
(1) Trời ơi (2024) Director By Louise Lan
- ความธรรมดาที่เข้าถึงได้จากการมุงดูแสงสีจากตัวพลุที่จุดกันสนั่นฟ้าอย่างต่อเนื่องในคืนเทศกาลเต็ดของเวียดนาม มักจะมีความพิเศษใส่ไข่ภายใต้บรรยากาศอภิรมย์ชมชื่นนั่นคือการที่คนดูอย่างเราได้มีส่วนร่วมเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เสมือนเป็นเวียดนามมุงดูอย่างพร้อมใจกันโดยมิได้นัดหมายเลยสักคำ ระหว่างจ้องมองดูพลุที่จุดต่อไปไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรา สายตาก็ได้ไปเห็นสิ่งมีชีวิตนึงที่ดูแปลกกว่าชาวบ้านที่กำลังโดนสะกดจิตหมู่นั่นคือน้อนหมาที่นั่งซ้อนท้ายอยู่บนเบาะนายทาสที่ยังคงจ้องมองพลุต่อไปด้วยความแน่วแน่จนกระทั่งค่อย ๆ ได้ยินเสียงดังขึ้นผ่านสีหน้าของน้อนทีกำลังส่ง Sign อะไรบางอย่างให้ผมรับรู้และเพิ่งมาเห็นเอาช่วงใกล้จะจากและคาดการณ์ได้ว่าคงนั่งแช่อยู่แบบนี้ตั้งแต่แรกเลยว่า นุด ๆ พวกนุดจะกลับกี่โมง ? กู หิว !!

(2) 31 5 (2023) Director By Daniel Jacoby
- ชอบตรงที่ใช้วันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นวันเกิดของตัวผู้กำกับหรือเปล่า ? มาเป็นตัวดำเนินเรื่องที่สังเกตุระหว่างดูว่ามีส่วนผสมความเป็นหนังสารคดีในส่วนของการบันทึกเหตุการณ์ตามหน้าประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในเปรูตั้งแต่ปี 1989 ไล่มาจนถึงปี 2021 กับความเป็นอัตชีวประวัติของตัวผู้กำกับด้วยภาพถ่ายที่ขุดกันมาโชว์ตั้งแต่เกิดยันแต่งงานมีเมียและลูกนำมาร้อยที่ไม่ได้เรียงตาม Timeline ทุกกระเบียดนิ้วโดยมีคำบรรยายจากเสียงและตัวอักษรใต้ภาพในเชิงศึกษาทดลองตามใจฉันจนผมรับมือกับ Details ที่ประเคนมาอย่างกระหน่ำ Summer Sale ไม่ทันแล้วว่ากำลังพล่ามถึงอะไร ? แต่ยังพอคลำทางได้นิด ๆ เหมือนเรากำลังค้นหาข้อมูลในเว็บ Wikipedia ทบทวนความหลังด้วยความคิดถึง , ย้ำเตือนความทรงจำ หรือ เป็นกรณีศึกษาก็สุดแท้แต่ที่มองว่าเป็นวิธีการนำเสนอที่แปลกตาและเป็นเอกลักษณ์ต่อการสื่อความนัยทางแนวคิดของระบอบดี แม้จะติอยู่ตอนช่วงท้ายที่จู่ ๆ ก็ใส่ลูกบ้าด้วย Visuals ล้ำขั้นสุดที่นอกจากทำให้ผมมึนหัวแล้วตัวเรื่องที่ปูมาทั้งมวลดูโดดออกไปอย่างเห็นได้ชัด

(3) Agent of Decay (2566) กำกับโดย จักรวาล นิลธำรงค์
- ขณะกำลังทำความเข้าใจกับภาพวาดที่สง่าแต่อุดมไปด้วยสัญญะเคลื่อนไหวตามจังหวะการตัดต่อในเชิง Abstract จู่ ๆ ตัวหนังได้เตะขาปลั๊กด้วยการใส่ Visual ด้วย Effects สุดล้ำเกินคำบรรยายที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงก่อนเพราะกูก็กำลังสตั๊นท์กับการบริการแบบสายฟ้าแล่บอยู่จู่โจมประสาทสัมผัสพร้อมกับ Sounds ที่ฟังไม่ได้ศัพท์แต่แสบแก้วหูชิหายเหมือนกำลังถูก Star Platinum แสตนด์ของโจทาโร่ลากตัวแล้วสาวหมัด โอร่า ใส่ผมรัว ๆ กลางอากาศไปทุกมิติที่ภาพปรากฎจนเกือบน็อคแต่ยังประคองสติกลับมาได้อยู่ แม้ในหัวจะจำ Details ที่ส่งมาตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เลยว่าไอ้ที่พล่ามมาแต่ต้นพูดถึงอะไรบ้าง ?

