหญ่ในคุกจริงๆคือ นักโทษที่มีการศึกษาเป็นผู้ช่วยงานเจ้าหน้าที่ แล้วก็เหล่าอาแปะอาเจ็ก คนมีตัง นักการเมือง ดารานักร้อง พวกนี้จะมีบริวารรับใช้มากมาย ในคุกเรียกจะกันว่าสมเด็จ เพราะนักโทษเองก็ต้องพึ่งพาของกินของใช้ อาหารคุกมันไม่พออิ่ม กินไปนานๆร่างกายก็ป่วยโทรมขาดสารอาหาร ผมเองก็ทำงานใช้แรงงานมานานก่อนจะพัฒนาความรู้การทำงานจนเจ้าหน้าที่ไว้วางใจว่าไม่เกเรก็ได้เป็นผู้ช่วยงานตอนหลังๆ กินดีขึ้น เมื่อก่อนผู้ช่วยงานมีเงินปันผลจากเรือนจำให้เพราะทำงานให้เรือนจำแต่ยุคผมไม่มีเพราะเรือนจำงบน้อยลง ส่วนพวกสมเด็จนี่แหละคือ VIP ที่สุดแล้วของยุคนี้ แต่ไม่ได้มีห้องพิเศษติดแอร์ นอนเหมือนกับนักโทษทั่วไป ที่ต่างกันคือความเป็นอยู่ส่วนตัว นอนสบายไม่มีใครเบียดใครยุ่ง มีคนซักผ้าล้างจานให้ อีกแบบนึงที่บางคนอยากอยู่แต่บางคนไม่อยากอยู่คือแดนพยาบาลหรือสถานพยาบาล ปกตินักโทษทุกคนต้องมีกองงาน แต่ข้อดีของแดนพยาบาลคือไม่ต้องทำงานใช้แรงงานเพราะเป็นคนป่วย แต่สำหรับหลายคนสถานพยาบาลมันไม่น่าอยู่ ผมเองก็ไม่อยากอยู่เพราะมันต้องไปอยู่กับคนป่วย บางคนป่วยติดเตียงมีฉี่ราดอึราดตามพื้น มีคนบ้าป่วยจิตเวชเต็มไปหมด นักโทษที่ทำงานดีหน่อยก็คือผู้ช่วยงาน อสรจ. หลายเรือนจำสถานพยาบาลเป็นห้องแอร์ ทำงานห้องแอร์อยู่กับหมออยู่กับพยาบาล แต่ต้องแลกกับการทำความสะอาดเช็ดอีเข็ดฉี่คนป่วย ดูแลคนบ้า เพราะงานพวกนี้เจ้าหน้าที่เขาไม่ทำ นักโทษทำแทน เห็นไหมครับว่ามันไม่ได้มีความสบายน่าอยู่เลยตราบที่อยู่ในคุก ว่ากันว่าสบายสุดก็คือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่นักการเมืองหลายคนอยู่กันแหละครับ นักโทษที่เคยไปนอนก็บอกว่าดีกว่าคุกทุกแห่ง ก็คือน่าจะ VIP ที่สุดแล้วของนักโทษแต่มันก็คือคุกอยู่ดีตราบใดที่ถูกจำกัดอิสรภาพ
ในส่วนระหว่างนักโทษกับเจ้าหน้าที่ ต้องบอกว่าไม่ว่าใครจะใหญ่จากไหน เห็นมาหมดแล้วอยู่ข้างนอกเป็นตำรวจหรือลูกตำรวจระดับสูงก็มี เป็นเจ้าของของธุรกิจโรงงาน อยู่ข้างในต้องวางตัวต่ำกว่าเจ้าหน้าที่ทั้งนั้น แต่เจ้าหน้าที่ก็จะวางตัวให้เกียรติระดับนึง สำหรับนักโทษบางเรือนจำจะใช้คำเรียกว่าเจ้าหน้าที่ว่าพี่หรือพ่อถึงจะอายุน้อยกว่าเรา แต่ส่วนมากจะเรียกหัวหน้า ยกเว้นคนที่เป็น ผอ. และ ผบ. ก็จะเรียกตามตำแหน่งแต่ปกตินักโทษทั่วไปจะเข้าไม่ถึงอยู่แล้วยกเว้นผู้ช่วยงานที่ช่วยงานในส่วนนั้น ยกเว้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เจ้าหน้าที่จะเป็นฝ่ายเรียก สส. และนักการเมืองว่าท่าน อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าอย่างกรณีอดีตนายกติดคุกเจ้าหน้าที่จะเรียกยังไง เพราะทั้งผมและนักโทษทุกคนก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกแต่ผมเดาว่าก็คงเรียกว่าท่านเหมือนกัน คงไม่ใช่ศัพท์พ่อขุนรามหรือศัพท์พื้นบ้านกับอดีตนายก แต่ท่านก็คงจะเรียกเจ้าหน้าที่ว่าหัวหน้าเหมือนกัน เพราะอยู่ข้างในเจ้าหน้าที่มีสถานะเป็นหัวหน้างาน นักโทษเป็นลูกน้องในกองงาน
แต่ระเบียบใหม่ที่นักโทษที่ไม่ใช่คดียารอคอยก็น่าจะเป็นการคุมขังนอกเรือนจำ อันนี้อยากบอกว่ามันคือสวรรค์หรือความฝันของนักโทษเลย เพราะอย่างแค่โครงการกำลังใจแบบเรือนจำชั่วคราวไม่มีรั้ว ทำงานปลูกผักขายของ นั่นคือทุกคนต้องการแย่งกันไปอยู่ ไม่ต้องพูดถึงเลยกับการคุมขังที่บ้านหรือที่อื่นนอกเรือนจำแค่ไม่ออกนอกบริเวณมันคือปลดความทุกข์ความเครียดทุกประการของคุกเลย เท่านี้ล่ะครับ แค่อยากแชร์ให้รู้ว่าอย่าพยามติดคุกเลยครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณชอบดูถูกกันว่าติดกันแป๊บเดียวกินฟรีนอนฟรี เพราะ 1 ปีของคนในคุกมันเหมือนเวลา 5 ปี 10 ปีของคนข้างนอก และอยากบอกว่าอย่าเข้าใจว่าคนที่ติดคุกคือคนเลวคนเกเรขายยาอย่างพวกผมอย่างเดียว คนคุกจำนวนมากคือคนธรรมดาทั่วไปแบบคุณแหละครับ มันพลาดติดคุกได้ทุกคนผมเจอมาเยอะแล้ว และในข่าวคุณก็คงเห็นมาเยอะแล้ว
อดีตนักโทษขอเล่าว่า คุกมี VIP หรือไม่
(ภาพจากข่าว)
ผมเคยอยู่คุกมา 10 ปี และเคยโพสต์เล่าประสบการณ์ไปในกระทู้ก่อนว่า การติดคุกความทุกข์ไม่เกี่ยวกับความสบายแต่มันคือการจำกัดอิสรภาพ นี่คือโทษที่เราได้รับ การไม่มีข้าวกินแต่อิสระนอนใต้สะพานยังดีกว่ามีกินแต่ไม่อิสระอยู่ในคุก เวลาของในคุกก็ไม่เหมือนเวลาข้างนอก อยู่ข้างนอกแป๊บๆเดี๋ยวก็หมดวัน สัปดาห์นึงผ่านไปเร็วมาก แต่ข้างในกว่าจะผ่านไปแต่ละชั่วโมงมันยาวนาน เวลา 1 ชั่วโมงเหมือน 1 วัน กว่าจะผ่านแต่สัปดาห์มันนานมาก จะปลงปล่อยวางแค่ไหนก็เครียดอยู่ดี เรื่องห้อง VIP ขอเล่าว่ายุคปัจจุบันไม่มีแล้วแต่คุกยุคเก่ามีจริง สมัยก่อนมีห้องติดแอร์นอนสำหรับคนมีตังและนักการเมือง แต่ราชทัณฑ์ไทยมีการปรับระเบียบเข้มงวดในยุคหลัง เพราะมีการร้องเรียนว่ามีนักโทษถูกเจ้าหน้าที่ละเมิดทำร้ายถูกรีดไถเงิน อันนี้ฟังมาจากเจ้าหน้าที่เล่าเองว่าทำไมยุคหลังถึงเปลี่ยนกฎใหม่หมด นักโทษเราไม่มีปัญหากับเรื่อง VIP เพราะรู้ว่าถึงเขานอนสบายแต่ความทุกข์ความเครียดที่ถูกคุมขังมันเหมือนกันทุกคน