อิสริยะ อดีตผู้บริหาร LINE MAN แจงลง สส. พรรคประชาชน ผลักดันเศรษฐกิจไทยทันโลก
.
.
วันนี้ (18 ธันวาคม) อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ อดีตรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารไลน์แมน วงใน ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า การเข้าร่วมกับพรรคประชาชนรอบนี้ ได้ลาออกจากบริษัทต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว
.
ส่วนในประเด็นเรื่องที่พี่น้องสายแรงงานกังวลนั้น จุดยืนส่วนตัวตนเองไม่มีความเห็นต่างไปจากนโยบายด้านแรงงานของพรรคประชาชน ซึ่งตนก็ได้ทำงานร่วมกับ เซีย จำปาทอง ว่าที่ผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ เดชรัต สุขกำเนิด อดีตที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน อยู่ตลอด
.
อิสริยะยังกล่าวว่า ตนเองได้มารับผิดชอบงานในด้านเศรษฐกิจภายใต้ทีมของ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในเรื่องเศรษฐกิจโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการไทย
.
“ผมรับทราบข้อกังวลต่างๆ และมีความยินดีที่จะเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มคนทำงานทุกกลุ่ม และจะนำความรู้ความสามารถที่มี เข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ผมจะเข้ามาทำเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเฉพาะนโยบายของพรรค ที่ใช้คำว่าไทยทันโลก และความท้าทายในเศรษฐกิจโลก” อิสริยะกล่าว
.
ด้าน เซีย จำปาทอง ชี้แจงกรณีการที่ผู้บริหาร LINE MAN มาลงสมัคร เป็นการเอื้อนนายทุนหรือไม่ โดยระบุว่า เรายินดีรับฟังข้อเสนอแนะ แต่อยากสื่อสารว่าพรรคให้ความสำคัญกับพี่น้องแรงงาน เรามีนโยบายชัดเจน ทำเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว แน่นอนว่าในพรรคเรามีคนที่ทำงานหลากหลาย เราได้จัดประชุมและรวบรวมความเห็นจากพี่น้องแรงงานที่ทำงานบนแพลตฟอร์มนี้ และไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน
.
“ที่ผ่านมาเคยมีพี่น้องที่ทำงานบนแพลตฟอร์มไปร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน จนเกิดการตัดสินให้แรงงานไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งพรรคประชาชนยินดีที่จะให้คำแนะนำในการต่อสู้คดีเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งเราได้ร่างกฎหมายแล้ว แต่เกิดเหตุการณ์ยุบสภาก่อน ทำให้กฎหมายค้างท่อ หากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเราจะหยิบกฎหมายฉบับนี้มาผลักดันต่อ” เซียกล่าว
.
.
กองทัพเรือ พบหลักฐานชี้ชัด ‘กัมพูชา’ ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา-กม.ระหว่างประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5511818
.
กองทัพเรือ พบหลักฐานชี้ชัด กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
.
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พล.ร.ต.
ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือขอชี้แจงว่า ภายหลัง กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่บริเวณ บ้านหนองรี ซึ่งเดิมถูกใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ภายหลังการเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ตรวจพบคลังเก็บทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถูกดัดแปลงจากทุ่นระเบิดดักรถถัง จำนวน 16 ลูก ที่พร้อมใช้งาน ซึ่งถือว่าการกระทำที่มีลักษณะจงใจสร้างอันตรายโดยไม่เลือกเป้าหมาย และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งกำลังพลและพลเรือน
.
นอกจากนี้ จากการตรวจยึดและตรวจสอบพื้นที่ฐานพลุ๊กดรัมเรย (บ้านสามหลัง) เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังได้ตรวจพบเอกสารทางทหารของฝ่ายกัมพูชา เป็นเอกสารการจดบันทึกของผู้เข้ารับการฝึกใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN-2 โดยมีเนื้อหาครอบคลุมถึงลักษณะทั่วไปของทุ่นระเบิด การวาง และการเก็บกู้ ซึ่งมีการระบุวันที่จัดการสอนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 อีกด้วย เอกสารดังกล่าวถือเป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจน แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชามีการอบรม ให้ทหารกัมพูชาใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง มิใช่การกระทำโดยบังเอิญหรือเฉพาะหน้า และสะท้อนถึงเจตนาในการใช้ “
สงครามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ต่อฝ่ายไทย ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
.
กองทัพเรือขอเน้นย้ำว่า การกระทำดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศหลายประการ อาทิ
.
