ควรทำยังไงต่อ ความสัมพัก13ปี

กระทู้สนทนา
เมื่อปี2555ผมกับแฟนผมได้คุยกัน คุยกันไม่นานก็ได้แต่งงานกัน แต่งานไม่นานก็ได้มีลูกด้วยกัน ผมว่าชีวิตผมโชคดีมากที่ได้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นขนาดนี้
แฟนผมหึงผมมากเวลาทำงานที่ไหนหรือไปที่ไหนจะเช็คผมตลอด แต่ผมไม่เคยนอกใจเขาเลย ผมภูมิใจนะที่มีคนรักเราขนาดนี้
เรามักจะทำงานที่เดียวกันเกือบทุกบริษัทแต่ไม่นานมานี้  เรื่องเริ่มขึ้นประมาณปี 2566ผมกับแฟนต้องทำงาน
เเยกกันคนละที่ หลังจากแยกกันแค่หนึ่งเดือน
หลังจากนั้นแฟนก็เริ่มห่างผมไม่อยากให้ผมไปหา
จนผมจับได้แอบคุยกับอีกคน ผมยอมรับผมได้ทำร้ายร่างกายแฟนผม แฟนอยากเริ่มต้นกับผมใหม่ ผมก็ให้อภัยเเฟน หลังจากเหตุการวันนั้นแฟนผมก็ดีขึ้นมาก
คอยเป็นห่วงผมเหมือนก่อน
และอีกไม่กี่เดือนต่อมา ผมก็เริ่มสังเกตุว่าแฟนผมทำไมเริ่มเปลี่ยนไปอีกแล้ว จนผมจับได้อีกครั้งว่าแฟนผมกับไปคุยกับเขาอีก<คนเดิม> ทั้งที่รู้ว่าแฟนของผม
มีผมมีลูกกับผมแล้ว แต่ผู้ชายคนนั้นยังจะคุย
ครั้งนี้ผมก็ให้โอกาสอีกครั้งแฟนผมก็ดีขึ้นมาเหมือนเดิมอีก  แต่เหตุการวันนั้นมันทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่รักผมแล้ว ผมเคยถามแฟนผมว่ารักเขามากหรอถึงยอมเจ็บกับคนๆเดิมเพื่อที่จะได้คุยกับเขา  แฟนผมก็บอกจะไม่คุยแล้ว ผมก็สัญญากับแฟนผมว่าผมจะไม่ทำร้ายร่างกายแฟนผมอีก  แช้วเหตุที่อยากให้เกิดก็มาวนซ่ำอีก2รอบ
แล้วครั้งนี้ผมเลยบอกเเฟนผมไปว่า รอบนี้คือให้โอกาสครั้งสุดท้ายแล้วนะ แฟนก็บอกว่าได้
หลังจากนั้นไม่นานเราทั้ง2คนก็ได้กลับอยู่ที่บ้านทำงานที่บ้านด้วยกัน แล้วแฟนผมกฌบอกว่าอยากกลับไปทำงานที่เดิม ไปด้วยกันนะ ผมตอบไปว่าได้ แต่ขอเคลียงานอีก2-3วันนะ  วันนี้ไปหาหอพักเนาะ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แฟนผมจะเริ่งงานวันจันทร์  แล้วเราก็ได้หอพัก
ในวันจันทร์11/8/68 ผมได้ไปส่งแฟนผมทำงาน
แล้วก็ได้พบกันเหตุการหนี่ง ที่ทำให้ผมได้รู้ว่า แฟนผมทีอีกหนึ่งเฟสที่เขายังคุยกับผู้ชายอยู่ ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนเย็นที่ไปรับแฟนกลับบ้าน ผมเลยนัดกับทางญาติผู้ใหญ่ให้ไปเจอกันที่ๆหนึ่ง
ผมตั้งใจจะคุยกันให้รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อ
จนสุดท้ายแฟนผมให้คำต่อหน้าทุกคนว่า  ขออยู่ห่างๆกันก่อน  ผมร้องไห้หนักมาก อยู่ด้วยกัมา13ปี มันจบแล้ว  แล้วในเย็นวันนั้น ผมกับผู้ใหญ่อีกคนได้ไปส่งแฟนผม กลับไปอยู่หอพักเชียงราย  ระหว่างทางตอนเย็นก็ได้แวะกินข้าวกัน ผมจำรสชาติก๋วยเตี๋ยววันนั้นไม่ออกเลย เพราะตอนนั้นผมเหมือนรนไม่รู้สึกตัว