(4) Single File (2023) Director By Simon Liu
- ผลของ Effects จากเรื่องที่ 3 ที่ส่งอานุภาพมาอย่างรุนแรงก็สะสมมาถึงเรื่องนี้ที่ผมเพิ่งทราบหลังจากดูจบทั้งหมดด้วยความตกใจว่า อ้าวเฮ้ย ! ผ่านไปตอนไหนวะ ? ไม่เห็นรู้เรื่อง ทั้งที่กูก็นั่งจ้องตาไม่กะพริบ ไม่ได้วูบหลับ แถมยังนั่งนับนิ้วในใจทุกนาทีว่าขณะนี้ Run ไปถึงไหนแล้ว ?

(5) Notes of a Crocodile (2024) Director By Daphne Xu
- แล้วผลของ Effect จากเรื่องที่ 3 ก็สัมฤทธิ์ผลจนได้หลังจากที่หนังมาเปลี่ยน way กระทันหันเอาตอนกลางเรื่อง จากที่ช่วงแรก ๆ กำลังลุ้นหน้างานอยู่กับการออกตามหาเพื่อนของหญิงสาวชาวจีนที่หายตัวไปในพนมเปญด้วยความระทึกจากการถ่ายด้วยมุมกล้องในลักษณะ Handheld ที่ส่งกลิ่นอายแบบ Analog Crime ตามติดสถานการณ์ทุกฝีก้าวตั้งแต่ย่างขาออกจากสนามบิน ถามคนตอบปลา เดินเตร่ชมรอบเมืองที่ผมคิดว่าอยู่กรุงเทพเมื่อดันไปเห็นสะพาน ๆ นึงที่หน้าตาเหมือนกับสะพานบ้านเราอย่างกะแกะจนพอผ่านการจ่าหัวตอนกลางทางจนเผลอนึกถึงเรื่อง Drive My Car (2021) ลอยเข้ามาในหัวฉากปุ๊ปตัวหนังได้เปลี่ยนไปที่งหน้าของน้อนจระเข้ที่กำลังนอนแช่น้ำอยู่ในบึงอย่างกะดูสารคดีสัตว์โลกผู้น่ารักที่ผมเอะใจกับการเปลี่ยน way ว่าจะใส่เข้ามาทำไม ? และตระหนักในนาทีต่อมาว่ากำลังจะสื่อตามชื่อที่จ่าไว้นี่แหล่ะจนกระทั่งเลื่อนมาเห็นหน้าสาวคนนึงปุ๊ปเท่านั้นแหล่ะสติของผมก็เป็นอันวูบไปตามระเบียบเหมือนถูกไม้หน้าสามฟาดเข้าที่หน้าอย่างแรงเกิดเลยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ?

(6) Track_ing (2024) Director By LEE Chan-Yeol, Hanna Cho, Samgar Rakym, Ali Tynybekov
- มาตื่นขึ้นเอาตอนที่เห็นบรรยากาศภายในรถไฟขบวนหนึ่งที่ไม่รู้เริ่มวิ่งมาจากไหน ? จะไปที่ไหน ? กระทั่ง Run ไปก่อนหน้านี้แล้วกี่นาที ขณะกำลังอ๊อง ๆ จู่ ๆ ก็ได้มีชุดกล่องสีฟ้าขนาด 500*500 Pixels ปรากฎขึ้นกลางจอบังทัศนียภาพที่กำลัง Continue ในขณะนั้นก็ได้มี 4 เหลี่ยมจัตุรัสสีเหลืองกำลังแสกนวัตถุที่กูหมายตาในรถไฟขบวนนี้แล้วทำการประมวลผลด้วยคำบรรยายใต้ภาพเป็นหางว่าวก็คิดในใจว่า กำลังขึ้น End Credit พอเสร็จพิธีปุ๊ปกลายเป็นว่าหนังยังพาเราสำรวจอาณาบริเวณภายในรถไฟแล้วชำเหลืองไปมองดูบรรยากาศรอบนอกอยู่ไม่ไปไหน ? แถมกระบวนการแสกนแล้วประมวลผลก็ยังทำงานต่อไปอย่างหน้าระรื่นแล้วก็เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่รู้กี่รอบแถมไอ้สิ่งที่ประมวลมาก็จับความไม่ถูกแต่เริ่มรู้สึกเหมือนทรมานสังขารตนเองที่ต้องนั่งแช่ดูรถไฟที่กำลังวิ่งไปตามทางอยู่อย่างนี้ไม่รู้เลยว่าจะถึงที่หมายกี่โมง ? อย่างไรก็ตามก็ชอบวิธีการนำเสนอแบบนี้ตรงที่มัน แนว อย่างน่าค้นหาที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องดี

