จากหัวข้อกระทู้ทุกคนคงเคยเจอปัญหาที่กล่าวมาเหมือนกัน เขียนคำโฆษณาเท่าไหร่ไม่มีคนอ่านเลย อย่าพึ่งท้อครับ ผมเจอวิธีดึงดูดสมองให้มาสนใจด้วยวิธีง่ายๆ ลองมาอ่านกันดูครับ!
(เนื้อหาหลักในบทความนี้มาจากหนังสือ The Brain Audit by
Sean D’Souza)
เกริ่นก่อนนะครับ เวลาเราไปห้างหรือตามบูธต่างๆ สิ่งที่เรามักเจอบ่อยๆคือเสียงประกาศโฆษณาใช่มั้ยครับ ประมาณว่า "
รองเท้าดี รองเท้าทน รองเท้ากันน้ำ" หรือถ้าเป็นอาหารก็ "
เเตงโมหวานๆ เนื้อช่ำๆจ้าาา"
ใช่เเล้วครับธุรกิจต่างๆ ส่วนใหญ่เเล้วมักพูดถึงทางเเก้ไขก่อน เเล้วค่อยตามมาด้วยปัญหา หรือบางทีก็ลงลึกไปอีกว่าพวกเค้าใช้วิธีที่ทันสมัย ล้ำเลิศเเค่ไหน สุดท้ายเป็นไงละครับ ผ่านไป 10 นาทีเราก็ลืมเเล้ว
🤔:
เอ่ออ เเต่เเอดครับเราอาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของธุรกิจนี้ หรือเค้าไม่ได้ทำมาขายเเอดนี่ครับ เเอดมั่วเองรึป่าว
ก็อาจจะใช่ เเต่เเอดก็อาจมีเพื่อนพี่น้องที่เหมาะกับสินค้านั้นๆอยู่เหมือนกัน บางทีเเอดอยากเเนะนำสินค้าหรือบริการของคุณให้คนรู้จักก็ได้ ประเด็นคือ
- ผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีเเอดก็โดนสิ่งเร้ารอบตัวกลืนไปเเล้ว
- ธุรกิจสินค้าหรือบริการ ชอบพูดถึงการ “การเเก้ไข หรือทางออก” ก่อนพูดถึง “ปัญหา”ก่อนเสมอ ลองกลับด้านกระจกเเล้วสนใจลูกค้ามากกว่าตัวเอง ลองเริ่มพูดถึงปัญหาของพวกเค้า ใส่ใจเหมือนกับถามเพื่อนสนิทว่า หิวมั้ย? กินข้าวรึยัง?
สมองจะจดจำปัญหาของเราหรือเรื่องซวยๆได้มากกว่าเรื่องดีๆ เพราะมันกำลังคาดเดา (คาดเดาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต) เเละปกป้องตัวเราอยู่
Sean บอกว่า ถ้าเราเดินอยู่บนทางเท้าที่ข้างทางมีเเต่สวนดอกไม้ ทันใดนั้นคุณก็บังเอิญพบกับขรี้หมา! เเหม่ กลิ่นดอกไม้หอมเชียว5555+ ลืมดอกไม้ไปเลยมั้ยครับ
ปัญหาของลูกค้ามี 108เรื่อง การจะทำให้ปัญหาที่เกี่ยวกับสินค้าเราโดดเด่นขึ้น คือการเน้นถึงมัน ขยี้ให้ตรงจุด เชื่อมั้ย การบอกถึงปัญหาคือการให้ความรู้อย่างนึงถึงปัญหาที่ลูกค้าไม่รู้ว่ามีอยู่ พอพูดออกไปปัญหาที่ไม่นึกถึงเลยอาจเป็นเรื่องใหญ่ทันทีเลยก็ได้ เเต่ถ้าคุณระบุปัญหาได้ ลูกค้าจะเชื่อมโยงเเละสนใจทันทีว่าคุณมีทางเเก้อะไรมาเสนอ
สมมติว่าเเอดขายอาหารตามสั่ง ปัญหาที่เเอดช่วยเเก้ไขได้เเละลิสต์ออกมาได้มีประมาณ 4 ข้อ
1. ความสะอาด
2. ราคา เเละ ปริมาณ
3. เมนูที่เยอะหลากหลายเกินไป
4. โภชนาการ
เอาหละทีนี้เลือกมาอย่างนึง เเค่อย่างเดียวจริงๆ เเล้วนำเสนอให้ตรงจุด
สมมุติเเอดเลือกปัญหาออกมาได้ว่า “
จะคำนวณค่าโภชนาการต่อจาน ในร้านอาหารตามสั่งที่ควบคุมได้อย่างไร” เเอดอาจจะเขียนคำโฆษณาประมาณว่า “
กินร้านตามสั่งเจอปัญหานี้ตลอด! ควบคุมโภชนาการอาหารไม่ได้ คิดFat คำนวณProteinยาก?” ตอนนี้เเอดมุ่งเป้าไปที่ปัญหาเดียวเลยคือ การคำนวณค่าโภชนาการอาหาร ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับทุกคน เเต่ถ้าวันไหนคุณคิดจะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร ผมค่อนข้างมั่นใจว่าร้านนี้ต้องเป็นหนึ่งในตัวเลือกเเน่
ดังนั้น
- ลิสปัญหาที่เกี่ยวกับสินค้าออกมา ลองคัดดูอันที่เจ๋งๆเเต่เรียบง่าย
- เน้นถึงปัญหาเดียว มากกว่าพูดถึงโดยรวม (ตรงนี้สำคัญ เพราะจะเป็นพื้นฐานในซีรีย์ถัดๆไป)
จบเเล้วครับกับการเขียนคำโฆษณาโดยเริ่มจากปัญหา ส่วนต่อไปคือทางเเก้ไข ส่วนนี้สำคัญไม่เเพ้กันเเต่ควรนำเสนอทีหลังเพื่อความน่าสนใจ👋
ปล.เเอดคิดว่าเเต่ละธุรกิจก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน การเน้นถึงปัญหาเดียวก็ไม่ต่างจากการกำหนดกลุ่มลูกค้า ซึ่งเดี๋ยวเเอดจะเขียนในตอนถัดๆไป อะไรที่เป็นประโยชน์ลองปรับใช้ดูนะครับสิ่งสำคัญคือการลงมือทำเเล้ววิเคราะห์ผลลัพธ์
ผมเชื่อว่าธุรกิจของทุกคน เดิมทีก็เเก้ปัญหาได้หมดนั่นเเหละ เพราะคุณคิดมันมาเพื่อตอบสนองลูกค้าอยู่เเล้ว (ใช่มั้ย?) เเค่คุณจัดลำดับการนำเสนอผิดลำดับเเค่นั้นเอง หลักคิดง่ายๆที่ผมเเกะเจอคือ ทางเเก้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเพราะจะทำให้ลูกค้าคุณสับสน นำเสนอทางเเก้ง่ายๆที่ตรงข้ามกับปัญหา
ผมขอยกตัวอย่างเดิมจากคราวที่เเล้วนะครับ → ร้านอาหารตามสั่ง
ปัญหา : กินร้านตามสั่งเจอปัญหานี้ตลอด! ควบคุมโภชนาการอาหารไม่ได้ คิดFat คำนวณProteinยาก? เพราะการเดาปริมาณวัตถุดิบที่พ่อครัวใส่ลงไปมันยากมาก
ทางเเก้ : เเต่เราคำนวณมาให้เเล้ว ทั้งCarb Protein Fat? มีให้หมดเลยในเมนู
ที่ผมบอกว่าไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเป็นเพราะ Sean ให้ความหมายระหว่าง “ทางเเก้” กับ “การบวนการ” ไม่เหมือนกัน ในตัวอย่างสมมติ ทางเเก้เราคือการคำนวณสารอาหารให้เสร็จสัพใช่มั้ยครับ เเต่กระบวนการคือการลงลึกถึงขั้นตอนต่างๆในการคำนวณ คุณไม่จำเป็นต้องบอกว่าคุณใช้เทคโนโลยีอะไรในการคำนวณ หรือสูตรคำนวณที่เป๊ะเเค่ไหน ลูกค้าเเค่มีปัญหาเราก็เเค่เสนอทางเเก้
