พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑
ธรรมสังคณีปกรณ์
โลกุตตรกุศลจิต
มรรคจิตดวงที่ ๑
“โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด … ธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล”
1. “โยคาวจรบุคคล”
= บุคคลผู้ประกอบเพียรทางจิต (โยคี, นักปฏิบัติสมาธิ–วิปัสสนา)
2. “เจริญฌานเป็นโลกุตตระ”
= เจริญฌานที่เป็นโลกุตตรธรรม (ไม่ใช่โลกียฌาน แต่เป็นฌานที่มุ่งสู่นิพพาน)
3. “อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน”
= เป็นฌานที่พาจิตออกจากโลกียธรรม และมุ่งตรงสู่นิพพาน
4. “เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น”
= เพื่อกำจัดความเห็นผิด (ทิฏฐิ) และเพื่อบรรลุภูมิธรรมเบื้องต้น คือโสดาปัตติมรรค
5. “สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว”
= สงัดหรือเว้นขาดจากอกุศลธรรมทั้งหลายได้แล้ว
6. “บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา”
= บรรลุโลกุตตรปฐมฌาน โดยเป็นผู้มีอินทรีย์อ่อน ต้องปฏิบัติอย่างลำบาก (ทุกขาปฏิปทา–ทันธาภิญญา)
7. “ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด”
= ในขณะที่โลกุตตรปฐมฌานนั้นเกิดขึ้น ย่อมประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ และสุขที่เกิดจากวิเวก
[๔๒๕] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน
เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน
ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้ วิบาก ฯลฯ เป็นทุกขา-
*ปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้
วิบาก ฯลฯ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นทุกขาปฏิปทา-
*ทันธาภิญญา ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต.
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน
ธรรมสังคณีปกรณ์
โลกุตตรกุศลจิต
มรรคจิตดวงที่ ๑
“โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด … ธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล”
1. “โยคาวจรบุคคล”
= บุคคลผู้ประกอบเพียรทางจิต (โยคี, นักปฏิบัติสมาธิ–วิปัสสนา)
2. “เจริญฌานเป็นโลกุตตระ”
= เจริญฌานที่เป็นโลกุตตรธรรม (ไม่ใช่โลกียฌาน แต่เป็นฌานที่มุ่งสู่นิพพาน)
3. “อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน”
= เป็นฌานที่พาจิตออกจากโลกียธรรม และมุ่งตรงสู่นิพพาน
4. “เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น”
= เพื่อกำจัดความเห็นผิด (ทิฏฐิ) และเพื่อบรรลุภูมิธรรมเบื้องต้น คือโสดาปัตติมรรค
5. “สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว”
= สงัดหรือเว้นขาดจากอกุศลธรรมทั้งหลายได้แล้ว
6. “บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา”
= บรรลุโลกุตตรปฐมฌาน โดยเป็นผู้มีอินทรีย์อ่อน ต้องปฏิบัติอย่างลำบาก (ทุกขาปฏิปทา–ทันธาภิญญา)
7. “ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด”
= ในขณะที่โลกุตตรปฐมฌานนั้นเกิดขึ้น ย่อมประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ และสุขที่เกิดจากวิเวก
[๔๒๕] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน
เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน
ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้ วิบาก ฯลฯ เป็นทุกขา-
*ปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้
วิบาก ฯลฯ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นทุกขาปฏิปทา-
*ทันธาภิญญา ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต.