กัณวีร์ ยินดีรบ. ปลดล็อกให้ผู้ลี้ภัยพม่า ทำงานได้ เชื่อมั่นส่งผลดี เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง
.
.
กัณวีร์ ยินดีรบ. ปลดล็อกให้จ้างงาน ผู้ลี้ภัยพม่า เชื่อมั่นส่งผลดี เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง
.
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้โพสต์แสดงความเห็นกรณีที่มีมติครม.อนุมัติจ้างงานผู้หนีภัยสู้รบจากพม่า ใน 4 จังหวัดในพื้นที่พักพิง แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานว่า
.
ยินดีมากครับที่รัฐบาลไทยมีความกล้าหาญทางมนุษยธรรม ปลดล็อกให้ผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาในค่ายผู้อพยพมาทำงานได้ เชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง จะเป็นผลดีกับไทย ตาม 1 ในแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนในสถานการณ์ผู้ลี้ภัย
.
หนึ่งในนโยบายที่ผมได้ผลักดันตั้งแต่ก่อนได้เป็น ส.ส. นั่นคือการแก้ไขปัญหาค่ายผู้อพยพชาวเมียนมาในประเทศไทย ที่ผู้ลี้ภัยหรือผู้หนีภัยการสู้รบชาวเมียนมา กว่า 8 หมื่นคน ที่อยู่ในศูนย์อพยพ ทั้ง 9 แห่งบริเวณชายแดนของ 4 จังหวัดในไทย มามากว่า 41 ปีแล้ว ที่ไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้ ซึ่งเป็นงานที่ผมเคยตั้งใจจะทำให้สำเร็จมาก่อน ตั้งแต่ทำงานหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ
.
และเมื่อได้ทำงานการเมือง ผมได้เสนอความเห็นเรื่องนี้มาตลอด จนวันนี้เกิดขึ้นได้ ก็มั่นใจว่าจะช่วยให้ผู้หนีภัยได้ทำงานที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย อย่างที่บอกครับ เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง และไทยต้องแสดงความกล้าหาญทางมนุษยธรรม บันทึกไว้จากมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 สิงหาคม 2568 โดยมีมาตรการที่กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย จะนำไปดำเนินการ
.
ผมเชื่อมั่นว่าศักยภาพของพี่น้องผู้ลี้ภัย หากได้รับโอกาส พวกเขาจะเป็นแรงงานที่ดีของประเทศไทย ผมจะเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงตะโกนออกไปให้ประชาคมโลกรู้ว่าไทยเราได้เป็นหนึ่งในผู้นำในการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมที่มีอยู่อย่างยาวนานตามหลักการสากลครับ
.
.
.
ไทยยื่นหลักฐานเพิ่ม เขมรใช้ทุ่นระเบิด ต่อเลขาฯ UN เชิดชายหารือกุแตร์เรส 28 ส.ค.
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5341022
.
ไทยยื่นหลักฐานเพิ่ม เขมรใช้ทุ่นระเบิด ต่อเลขาฯ UN เชิดชายหารือกุแตร์เรส 28 ส.ค.
.
กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ตามเวลาในสหรัฐอเมริก นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้มีหนังสือถึงนายอันโตนิอู กุแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติจัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชาในอาณาเขตของประเทศไทย
.
โดยนายเชิดชายมีกำหนดจะพบกับเลขาธิการสหประชาชาติ ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ เพื่อหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและสถานการณ์ล่าสุดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
.
ในการดำเนินการดังกล่าว ประเทศไทยพยายามอย่างยิ่งเพื่อจัดการกับปัญหาร้ายแรงนี้ด้วยความโปร่งใส และเป็นไปตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวา ข้อชี้แจงนี้จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจในสถานการณ์อย่างรอบด้านบนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์
ในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งให้โลกปราศจากทุ่นระเบิด และแสดงความห่วงกังวลอย่างสูงต่อการใช้อาวุธที่สร้างความเสียหายอย่างไม่จำกัด ซึ่งเป็นภัยคุกคามรุนแรงและสร้างความเสียหายถาวรต่อชีวิต เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและบั่นทอนเสถียรภาพของภูมิภาค
.
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังคงยืนหยัดที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างสันติผ่านช่องทางทางการทูต ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงตามแนวชายแดนและความปลอดภัยของประชาชน
.
.
กพช.หนุนชาวบ้านเข้ามาก่อกวน หวังให้ไทยเพลี่ยงพล้ำใช้ความรุนแรง
.
บ้านหนองจาน อยู่ในเขตไทยถูกรุกล้ำนาน 20 ปี กัมพูชาหนุนให้ชาวบ้านเข้ามาก่อกวน ก้าวร้าว อาจมุ่งหวังให้ไทยเพลี่ยงพล้ำใช้ความรุนแรงตอบโต้ แล้วแอบเก็บบันทึกภาพไปฟ้องชาวโลก การสร้างข่าวบิดเบือนให้ร้ายไทย ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
.
จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ส.ค. 68 โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน
.
และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 ส.ค.68 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดน
.
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาตอบโต้ว่า ในการดำเนินการวางลวดหนามเพื่อป้องกันตนเองของฝ่ายไทยนั้น เกิดจากการถูกคุกคามด้วยอาวุธทุ่นระเบิดจากฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นความตั้งใจที่จะละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยไทยทั้งสิ้น และจากการปฏิบัติดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจยของฝ่ายกัมพูชา แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่สนับสนุนให้ประชาชนกัมพูชามารุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนไทย
.
โดยเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองจานนั้น คือการที่ฝ่ายกัมพูชาได้สนับสนุนให้มีการตั้งชุมชนรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งถือว่าผิดข้อตกลงตาม MOU43 จนทำให้ประชาชนไทยได้รับความเดือดร้อน แม้ฝ่ายไทยได้มีการประท้วงไปตามขั้นตอน แต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขจากฝ่ายกัมพูชา
.
รวมถึงลักษณะดังกล่าว ไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน เพราะบริเวณพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งอยู่เดิม และเกิดขึ้นมานานกว่า 20 ปี โดยฝ่ายไทยได้ใช้แนวทางแก้ไขด้วยการประท้วงตามเงื่อนไขข้อตกลง MOU43 มาโดยตลอด แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉย
.
อีกทั้งตามบันทึกความเข้าใจ MOU43 ที่ห้ามไม่ให้ดำเนินการใด ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดนนั้น ไม่ใช่ฝ่ายไทยที่เป็นผู้ละเมิด แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่มีการดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งในส่วนของบ้านเรือนประชาชน และอาคารพักพิงของทหารกัมพูชา
.
ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างของกัมพูชาที่กล่าวหาว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และละเมิด MOU43 นั้น ล้วนเป็นเรื่องบิดเบือนที่กัมพูชาพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ต่อกรณีนี้ถือเป็นการบิดเบือนข่าวสารของกัมพูชา ซึ่งนับเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงด้วยเช่นกัน
.
จนกระทั่งล่าสุดจากการที่ฝ่ายไทยพยายามวางลวดหนามเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับคณะสำรวจที่ดินฝ่ายไทย ทางฝ่ายกัมพูชาได้สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามาก่อกวน แสดงออกในท่าทีที่ก้าวร้าว อาจมุ่งหวังให้ไทยเพลี่ยงพล้ำไปใช้ความรุนแรงตอบโต้ แล้วแอบเก็บบันทึกภาพไปฟ้องชาวโลก แต่เนื่องจากฝ่ายไทยได้รู้เท่าทัน อาศัยความอดทนอดกลั้น จึงอาจทำให้สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งใจไว้นั้นไม่บรรลุผลได้ตามที่ต้องการ
JJNY : กัณวีร์ยินดีรบ.ปลดล็อก│ไทยยื่นหลักฐานเพิ่ม เขมรใช้ทุ่นระเบิด│กพช.หนุนชาวบ้านเข้ามาก่อกวน│เตือนเรื่องพายุคาจิกิ
.
ไทยยื่นหลักฐานเพิ่ม เขมรใช้ทุ่นระเบิด ต่อเลขาฯ UN เชิดชายหารือกุแตร์เรส 28 ส.ค.
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5341022
.
.
จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ส.ค. 68 โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน
.
และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 ส.ค.68 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดน
.
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาตอบโต้ว่า ในการดำเนินการวางลวดหนามเพื่อป้องกันตนเองของฝ่ายไทยนั้น เกิดจากการถูกคุกคามด้วยอาวุธทุ่นระเบิดจากฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นความตั้งใจที่จะละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยไทยทั้งสิ้น และจากการปฏิบัติดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจยของฝ่ายกัมพูชา แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่สนับสนุนให้ประชาชนกัมพูชามารุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนไทย
.
โดยเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองจานนั้น คือการที่ฝ่ายกัมพูชาได้สนับสนุนให้มีการตั้งชุมชนรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งถือว่าผิดข้อตกลงตาม MOU43 จนทำให้ประชาชนไทยได้รับความเดือดร้อน แม้ฝ่ายไทยได้มีการประท้วงไปตามขั้นตอน แต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขจากฝ่ายกัมพูชา
.
รวมถึงลักษณะดังกล่าว ไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน เพราะบริเวณพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งอยู่เดิม และเกิดขึ้นมานานกว่า 20 ปี โดยฝ่ายไทยได้ใช้แนวทางแก้ไขด้วยการประท้วงตามเงื่อนไขข้อตกลง MOU43 มาโดยตลอด แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉย
.
อีกทั้งตามบันทึกความเข้าใจ MOU43 ที่ห้ามไม่ให้ดำเนินการใด ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดนนั้น ไม่ใช่ฝ่ายไทยที่เป็นผู้ละเมิด แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่มีการดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งในส่วนของบ้านเรือนประชาชน และอาคารพักพิงของทหารกัมพูชา
.
ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างของกัมพูชาที่กล่าวหาว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และละเมิด MOU43 นั้น ล้วนเป็นเรื่องบิดเบือนที่กัมพูชาพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ต่อกรณีนี้ถือเป็นการบิดเบือนข่าวสารของกัมพูชา ซึ่งนับเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงด้วยเช่นกัน
.
จนกระทั่งล่าสุดจากการที่ฝ่ายไทยพยายามวางลวดหนามเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับคณะสำรวจที่ดินฝ่ายไทย ทางฝ่ายกัมพูชาได้สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามาก่อกวน แสดงออกในท่าทีที่ก้าวร้าว อาจมุ่งหวังให้ไทยเพลี่ยงพล้ำไปใช้ความรุนแรงตอบโต้ แล้วแอบเก็บบันทึกภาพไปฟ้องชาวโลก แต่เนื่องจากฝ่ายไทยได้รู้เท่าทัน อาศัยความอดทนอดกลั้น จึงอาจทำให้สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งใจไว้นั้นไม่บรรลุผลได้ตามที่ต้องการ