เเละทางเเก้ห้ามนำเสนอก่อนปัญหาเด็ดขาด มันจะทำให้การโฆษณาขาดความน่าสนใจเเล้วลูกค้าจะไม่อยากรู้ต่อ ประโยคของคุณจะสั้นกระชับ หรืออธิบายยาวๆก็ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการ บริบท เเละช่องทางที่จะโฆษณา
ก่อนจบเนื้อหามา Recheck กันครับ
- ปัญหาช่วยดึงดูดความสนใจได้เสมอ
- เริ่มโครงสร้างจาก ปัญหาเเละตามด้วยทางเเก้ก่อนเสมอเพื่อดึงดูดความสนใจ
- ทางเเก้ควรเป็นเหรียญอีกด้านของปัญหา เรียบง่าย
ทั้งหมดนี้เป็นเเค่จุดเริ่มต้นของการขายของให้ลูกค้า ยังมีเทคนิคอีก 6 หลักในหนังสือที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากลูกค้าที่ยังลังเล เปลี่ยนใจซื้อในทันทีฝากกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ😊 เเอดมีเพจFb ชื่อ Anant. ด้วยนะะะ
Credit : เนื้อหาหลักในบทความนี้มาจากหนังสือ The Brain Audit by Sean D’Souza ผมสาบานเลยว่าในหนังสือเขียนไว้ดีกว่ามากๆ ยกตัวอย่างให้เราเข้าใจได้ง่าย ชาบูๆ🙇♂️
https://s.shopee.co.th/1qS5jWfKHx
โฆษณาให้ตายลูกค้าก็ไม่เคยสนใจ จะหันมาอ่านยังยากเลย งั้นลองดูวิธีการเขียนโฆษณาเเบบเรียบง่ายที่ผมไปเจอมากันครับ!
(เนื้อหาหลักในบทความนี้มาจากหนังสือ The Brain Audit by Sean D’Souza)
เกริ่นก่อนนะครับ เวลาเราไปห้างหรือตามบูธต่างๆ สิ่งที่เรามักเจอบ่อยๆคือเสียงประกาศโฆษณาใช่มั้ยครับ ประมาณว่า "รองเท้าดี รองเท้าทน รองเท้ากันน้ำ" หรือถ้าเป็นอาหารก็ "เเตงโมหวานๆ เนื้อช่ำๆจ้าาา"
ใช่เเล้วครับธุรกิจต่างๆ ส่วนใหญ่เเล้วมักพูดถึงทางเเก้ไขก่อน เเล้วค่อยตามมาด้วยปัญหา หรือบางทีก็ลงลึกไปอีกว่าพวกเค้าใช้วิธีที่ทันสมัย ล้ำเลิศเเค่ไหน สุดท้ายเป็นไงละครับ ผ่านไป 10 นาทีเราก็ลืมเเล้ว
🤔: เอ่ออ เเต่เเอดครับเราอาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของธุรกิจนี้ หรือเค้าไม่ได้ทำมาขายเเอดนี่ครับ เเอดมั่วเองรึป่าว
ก็อาจจะใช่ เเต่เเอดก็อาจมีเพื่อนพี่น้องที่เหมาะกับสินค้านั้นๆอยู่เหมือนกัน บางทีเเอดอยากเเนะนำสินค้าหรือบริการของคุณให้คนรู้จักก็ได้ ประเด็นคือ
- ผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีเเอดก็โดนสิ่งเร้ารอบตัวกลืนไปเเล้ว
- ธุรกิจสินค้าหรือบริการ ชอบพูดถึงการ “การเเก้ไข หรือทางออก” ก่อนพูดถึง “ปัญหา”ก่อนเสมอ ลองกลับด้านกระจกเเล้วสนใจลูกค้ามากกว่าตัวเอง ลองเริ่มพูดถึงปัญหาของพวกเค้า ใส่ใจเหมือนกับถามเพื่อนสนิทว่า หิวมั้ย? กินข้าวรึยัง?