(7) 24 Cinematic Points of View of a Factory Gate in China (2023) Director By Ho Rui An
- ดูไปเหมือนตนเองเป็น รปภ จับตาความเคลื่อนไหวผ่านกล้อง CCTV ในโรงงานของบริษัทจีนโดยแต่ละกล้องที่ติดไม่ได้ตั้งหน้าประตูโรงงานอย่างเดียวแต่หนังพาเราเจาะลงไปลึกกว่านั้นด้วยการสำรวจเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่คาบเกี่ยวระหว่างโลกภาพยนตร์และโลกการเมืองที่มีทฤษฎีสมคบคิดจากประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา จีน และ ยุโรปที่ปูพรมและหมกเม็ดสะสมในเงามืดมานานกว่า 1 ศตวรรษจาก Footage แต่ละ Clip ขนกันมารายงานถึงส่วนใหญ่เกือบ 100% ไม่รู้จักแต่ดูจากตาเนื้อพร้อมกับได้ยินเสียงเปิดประตูดังสนั่น Floor ก็สัมผัสได้ถึงความขลังจากมุมมองการนำเสนอในเรื่องที่นำมาฉายไปพร้อมกับภาพจากหน้าโรงงานที่ยังคงนิ่งสงบไม่มีแม้แต่ยุงบินผ่านเหมือนยกออกมาจากคลังตามหอจดหมายเหตุ ซึ่งแรก ๆ ก็ตื่นตากับความแนวของวิธีการเล่าแบบนี้อยู่แต่พอดูไปเรื่อย ๆ นอกจากจับความในใจที่บรรยายใต้ภาพไม่ทันแล้ว อาการวูบกับความรู้สึกของน้อนหมาจากเรื่องที่ 1 วกกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งว่า นุด ๆ จะให้เฝ้าดูไปถึงเมื่อไหร่ ? กูปวดขรี้ !!
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.167 BEFF7 : Nowhere Somewhere (ไร้ที่มีทาง) (2023-2024) By Dude, Movie , Lorem Ipsum
(1) Trời ơi (2024) Director By Louise Lan
- ความธรรมดาที่เข้าถึงได้จากการมุงดูแสงสีจากตัวพลุที่จุดกันสนั่นฟ้าอย่างต่อเนื่องในคืนเทศกาลเต็ดของเวียดนาม มักจะมีความพิเศษใส่ไข่ภายใต้บรรยากาศอภิรมย์ชมชื่นนั่นคือการที่คนดูอย่างเราได้มีส่วนร่วมเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เสมือนเป็นเวียดนามมุงดูอย่างพร้อมใจกันโดยมิได้นัดหมายเลยสักคำ ระหว่างจ้องมองดูพลุที่จุดต่อไปไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรา สายตาก็ได้ไปเห็นสิ่งมีชีวิตนึงที่ดูแปลกกว่าชาวบ้านที่กำลังโดนสะกดจิตหมู่นั่นคือน้อนหมาที่นั่งซ้อนท้ายอยู่บนเบาะนายทาสที่ยังคงจ้องมองพลุต่อไปด้วยความแน่วแน่จนกระทั่งค่อย ๆ ได้ยินเสียงดังขึ้นผ่านสีหน้าของน้อนทีกำลังส่ง Sign อะไรบางอย่างให้ผมรับรู้และเพิ่งมาเห็นเอาช่วงใกล้จะจากและคาดการณ์ได้ว่าคงนั่งแช่อยู่แบบนี้ตั้งแต่แรกเลยว่า นุด ๆ พวกนุดจะกลับกี่โมง ? กู หิว !!