1. อนุสัญญาออตตาวา ค.ศ.1997 ซึ่งกำหนดห้ามการใช้ ผลิต หรือครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
2. พิธีสารเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 แห่งอนุสัญญาเจนีวา ที่บัญญัติหลักการแยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารกับพลเรือน และห้ามใช้อาวุธหรือวิธีการรบที่มีลักษณะไม่สามารถจำกัดผลกระทบต่อเป้าหมายทางทหารได้
.
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ ครอบครอง รวมถึงดัดแปลงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดังกล่าว และเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพันธกรณีตามกฎหมายสากลเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนถึงการไม่เคารพหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน และกองทัพเรือขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยทันที พร้อมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอยืนยันว่าจะดำเนินการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด.
.
.
หวัง อี้ ต่อสายคุยไทย-กัมพูชา ชี้ 2 ฝ่ายพร้อมลดตึงเครียด ย้ำภารกิจเร่งด่วน ‘หยุดยิง-ฟื้นความไว้วางใจ’
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5511893
.
หวัง อี้ ต่อสายคุยไทย-กัมพูชา ชี้ 2 ฝ่ายพร้อมลดตึงเครียด ย้ำภารกิจเร่งด่วน ‘หยุดยิง-ฟื้นความไว้วางใจ’
.
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย รายงานว่า
.
นายหวัง อี้ โทรศัพท์คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชา
.
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้โทรศัพท์คุยกับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายได้แจ้งความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาให้นายหวัง อี้ และแสดงความปรารถนาที่จะคลี่คลายความตึงเครียดและหยุดยิง
.
นายหวัง อี้ กล่าวว่า ในฐานะมิตรประเทศและเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทยและกัมพูชา จีนเป็นประเทศที่ไม่อยากเห็นทั้งสองฝ่ายปะทะกันมากที่สุด และเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนของทั้งสองประเทศ ความรุนแรงของสถานการณ์การปะทะครั้งนี้เกินกว่าครั้งก่อนๆ มาก และหากยังคงดำเนินต่อไป จะไม่มีประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายและบั่นทอนความสามัคคีของอาเซียน ภารกิจเร่งด่วนในปัจจุบันคือต้องมีการตัดสินใจ หยุดยิงโดยเร็วที่สุด ลดความเสียหายให้ทันเวลา และฟื้นฟูความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
.
นายหวัง อี้ กล่าวว่า จีนยึดมั่นในหลักการส่งเสริมการเจรจาและความเป็นธรรมในเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และสนับสนุนความพยายามในการไกล่เกลี่ยของอาเซียน ทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เดินทางไปไทยและกัมพูชาเพื่อประสานงาน ฝ่ายจีนจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อไป รวมทั้งมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการฟื้นฟูสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา หวังว่าทั้งสองประเทศจะใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับประกันความปลอดภัยของโครงการและบุคลากรของจีน และเฝ้าระวังผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือเท็จเพื่อทำลายความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนกับทั้งสองประเทศ
.
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วและนายปรัก สุคนชื่นชมท่าทีที่เป็นกลางและไม่ลำเอียงของจีนอย่างสูง รวมถึงบทบาทของจีนในการไกล่เกลี่ย ยินดีกับการเดินทางมาไกล่เกลี่ยของทูตพิเศษจีน และหวังว่าฝ่ายจีนจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในการคลี่คลายความตึงเครียดและฟื้นฟูสันติภาพ
.
https://www.facebook.com/ChineseEmbassyinBangkok/posts/1281080684049942
JJNY : อิสริยะแจงลง สส.ปชน.│ทร.ชี้ชัด‘กัมพูชา’ละเมิด│หวัง อี้ ต่อสายคุยไทย-กัมพูชา│ไทยตอนบนเย็นถึงหนาว ใต้ 7 จว.ฝนหนัก
.
กองทัพเรือ พบหลักฐานชี้ชัด ‘กัมพูชา’ ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา-กม.ระหว่างประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5511818
.
กองทัพเรือ พบหลักฐานชี้ชัด กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
.
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือขอชี้แจงว่า ภายหลัง กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่บริเวณ บ้านหนองรี ซึ่งเดิมถูกใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ภายหลังการเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ตรวจพบคลังเก็บทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถูกดัดแปลงจากทุ่นระเบิดดักรถถัง จำนวน 16 ลูก ที่พร้อมใช้งาน ซึ่งถือว่าการกระทำที่มีลักษณะจงใจสร้างอันตรายโดยไม่เลือกเป้าหมาย และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งกำลังพลและพลเรือน
.