และคนรวยๆนี้ก็ชอบแจกจ่ายซื้อของเลี้ยงนักโทษอื่น แต่เรามีปัญหาว่าเจ้าหน้าที่อย่ามาเบียดเบียนเรา ยุคหลังราชทัณฑ์มีกฎห้ามซื้อขายภายในคุก งดบุหรี่งดยาเส้น ห้ามนำเข้าของจากภายนอก การซื้อของต้องซื้อจากในเรือนจำ ใช้สแกนนิ้วจ่ายตังจนชิน พอปล่อยตัวออกมาแรกๆเข้าเซเว่นเกือบเผลอสแกนนิ้วจ่ายตัง!! เดิมทีมีกฎห้ามซื้อของเกินวันละ 300 บาทเพราะกลัวจะมีปัญหาเรื่องสร้างอิทธิพลภายในคุก แต่ตอนหลังเปลี่ยนเป็นไม่เกิน 600 บาท เพราะเรือนจำงบไม่พอต้องหารายได้ ที่ว่าการสร้างอิทธิพลก็คือคนมีตังคือคนใหญ่ในหมู่นักโทษ มันไม่เหมือนกับในหนังที่ชอบสร้างเรื่องราวว่านักโทษมีกลุ่มแก๊งตีกัน ขาใหญ่คือนักเลง มีตุ๋ยรับน้องเด็กหน้าใหม่ พวกนี้คือเรื่องโม้โกหกทั้งนั้นมันหมดไปตั้งแต่ 20-30 มาแล้ว ใหญ่ที่สุดในคุกทุกยุคคือเจ้าหน้าที่ นักโทษมักจะกลัวเจ้าหน้าที่เพราะสามารถหาเรื่องกระทืบหรือใช้ตะบองฟาดได้ทุกเมื่อไม่ค่อยมีใครกล้าร้องเรียนด้วย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หลายคนก็นิสัยไม่ค่อยดีชอบข่มเหงนักโทษ ส่วนนักโทษที่เป็นคนใหญ่ขาใหญ่ในคุกจริงๆคือ นักโทษที่มีการศึกษาเป็นผู้ช่วยงานเจ้าหน้าที่ แล้วก็เหล่าอาแปะอาเจ็ก คนมีตัง นักการเมือง ดารานักร้อง พวกนี้จะมีบริวารรับใช้มากมาย ในคุกเรียกจะกันว่าสมเด็จ เพราะนักโทษเองก็ต้องพึ่งพาของกินของใช้ อาหารคุกมันไม่พออิ่ม กินไปนานๆร่างกายก็ป่วยโทรมขาดสารอาหาร ผมเองก็ทำงานใช้แรงงานมานานก่อนจะพัฒนาความรู้การทำงานจนเจ้าหน้าที่ไว้วางใจว่าไม่เกเรก็ได้เป็นผู้ช่วยงานตอนหลังๆ กินดีขึ้น เมื่อก่อนผู้ช่วยงานมีเงินปันผลจากเรือนจำให้เพราะทำงานให้เรือนจำแต่ยุคผมไม่มีเพราะเรือนจำงบน้อยลง ส่วนพวกสมเด็จนี่แหละคือ VIP ที่สุดแล้วของยุคนี้ แต่ไม่ได้มีห้องพิเศษติดแอร์ นอนเหมือนกับนักโทษทั่วไป ที่ต่างกันคือความเป็นอยู่ส่วนตัว นอนสบายไม่มีใครเบียดใครยุ่ง มีคนซักผ้าล้างจานให้ อีกแบบนึงที่บางคนอยากอยู่แต่บางคนไม่อยากอยู่คือแดนพยาบาลหรือสถานพยาบาล ปกตินักโทษทุกคนต้องมีกองงาน แต่ข้อดีของแดนพยาบาลคือไม่ต้องทำงานใช้แรงงานเพราะเป็นคนป่วย แต่สำหรับหลายคนสถานพยาบาลมันไม่น่าอยู่ ผมเองก็ไม่อยากอยู่เพราะมันต้องไปอยู่กับคนป่วย บางคนป่วยติดเตียงมีฉี่ราดอึราดตามพื้น มีคนบ้าป่วยจิตเวชเต็มไปหมด นักโทษที่ทำงานดีหน่อยก็คือผู้ช่วยงาน อสรจ. หลายเรือนจำสถานพยาบาลเป็นห้องแอร์ ทำงานห้องแอร์อยู่กับหมออยู่กับพยาบาล แต่ต้องแลกกับการทำความสะอาดเช็ดอีเข็ดฉี่คนป่วย ดูแลคนบ้า