หลังจากผมกินข้าวเสร็จก่อน  ด้วยความที่เป็นห่วงแฟนผมที่ต้องไปอยู่คนเดียว แล้วก็ดูว่าของใช้ส่วนตัวไม่มี ผมเลยเดินข้ามถนนไปซื้อมาให้แฟนผมอีก
และหลังจากนั้น อีกไม่นานก็ได้ถึงหอพักที่ผมเช่า
ผมกับผู้ใหญ่ได้เอาของและรถมอเตอร์ไซ ลงจากรถ
เอาไว้แฟนผมขับไปทำงาน แฟนไม่พูดกับผมซักคำ
และผมกัยผู้ใหญ่ที่ไปส่งก็ได้ขับรถออกมา หลังจากออกมาจากหอพักผมร้งไห้หนักมากจนไม่ได้สติ ความผูกพัน 13ปีจบลงเเล้ว ผมคิดตลอดว่ามันไม่จริง
ทำไมเขาใจร้ายกับผมได้ขนาดนี้ วันต่อมา ผมได้พาลูกเอาของที่แฟนผมเอาไปไม่หมด ไปส่งให้ที่หอพักอีกครั้ง
โดยผมกับแฟนตกลงกันว่า อย่าให้ลูกของเรารู้ ว่าเราเลิกกันแล้ว แฟนผมก็ โอเค
หลังจากที่ไปถึงหอพักแฟนของผม ผมกับลูกได้เอาของลงจากรถ ไว้ที่ห้องแฟนผม แฟนของผมยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน ผมก็รอแฟนผมกลับมาจากที่ทำงาน เพราะอยากให้แฟนผมคุยกับลูก ว่าแม่เเค่มาทำงานนะ
หลังจากนั้นผมกำลังจะกลับบ้าน ผมเลยบอกลูกว่าไปรอในรถก่อนนะ ผมก็ได้เข้าไปกอดกันอีกครั้ง ต่างคนต่างกอดและร้องไห้กัน แฟนผมก็ได้บอกว่า ขออยู่คนเดียวทบทวนตัวเองก่อนนะ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ดูแลตัวเองดีๆนะ แล้วแฟนผมก็บอกว่าถ้าอยากเริ่มใหม่กับใครก็เริ่มเลยนะ ไม่ต้องรอ ผมก็บอกว่าจะรอจนกว่าแฟนผมจะเริ่มมีคนอื่นก่อน ผมบอกแบบนี้
แฟนผมบอกว่า ขออยู่คนเดียวอีก1-2ปีก่อนนะ ยังไม่คุยกับใครหรอก
หลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์  มีเหตุให้ได้คุยกัน ผมเลยถามแฟนผมว่าเป็นยังไงอยู่ได้ไหม ผมพูดด้วยร้องไห้ด้วย ผมบอกว่าผมอยู่ไม่ได้นะ กลับไปอยู่ด้วยกันได้ไหม ผมจะเลิกทุกอย่างที่แฟนผมไม่ชอบในตัวผม
แฟนผมตอบมาว่า ทำไมบอกช้าจัง น่าจะบอกก่อนสัก1อาทิตย์  พอดีมีคนคุยแล้ว ผมนั้งช็อคไปเลย
ผมเลยคิดในใจว่า  คนคบกันมา13ปี ยังแพ้คน1อาทิตย์เลย  เพราะแฟนผมว่า รอดูก่อนว่าจะเริ่มได้ไหม
สุดท้ายผมเลยตัดสินใจ คุยกับแฟนผมว่า งั้นไม่เป็นไร
เริ่มใหม่กับคนนั้นไปเเล้วก็ไม่เป็นไร โชคดีนะ
ถ้าไม่ใช้เรื่องสำคัญจริงๆจะไม่ทักไปนะ เรื่องส่วนตัวจะไม่ทักไป  แฟนผมก็ตอบมาว่า  เค ขอบคุณมาก
#ผมต่องทำไงต่อ ระหว่างที่เลิกกันตั้งแต่วันที่11ก่อนที่จะผมทักไปหาเขา ผมเคยลองเปิดใจให้ไปกับคนอื่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกับเขาต่อ  ผมยังหรอกตัวเองว่าเขาจะกลับมาให้รอเขาก่อน.   ทั้งที่รู้ว่าหรอกตัวเองแต่ก็ยังคิดอยู่ตลอด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่