สมองจะจดจำปัญหาของเราหรือเรื่องซวยๆได้มากกว่าเรื่องดีๆ เพราะมันกำลังคาดเดา (คาดเดาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต) เเละปกป้องตัวเราอยู่
Sean บอกว่า ถ้าเราเดินอยู่บนทางเท้าที่ข้างทางมีเเต่สวนดอกไม้ ทันใดนั้นคุณก็บังเอิญพบกับขรี้หมา! เเหม่ กลิ่นดอกไม้หอมเชียว5555+ ลืมดอกไม้ไปเลยมั้ยครับ
ปัญหาของลูกค้ามี 108เรื่อง การจะทำให้ปัญหาที่เกี่ยวกับสินค้าเราโดดเด่นขึ้น คือการเน้นถึงมัน ขยี้ให้ตรงจุด เชื่อมั้ย การบอกถึงปัญหาคือการให้ความรู้อย่างนึงถึงปัญหาที่ลูกค้าไม่รู้ว่ามีอยู่ พอพูดออกไปปัญหาที่ไม่นึกถึงเลยอาจเป็นเรื่องใหญ่ทันทีเลยก็ได้ เเต่ถ้าคุณระบุปัญหาได้ ลูกค้าจะเชื่อมโยงเเละสนใจทันทีว่าคุณมีทางเเก้อะไรมาเสนอ
สมมติว่าเเอดขายอาหารตามสั่ง ปัญหาที่เเอดช่วยเเก้ไขได้เเละลิสต์ออกมาได้มีประมาณ 4 ข้อ
1. ความสะอาด
2. ราคา เเละ ปริมาณ
3. เมนูที่เยอะหลากหลายเกินไป
4. โภชนาการ
เอาหละทีนี้เลือกมาอย่างนึง เเค่อย่างเดียวจริงๆ เเล้วนำเสนอให้ตรงจุด
สมมุติเเอดเลือกปัญหาออกมาได้ว่า “จะคำนวณค่าโภชนาการต่อจาน ในร้านอาหารตามสั่งที่ควบคุมได้อย่างไร” เเอดอาจจะเขียนคำโฆษณาประมาณว่า “กินร้านตามสั่งเจอปัญหานี้ตลอด! ควบคุมโภชนาการอาหารไม่ได้ คิดFat คำนวณProteinยาก?” ตอนนี้เเอดมุ่งเป้าไปที่ปัญหาเดียวเลยคือ การคำนวณค่าโภชนาการอาหาร ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับทุกคน เเต่ถ้าวันไหนคุณคิดจะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร ผมค่อนข้างมั่นใจว่าร้านนี้ต้องเป็นหนึ่งในตัวเลือกเเน่
ดังนั้น
- ลิสปัญหาที่เกี่ยวกับสินค้าออกมา ลองคัดดูอันที่เจ๋งๆเเต่เรียบง่าย
- เน้นถึงปัญหาเดียว มากกว่าพูดถึงโดยรวม (ตรงนี้สำคัญ เพราะจะเป็นพื้นฐานในซีรีย์ถัดๆไป)
จบเเล้วครับกับการเขียนคำโฆษณาโดยเริ่มจากปัญหา ส่วนต่อไปคือทางเเก้ไข ส่วนนี้สำคัญไม่เเพ้กันเเต่ควรนำเสนอทีหลังเพื่อความน่าสนใจ👋
ปล.เเอดคิดว่าเเต่ละธุรกิจก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน การเน้นถึงปัญหาเดียวก็ไม่ต่างจากการกำหนดกลุ่มลูกค้า ซึ่งเดี๋ยวเเอดจะเขียนในตอนถัดๆไป อะไรที่เป็นประโยชน์ลองปรับใช้ดูนะครับสิ่งสำคัญคือการลงมือทำเเล้ววิเคราะห์ผลลัพธ์