เพราะงานพวกนี้เจ้าหน้าที่เขาไม่ทำ นักโทษทำแทน เห็นไหมครับว่ามันไม่ได้มีความสบายน่าอยู่เลยตราบที่อยู่ในคุก ว่ากันว่าสบายสุดก็คือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่นักการเมืองหลายคนอยู่กันแหละครับ นักโทษที่เคยไปนอนก็บอกว่าดีกว่าคุกทุกแห่ง ก็คือน่าจะ VIP ที่สุดแล้วของนักโทษแต่มันก็คือคุกอยู่ดีตราบใดที่ถูกจำกัดอิสรภาพ
ในส่วนระหว่างนักโทษกับเจ้าหน้าที่ ต้องบอกว่าไม่ว่าใครจะใหญ่จากไหน เห็นมาหมดแล้วอยู่ข้างนอกเป็นตำรวจหรือลูกตำรวจระดับสูงก็มี เป็นเจ้าของของธุรกิจโรงงาน อยู่ข้างในต้องวางตัวต่ำกว่าเจ้าหน้าที่ทั้งนั้น แต่เจ้าหน้าที่ก็จะวางตัวให้เกียรติระดับนึง สำหรับนักโทษบางเรือนจำจะใช้คำเรียกว่าเจ้าหน้าที่ว่าพี่หรือพ่อถึงจะอายุน้อยกว่าเรา แต่ส่วนมากจะเรียกหัวหน้า ยกเว้นคนที่เป็น ผอ. และ ผบ. ก็จะเรียกตามตำแหน่งแต่ปกตินักโทษทั่วไปจะเข้าไม่ถึงอยู่แล้วยกเว้นผู้ช่วยงานที่ช่วยงานในส่วนนั้น ยกเว้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เจ้าหน้าที่จะเป็นฝ่ายเรียก สส. และนักการเมืองว่าท่าน อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าอย่างกรณีอดีตนายกติดคุกเจ้าหน้าที่จะเรียกยังไง เพราะทั้งผมและนักโทษทุกคนก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกแต่ผมเดาว่าก็คงเรียกว่าท่านเหมือนกัน คงไม่ใช่ศัพท์พ่อขุนรามหรือศัพท์พื้นบ้านกับอดีตนายก แต่ท่านก็คงจะเรียกเจ้าหน้าที่ว่าหัวหน้าเหมือนกัน เพราะอยู่ข้างในเจ้าหน้าที่มีสถานะเป็นหัวหน้างาน นักโทษเป็นลูกน้องในกองงาน
แต่ระเบียบใหม่ที่นักโทษที่ไม่ใช่คดียารอคอยก็น่าจะเป็นการคุมขังนอกเรือนจำ อันนี้อยากบอกว่ามันคือสวรรค์หรือความฝันของนักโทษเลย เพราะอย่างแค่โครงการกำลังใจแบบเรือนจำชั่วคราวไม่มีรั้ว ทำงานปลูกผักขายของ นั่นคือทุกคนต้องการแย่งกันไปอยู่ ไม่ต้องพูดถึงเลยกับการคุมขังที่บ้านหรือที่อื่นนอกเรือนจำแค่ไม่ออกนอกบริเวณมันคือปลดความทุกข์ความเครียดทุกประการของคุกเลย เท่านี้ล่ะครับ แค่อยากแชร์ให้รู้ว่าอย่าพยามติดคุกเลยครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณชอบดูถูกกันว่าติดกันแป๊บเดียวกินฟรีนอนฟรี เพราะ 1 ปีของคนในคุกมันเหมือนเวลา 5 ปี 10 ปีของคนข้างนอก และอยากบอกว่าอย่าเข้าใจว่าคนที่ติดคุกคือคนเลวคนเกเรขายยาอย่างพวกผมอย่างเดียว คนคุกจำนวนมากคือคนธรรมดาทั่วไปแบบคุณแหละครับ มันพลาดติดคุกได้ทุกคนผมเจอมาเยอะแล้ว และในข่าวคุณก็คงเห็นมาเยอะแล้ว