เมื่อเช้าผมเข้าเซเว่น บังเอิญเห็นโปสเตอร์โฆษณาชาเชียวสตรอว์เบอร์รี่ เลยลองสั่งดู
น้องคนขายเขาใช้ความพยายามมากในการชงชาเขียวให้ละลาย คือชงอยู่นานมาก แต่ก็ไหวอยู่
เพราะเครื่องดื่มพวกนี้เพียงทำตามสูตรก็อร่อย
นึกถึงสมัยแม่ยังมีชีวิต แกมักมีโปตัสเซียมสูงประมาณ 5.4 อยู่เสมอ ทำให้ต้องกินยาลดโปตัสเซียม
ยาเหล่านี้เป็น cation exchange resin คือสารที่ไม่ละลายน้ำ ตระกูลเดียวกับเรซินที่ใช้ในเครื่องกรองน้ำ แต่
ใช้แลกเปลี่ยนไออนคนละชนิดกัน รสชาติกินยากมาก เพราะมันชงไม่ละลาย เวลาผสมน้ำจะรู้สึกคล้ายกินผงทราย
ผมเลยเอาความรู้ในการชงกาแฟสำเร็จรูปมาใช้ พบว่าได้ผลดี
ผมเป็นคนที่กินกาแฟหนัก เวลาไปตามพื้นที่ห่างไกล ผมจึงมักเอากาแฟสำเร็จรูปไปด้วย อาจชงกับน้ำอุ่นจากการตากแดดในรถ
หรือน้ำเย็นก็ได้ ซึ่งมีเทคนิคที่สามารถมาประยุกต์กับการชงยาได้ สองแบบ
วิธีหนึ่งที่ทำง่ายคือเอายา+น้ำ ใส่ในขวดน้ำดื่มพลาสติกแล้วเขย่าแรงๆ นานๆ วิธีนี้ประสิทธิภาพไม่สูงมาก
วิธีที่สองที่อยากนำเสนอ คือวิธีเทระหว่างแก้วสองใบ คล้ายการทำชาชัก ผมแนะนำแบบนี้คือ
1. หาแก้วมาสองใบ จะต้องเป็นแก้วที่มีด้านบนใหญ่กว่าด้านล่าง แก้วพลาสติกสำหรับใส่กาแฟเย็นขอฃอเมซอนก็ได้
ไม่จำเป้นต้องมีปากแบบเหยือกน้ำ
2. เทผงยาลงในแก้วใบหนึ่ง สมมุติว่ายามีขนาด 15 ซีซี
3. เทน้ำหวานเฮลส์บลูบอยลงในแก้วอีกใบประมาณ 15 ซีซี และนมข้นหวานอีกประมาณ 10 ซีซี หรือไม่ใส่ก็ได้
ถ้าคนไข้กินได้เยอะก็ใส่น้ำหวานเยอะๆ ที่ต้องใช้เฮลส์ เพราะเป็นน้ำหวานที่มีกลิ่นและรสแรง และคนไข้สูงอายุมักชอบกินตอนเด็กๆ
ในความเข้มข้นขนาดนี้ คุณจะไม่สามารถชงด้วยวิธีอื่นได้ เช่นเอาช้อนคน มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่ได้ผลดี
4. เอาแก้วในข้อ 3. เทพรวดลงในแก้วยา (แก้ว 2)
5. เทกลับไปมาระหว่างแก้ว 2 กับแก้ว 3 ประมาณ 30 ครั้ง จนยาผสมเป็นเนื้อเดียวกับน้ำหวาน ถ้าชิมจะต้องไม่มีสัมผัสเหมือนทราย
6. ให้ผู้ป่วยทาน
ดูไม่ยากใช่ไหมครับ แต่ที่จริงพอทำเสร็จอาจหกไปครึงหนึ่ง ผมแนะนำให้ฝึกก่อนโดยชงกาแฟทรีอินวันกับน้ำเย็นจากตู้เย็น ทำจนคล่อง หกน้อยมาก
แล้วค่อยลองกับยา
เทคนิคนี้ใช้ได้กับยาทุกชนิด เช่นพาราฯ ยาพวกแคปซูลทุกชนิดสามารถแกะผงออกมาผสมได้ ยาทั่วไปไม่จำเป็นต้องผสมนม ใช้น้ำหวานอย่างเดียวได้
ถ้าเป็นเบาหวานผมแนะนำให้ใช้น้ำตาลเทียมแบบน้ำเชื่อม เช่น Maltitol เช่น Kontrol
ส่วนยาเม็ดก่อนชงแนะนำให้ทุบในถุงพลาสติกก่อน ถ้าไม่มีโกร่งบดยา