ผมเชื่อว่าธุรกิจของทุกคน เดิมทีก็เเก้ปัญหาได้หมดนั่นเเหละ เพราะคุณคิดมันมาเพื่อตอบสนองลูกค้าอยู่เเล้ว (ใช่มั้ย?) เเค่คุณจัดลำดับการนำเสนอผิดลำดับเเค่นั้นเอง หลักคิดง่ายๆที่ผมเเกะเจอคือ ทางเเก้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเพราะจะทำให้ลูกค้าคุณสับสน นำเสนอทางเเก้ง่ายๆที่ตรงข้ามกับปัญหา
ผมขอยกตัวอย่างเดิมจากคราวที่เเล้วนะครับ → ร้านอาหารตามสั่ง
ปัญหา : กินร้านตามสั่งเจอปัญหานี้ตลอด! ควบคุมโภชนาการอาหารไม่ได้ คิดFat คำนวณProteinยาก? เพราะการเดาปริมาณวัตถุดิบที่พ่อครัวใส่ลงไปมันยากมาก
ทางเเก้ : เเต่เราคำนวณมาให้เเล้ว ทั้งCarb Protein Fat? มีให้หมดเลยในเมนู
ที่ผมบอกว่าไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเป็นเพราะ Sean ให้ความหมายระหว่าง “ทางเเก้” กับ “การบวนการ” ไม่เหมือนกัน ในตัวอย่างสมมติ ทางเเก้เราคือการคำนวณสารอาหารให้เสร็จสัพใช่มั้ยครับ เเต่กระบวนการคือการลงลึกถึงขั้นตอนต่างๆในการคำนวณ คุณไม่จำเป็นต้องบอกว่าคุณใช้เทคโนโลยีอะไรในการคำนวณ หรือสูตรคำนวณที่เป๊ะเเค่ไหน ลูกค้าเเค่มีปัญหาเราก็เเค่เสนอทางเเก้
เเละทางเเก้ห้ามนำเสนอก่อนปัญหาเด็ดขาด มันจะทำให้การโฆษณาขาดความน่าสนใจเเล้วลูกค้าจะไม่อยากรู้ต่อ ประโยคของคุณจะสั้นกระชับ หรืออธิบายยาวๆก็ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการ บริบท เเละช่องทางที่จะโฆษณา
ก่อนจบเนื้อหามา Recheck กันครับ
- ปัญหาช่วยดึงดูดความสนใจได้เสมอ
- เริ่มโครงสร้างจาก ปัญหาเเละตามด้วยทางเเก้ก่อนเสมอเพื่อดึงดูดความสนใจ
- ทางเเก้ควรเป็นเหรียญอีกด้านของปัญหา เรียบง่าย
ทั้งหมดนี้เป็นเเค่จุดเริ่มต้นของการขายของให้ลูกค้า ยังมีเทคนิคอีก 6 หลักในหนังสือที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากลูกค้าที่ยังลังเล เปลี่ยนใจซื้อในทันทีฝากกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ😊 เเอดมีเพจFb ชื่อ Anant. ด้วยนะะะ
Credit : เนื้อหาหลักในบทความนี้มาจากหนังสือ The Brain Audit by Sean D’Souza ผมสาบานเลยว่าในหนังสือเขียนไว้ดีกว่ามากๆ ยกตัวอย่างให้เราเข้าใจได้ง่าย ชาบูๆ🙇♂️
https://s.shopee.co.th/1qS5jWfKHx