(2) 31 5 (2023) Director By Daniel Jacoby
- ชอบตรงที่ใช้วันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นวันเกิดของตัวผู้กำกับหรือเปล่า ? มาเป็นตัวดำเนินเรื่องที่สังเกตุระหว่างดูว่ามีส่วนผสมความเป็นหนังสารคดีในส่วนของการบันทึกเหตุการณ์ตามหน้าประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในเปรูตั้งแต่ปี 1989 ไล่มาจนถึงปี 2021 กับความเป็นอัตชีวประวัติของตัวผู้กำกับด้วยภาพถ่ายที่ขุดกันมาโชว์ตั้งแต่เกิดยันแต่งงานมีเมียและลูกนำมาร้อยที่ไม่ได้เรียงตาม Timeline ทุกกระเบียดนิ้วโดยมีคำบรรยายจากเสียงและตัวอักษรใต้ภาพในเชิงศึกษาทดลองตามใจฉันจนผมรับมือกับ Details ที่ประเคนมาอย่างกระหน่ำ Summer Sale ไม่ทันแล้วว่ากำลังพล่ามถึงอะไร ? แต่ยังพอคลำทางได้นิด ๆ เหมือนเรากำลังค้นหาข้อมูลในเว็บ Wikipedia ทบทวนความหลังด้วยความคิดถึง , ย้ำเตือนความทรงจำ หรือ เป็นกรณีศึกษาก็สุดแท้แต่ที่มองว่าเป็นวิธีการนำเสนอที่แปลกตาและเป็นเอกลักษณ์ต่อการสื่อความนัยทางแนวคิดของระบอบดี แม้จะติอยู่ตอนช่วงท้ายที่จู่ ๆ ก็ใส่ลูกบ้าด้วย Visuals ล้ำขั้นสุดที่นอกจากทำให้ผมมึนหัวแล้วตัวเรื่องที่ปูมาทั้งมวลดูโดดออกไปอย่างเห็นได้ชัด
(3) Agent of Decay (2566) กำกับโดย จักรวาล นิลธำรงค์
- ขณะกำลังทำความเข้าใจกับภาพวาดที่สง่าแต่อุดมไปด้วยสัญญะเคลื่อนไหวตามจังหวะการตัดต่อในเชิง Abstract จู่ ๆ ตัวหนังได้เตะขาปลั๊กด้วยการใส่ Visual ด้วย Effects สุดล้ำเกินคำบรรยายที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงก่อนเพราะกูก็กำลังสตั๊นท์กับการบริการแบบสายฟ้าแล่บอยู่จู่โจมประสาทสัมผัสพร้อมกับ Sounds ที่ฟังไม่ได้ศัพท์แต่แสบแก้วหูชิหายเหมือนกำลังถูก Star Platinum แสตนด์ของโจทาโร่ลากตัวแล้วสาวหมัด โอร่า ใส่ผมรัว ๆ กลางอากาศไปทุกมิติที่ภาพปรากฎจนเกือบน็อคแต่ยังประคองสติกลับมาได้อยู่ แม้ในหัวจะจำ Details ที่ส่งมาตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เลยว่าไอ้ที่พล่ามมาแต่ต้นพูดถึงอะไรบ้าง ?
(4) Single File (2023) Director By Simon Liu
- ผลของ Effects จากเรื่องที่ 3 ที่ส่งอานุภาพมาอย่างรุนแรงก็สะสมมาถึงเรื่องนี้ที่ผมเพิ่งทราบหลังจากดูจบทั้งหมดด้วยความตกใจว่า อ้าวเฮ้ย ! ผ่านไปตอนไหนวะ ? ไม่เห็นรู้เรื่อง ทั้งที่กูก็นั่งจ้องตาไม่กะพริบ ไม่ได้วูบหลับ แถมยังนั่งนับนิ้วในใจทุกนาทีว่าขณะนี้ Run ไปถึงไหนแล้ว ?