แนะนำวิธีการชงยากับน้ำหวาน แบบที่ยากที่สุดเช่น ยา kayexalate
น้องคนขายเขาใช้ความพยายามมากในการชงชาเขียวให้ละลาย คือชงอยู่นานมาก แต่ก็ไหวอยู่
เพราะเครื่องดื่มพวกนี้เพียงทำตามสูตรก็อร่อย
นึกถึงสมัยแม่ยังมีชีวิต แกมักมีโปตัสเซียมสูงประมาณ 5.4 อยู่เสมอ ทำให้ต้องกินยาลดโปตัสเซียม
ยาเหล่านี้เป็น cation exchange resin คือสารที่ไม่ละลายน้ำ ตระกูลเดียวกับเรซินที่ใช้ในเครื่องกรองน้ำ แต่
ใช้แลกเปลี่ยนไออนคนละชนิดกัน รสชาติกินยากมาก เพราะมันชงไม่ละลาย เวลาผสมน้ำจะรู้สึกคล้ายกินผงทราย
ผมเลยเอาความรู้ในการชงกาแฟสำเร็จรูปมาใช้ พบว่าได้ผลดี
ผมเป็นคนที่กินกาแฟหนัก เวลาไปตามพื้นที่ห่างไกล ผมจึงมักเอากาแฟสำเร็จรูปไปด้วย อาจชงกับน้ำอุ่นจากการตากแดดในรถ
หรือน้ำเย็นก็ได้ ซึ่งมีเทคนิคที่สามารถมาประยุกต์กับการชงยาได้ สองแบบ
วิธีหนึ่งที่ทำง่ายคือเอายา+น้ำ ใส่ในขวดน้ำดื่มพลาสติกแล้วเขย่าแรงๆ นานๆ วิธีนี้ประสิทธิภาพไม่สูงมาก
วิธีที่สองที่อยากนำเสนอ คือวิธีเทระหว่างแก้วสองใบ คล้ายการทำชาชัก ผมแนะนำแบบนี้คือ
1. หาแก้วมาสองใบ จะต้องเป็นแก้วที่มีด้านบนใหญ่กว่าด้านล่าง แก้วพลาสติกสำหรับใส่กาแฟเย็นขอฃอเมซอนก็ได้
ไม่จำเป้นต้องมีปากแบบเหยือกน้ำ
2. เทผงยาลงในแก้วใบหนึ่ง สมมุติว่ายามีขนาด 15 ซีซี
3. เทน้ำหวานเฮลส์บลูบอยลงในแก้วอีกใบประมาณ 15 ซีซี และนมข้นหวานอีกประมาณ 10 ซีซี หรือไม่ใส่ก็ได้
ถ้าคนไข้กินได้เยอะก็ใส่น้ำหวานเยอะๆ ที่ต้องใช้เฮลส์ เพราะเป็นน้ำหวานที่มีกลิ่นและรสแรง และคนไข้สูงอายุมักชอบกินตอนเด็กๆ
ในความเข้มข้นขนาดนี้ คุณจะไม่สามารถชงด้วยวิธีอื่นได้ เช่นเอาช้อนคน มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่ได้ผลดี
4. เอาแก้วในข้อ 3. เทพรวดลงในแก้วยา (แก้ว 2)
5. เทกลับไปมาระหว่างแก้ว 2 กับแก้ว 3 ประมาณ 30 ครั้ง จนยาผสมเป็นเนื้อเดียวกับน้ำหวาน ถ้าชิมจะต้องไม่มีสัมผัสเหมือนทราย
6. ให้ผู้ป่วยทาน
ดูไม่ยากใช่ไหมครับ แต่ที่จริงพอทำเสร็จอาจหกไปครึงหนึ่ง ผมแนะนำให้ฝึกก่อนโดยชงกาแฟทรีอินวันกับน้ำเย็นจากตู้เย็น ทำจนคล่อง หกน้อยมาก
แล้วค่อยลองกับยา
เทคนิคนี้ใช้ได้กับยาทุกชนิด เช่นพาราฯ ยาพวกแคปซูลทุกชนิดสามารถแกะผงออกมาผสมได้ ยาทั่วไปไม่จำเป็นต้องผสมนม ใช้น้ำหวานอย่างเดียวได้
ถ้าเป็นเบาหวานผมแนะนำให้ใช้น้ำตาลเทียมแบบน้ำเชื่อม เช่น Maltitol เช่น Kontrol
ส่วนยาเม็ดก่อนชงแนะนำให้ทุบในถุงพลาสติกก่อน ถ้าไม่มีโกร่งบดยา