นอกจากนี้ จากการตรวจยึดและตรวจสอบพื้นที่ฐานพลุ๊กดรัมเรย (บ้านสามหลัง) เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังได้ตรวจพบเอกสารทางทหารของฝ่ายกัมพูชา เป็นเอกสารการจดบันทึกของผู้เข้ารับการฝึกใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN-2 โดยมีเนื้อหาครอบคลุมถึงลักษณะทั่วไปของทุ่นระเบิด การวาง และการเก็บกู้ ซึ่งมีการระบุวันที่จัดการสอนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 อีกด้วย เอกสารดังกล่าวถือเป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจน แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชามีการอบรม ให้ทหารกัมพูชาใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง มิใช่การกระทำโดยบังเอิญหรือเฉพาะหน้า และสะท้อนถึงเจตนาในการใช้ “สงครามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ต่อฝ่ายไทย ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
.
กองทัพเรือขอเน้นย้ำว่า การกระทำดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศหลายประการ อาทิ
.
1. อนุสัญญาออตตาวา ค.ศ.1997 ซึ่งกำหนดห้ามการใช้ ผลิต หรือครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
2. พิธีสารเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 แห่งอนุสัญญาเจนีวา ที่บัญญัติหลักการแยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารกับพลเรือน และห้ามใช้อาวุธหรือวิธีการรบที่มีลักษณะไม่สามารถจำกัดผลกระทบต่อเป้าหมายทางทหารได้
.
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ ครอบครอง รวมถึงดัดแปลงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดังกล่าว และเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพันธกรณีตามกฎหมายสากลเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนถึงการไม่เคารพหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน และกองทัพเรือขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยทันที พร้อมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอยืนยันว่าจะดำเนินการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด.
.
.
หวัง อี้ ต่อสายคุยไทย-กัมพูชา ชี้ 2 ฝ่ายพร้อมลดตึงเครียด ย้ำภารกิจเร่งด่วน ‘หยุดยิง-ฟื้นความไว้วางใจ’
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5511893
.
หวัง อี้ ต่อสายคุยไทย-กัมพูชา ชี้ 2 ฝ่ายพร้อมลดตึงเครียด ย้ำภารกิจเร่งด่วน ‘หยุดยิง-ฟื้นความไว้วางใจ’
.
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย รายงานว่า
.
นายหวัง อี้ โทรศัพท์คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชา
.
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้โทรศัพท์คุยกับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายได้แจ้งความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาให้นายหวัง อี้ และแสดงความปรารถนาที่จะคลี่คลายความตึงเครียดและหยุดยิง
.
นายหวัง อี้ กล่าวว่า ในฐานะมิตรประเทศและเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทยและกัมพูชา จีนเป็นประเทศที่ไม่อยากเห็นทั้งสองฝ่ายปะทะกันมากที่สุด และเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนของทั้งสองประเทศ ความรุนแรงของสถานการณ์การปะทะครั้งนี้เกินกว่าครั้งก่อนๆ มาก และหากยังคงดำเนินต่อไป จะไม่มีประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายและบั่นทอนความสามัคคีของอาเซียน ภารกิจเร่งด่วนในปัจจุบันคือต้องมีการตัดสินใจ หยุดยิงโดยเร็วที่สุด ลดความเสียหายให้ทันเวลา และฟื้นฟูความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
.
นายหวัง อี้ กล่าวว่า จีนยึดมั่นในหลักการส่งเสริมการเจรจาและความเป็นธรรมในเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และสนับสนุนความพยายามในการไกล่เกลี่ยของอาเซียน ทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เดินทางไปไทยและกัมพูชาเพื่อประสานงาน ฝ่ายจีนจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อไป รวมทั้งมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการฟื้นฟูสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา หวังว่าทั้งสองประเทศจะใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับประกันความปลอดภัยของโครงการและบุคลากรของจีน และเฝ้าระวังผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือเท็จเพื่อทำลายความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนกับทั้งสองประเทศ
.
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วและนายปรัก สุคนชื่นชมท่าทีที่เป็นกลางและไม่ลำเอียงของจีนอย่างสูง รวมถึงบทบาทของจีนในการไกล่เกลี่ย ยินดีกับการเดินทางมาไกล่เกลี่ยของทูตพิเศษจีน และหวังว่าฝ่ายจีนจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในการคลี่คลายความตึงเครียดและฟื้นฟูสันติภาพ
.
https://www.facebook.com/ChineseEmbassyinBangkok/posts/1281080684049942