(5) Notes of a Crocodile (2024) Director By Daphne Xu
- แล้วผลของ Effect จากเรื่องที่ 3 ก็สัมฤทธิ์ผลจนได้หลังจากที่หนังมาเปลี่ยน way กระทันหันเอาตอนกลางเรื่อง จากที่ช่วงแรก ๆ กำลังลุ้นหน้างานอยู่กับการออกตามหาเพื่อนของหญิงสาวชาวจีนที่หายตัวไปในพนมเปญด้วยความระทึกจากการถ่ายด้วยมุมกล้องในลักษณะ Handheld ที่ส่งกลิ่นอายแบบ Analog Crime ตามติดสถานการณ์ทุกฝีก้าวตั้งแต่ย่างขาออกจากสนามบิน ถามคนตอบปลา เดินเตร่ชมรอบเมืองที่ผมคิดว่าอยู่กรุงเทพเมื่อดันไปเห็นสะพาน ๆ นึงที่หน้าตาเหมือนกับสะพานบ้านเราอย่างกะแกะจนพอผ่านการจ่าหัวตอนกลางทางจนเผลอนึกถึงเรื่อง Drive My Car (2021) ลอยเข้ามาในหัวฉากปุ๊ปตัวหนังได้เปลี่ยนไปที่งหน้าของน้อนจระเข้ที่กำลังนอนแช่น้ำอยู่ในบึงอย่างกะดูสารคดีสัตว์โลกผู้น่ารักที่ผมเอะใจกับการเปลี่ยน way ว่าจะใส่เข้ามาทำไม ? และตระหนักในนาทีต่อมาว่ากำลังจะสื่อตามชื่อที่จ่าไว้นี่แหล่ะจนกระทั่งเลื่อนมาเห็นหน้าสาวคนนึงปุ๊ปเท่านั้นแหล่ะสติของผมก็เป็นอันวูบไปตามระเบียบเหมือนถูกไม้หน้าสามฟาดเข้าที่หน้าอย่างแรงเกิดเลยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
(6) Track_ing (2024) Director By LEE Chan-Yeol, Hanna Cho, Samgar Rakym, Ali Tynybekov
- มาตื่นขึ้นเอาตอนที่เห็นบรรยากาศภายในรถไฟขบวนหนึ่งที่ไม่รู้เริ่มวิ่งมาจากไหน ? จะไปที่ไหน ? กระทั่ง Run ไปก่อนหน้านี้แล้วกี่นาที ขณะกำลังอ๊อง ๆ จู่ ๆ ก็ได้มีชุดกล่องสีฟ้าขนาด 500*500 Pixels ปรากฎขึ้นกลางจอบังทัศนียภาพที่กำลัง Continue ในขณะนั้นก็ได้มี 4 เหลี่ยมจัตุรัสสีเหลืองกำลังแสกนวัตถุที่กูหมายตาในรถไฟขบวนนี้แล้วทำการประมวลผลด้วยคำบรรยายใต้ภาพเป็นหางว่าวก็คิดในใจว่า กำลังขึ้น End Credit พอเสร็จพิธีปุ๊ปกลายเป็นว่าหนังยังพาเราสำรวจอาณาบริเวณภายในรถไฟแล้วชำเหลืองไปมองดูบรรยากาศรอบนอกอยู่ไม่ไปไหน ? แถมกระบวนการแสกนแล้วประมวลผลก็ยังทำงานต่อไปอย่างหน้าระรื่นแล้วก็เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่รู้กี่รอบแถมไอ้สิ่งที่ประมวลมาก็จับความไม่ถูกแต่เริ่มรู้สึกเหมือนทรมานสังขารตนเองที่ต้องนั่งแช่ดูรถไฟที่กำลังวิ่งไปตามทางอยู่อย่างนี้ไม่รู้เลยว่าจะถึงที่หมายกี่โมง ? อย่างไรก็ตามก็ชอบวิธีการนำเสนอแบบนี้ตรงที่มัน แนว อย่างน่าค้นหาที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องดี
(7) 24 Cinematic Points of View of a Factory Gate in China (2023) Director By Ho Rui An
- ดูไปเหมือนตนเองเป็น รปภ จับตาความเคลื่อนไหวผ่านกล้อง CCTV ในโรงงานของบริษัทจีนโดยแต่ละกล้องที่ติดไม่ได้ตั้งหน้าประตูโรงงานอย่างเดียวแต่หนังพาเราเจาะลงไปลึกกว่านั้นด้วยการสำรวจเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่คาบเกี่ยวระหว่างโลกภาพยนตร์และโลกการเมืองที่มีทฤษฎีสมคบคิดจากประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา จีน และ ยุโรปที่ปูพรมและหมกเม็ดสะสมในเงามืดมานานกว่า 1 ศตวรรษจาก Footage แต่ละ Clip ขนกันมารายงานถึงส่วนใหญ่เกือบ 100% ไม่รู้จักแต่ดูจากตาเนื้อพร้อมกับได้ยินเสียงเปิดประตูดังสนั่น Floor ก็สัมผัสได้ถึงความขลังจากมุมมองการนำเสนอในเรื่องที่นำมาฉายไปพร้อมกับภาพจากหน้าโรงงานที่ยังคงนิ่งสงบไม่มีแม้แต่ยุงบินผ่านเหมือนยกออกมาจากคลังตามหอจดหมายเหตุ ซึ่งแรก ๆ ก็ตื่นตากับความแนวของวิธีการเล่าแบบนี้อยู่แต่พอดูไปเรื่อย ๆ นอกจากจับความในใจที่บรรยายใต้ภาพไม่ทันแล้ว อาการวูบกับความรู้สึกของน้อนหมาจากเรื่องที่ 1 วกกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งว่า นุด ๆ จะให้เฝ้าดูไปถึงเมื่อไหร่ ? กูปวดขรี้ !!
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้