ขายให้ฝรั่งไม่ได้ ก็มาขายให้คนเอเชียด้วยกัน
VinFast เดิมพันครั้งใหม่ใน ‘เอเชีย’ อกหักจากตลาด ‘สหรัฐ-ยุโรป’ ซีอีโอไม่ถอดใจแม้ขาดทุน ใช้เงิน Vingroup หนุนอนาคต หันตั้งโรงงานใหม่ในอินเดีย-อินโดนีเซีย
ที่ผ่านมา “ฝ่าม เญิ๊ต เวือง” (Pham Nhat Vuong) มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเวียดนามวัย 57 ปี ทุ่มเงินไปแล้วอย่างน้อย 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อผลักดัน “รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม” อย่างวินฟาสต์ (VinFast) ให้ก้าวสู่ตลาดใหญ่ในสหรัฐและยุโรป โดยยืนยันว่าจะสนับสนุนวินฟาสต์ต่อไปจนกว่าเงินจะหมด แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ
เรื่องนี้ทำให้มหาเศรษฐีตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เพื่อหยุดยั้งการขาดทุนมหาศาลของวินฟาสต์ โดยการเดิมพันครั้งใหม่ในตลาดใน ‘เอเชีย’ เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์แทน
เดิมพันครั้งใหม่ในตลาด ‘อาเซียน’
แม้ว่าบริษัทวินฟาสต์กำลังการ “ขาดทุน” อย่างหนัก โดยเมื่อปีที่แล้วบริษัทมีต้นทุนถึง 1.57 ดอลลาร์ สำหรับยอดขายทุกๆ 1 ดอลลาร์ ทำให้บริษัทขาดทุนรวม 3.2 พันล้านดอลลาร์ แต่ความทุ่มเทของผู้ก่อตั้งก็ยังคงทำให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้
ขณะเดียวกัน บริษัทเผชิญกับอุปสรรคในการขยายตลาดในอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการวิจารณ์เชิงลบเกี่ยวกับตัวรถและการเรียกคืนรถยนต์เนื่องจากปัญหาซอฟต์แวร์
ตัวเลขในปี 2567 แสดงให้เห็นว่าจากรถยนต์ทั้งหมด 97,399 คัน ที่ส่งมอบทั่วโลก มีถึงประมาณ 90% ที่อยู่ในเวียดนาม นอกจากนี้ VinFast ยังได้เลื่อนแผนการสร้างโรงงานในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐออกไปจนถึงปี 2571 ซึ่งสะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนครั้งสำคัญ
เรื่องนี้ทำให้ VinFast ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะสั้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายมายังตลาดเอเชียที่บริษัทเคยมองว่า "เติบโตช้า" ในปัจจุบัน แต่มี "ศักยภาพมหาศาลและกำลังจะเข้าสู่ช่วงเติบโตแบบก้าวกระโดด" ในอนาคต ด้วยประชากรกว่า 2 พันล้านคนและมีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ยังต่ำ
VinFast ตั้งโรงงานแห่งแรกในอินเดีย
การเปิดโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกในต่างประเทศที่ประเทศอินเดียเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การขยายตลาดในเอเชียของวินฟาสต์ โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ใกล้เมืองท่าธุลีกุฎี (Thoothukudi) ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับการส่งออก
.
โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตรถยนต์ได้ถึง 150,000 คันต่อปี ซึ่งจะรองรับตลาดในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยวินฟาสต์ได้เริ่มต้นลงทุนในอินเดียด้วยเงิน 500 ล้านดอลลาร์และคาดว่าจะเพิ่มการลงทุนในระยะยาวเป็น 2 พันล้านดอลลาร์ในที่สุด
.
ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา VinFast ได้เปิดโรงงานแห่งที่ 2 ในเวียดนาม ซึ่งมีกำลังการผลิตรถยนต์ได้ 200,000 คันต่อปี นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดโรงงานขนาดเล็กในอินโดนีเซีย แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะถึงกำหนดเปิดใช้งาน
วินฟาสต์กับการแข่งขันที่ดุเดือด
ตู เล่อ ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านรถยนต์ Sino Auto Insights กล่าวว่า “วินฟาสต์กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องแข่งกับเวลาอย่างแท้จริง แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มได้รับความนิยมในเวียดนามแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบริษัทจะสามารถสร้างฐานตลาดในเอเชียได้เร็วพอที่จะแข่งขันกับคู่แข่งจากจีนและประเทศอื่นๆ ได้หรือไม่”
นับตั้งแต่ปี 2560 ที่ VinFast เริ่มต้นธุรกิจ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีราคาถูกและแข่งขันได้ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นภัยคุกคามไม่เพียงแต่สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทใหญ่อย่าง Volkswagen และ Tesla ด้วย
แม้ว่าการแข่งขันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังน้อยกว่าในภูมิภาคอื่น แต่ตู เล่อ ก็ได้เตือนว่าสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปในอนาคต หากบริษัทจากจีนเริ่มเข้ามาทำ "สงครามราคา" ดังนั้นหาก VinFast ไม่สามารถสร้างฐานที่มั่นคงได้ก่อน ก็ยากที่จะมีอนาคตนอกเวียดนาม
ลิงก์อ่านต่อ
https://www.bangkokbiznews.com/world/1194614?fbclid=IwQ0xDSwMQl7ljbGNrAxCXrGV4dG4DYWVtAjExAAEegBR6guYjFR3YOG3oKQihwNJGSf5h9dZ0zBdNsddbAY3f-MNPy4lvbwVuGZ0_aem_kWRlZFX8lJMXc_U_J2RBHA
VinFast อกหักจากสหรัฐ-ยุโรป ซีอีโอไม่ถอดใจ เดิมพันครั้งใหม่ใน ‘เอเชีย’
VinFast เดิมพันครั้งใหม่ใน ‘เอเชีย’ อกหักจากตลาด ‘สหรัฐ-ยุโรป’ ซีอีโอไม่ถอดใจแม้ขาดทุน ใช้เงิน Vingroup หนุนอนาคต หันตั้งโรงงานใหม่ในอินเดีย-อินโดนีเซีย
ที่ผ่านมา “ฝ่าม เญิ๊ต เวือง” (Pham Nhat Vuong) มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเวียดนามวัย 57 ปี ทุ่มเงินไปแล้วอย่างน้อย 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อผลักดัน “รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม” อย่างวินฟาสต์ (VinFast) ให้ก้าวสู่ตลาดใหญ่ในสหรัฐและยุโรป โดยยืนยันว่าจะสนับสนุนวินฟาสต์ต่อไปจนกว่าเงินจะหมด แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ
เรื่องนี้ทำให้มหาเศรษฐีตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เพื่อหยุดยั้งการขาดทุนมหาศาลของวินฟาสต์ โดยการเดิมพันครั้งใหม่ในตลาดใน ‘เอเชีย’ เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์แทน
เดิมพันครั้งใหม่ในตลาด ‘อาเซียน’
แม้ว่าบริษัทวินฟาสต์กำลังการ “ขาดทุน” อย่างหนัก โดยเมื่อปีที่แล้วบริษัทมีต้นทุนถึง 1.57 ดอลลาร์ สำหรับยอดขายทุกๆ 1 ดอลลาร์ ทำให้บริษัทขาดทุนรวม 3.2 พันล้านดอลลาร์ แต่ความทุ่มเทของผู้ก่อตั้งก็ยังคงทำให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้
ขณะเดียวกัน บริษัทเผชิญกับอุปสรรคในการขยายตลาดในอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการวิจารณ์เชิงลบเกี่ยวกับตัวรถและการเรียกคืนรถยนต์เนื่องจากปัญหาซอฟต์แวร์
ตัวเลขในปี 2567 แสดงให้เห็นว่าจากรถยนต์ทั้งหมด 97,399 คัน ที่ส่งมอบทั่วโลก มีถึงประมาณ 90% ที่อยู่ในเวียดนาม นอกจากนี้ VinFast ยังได้เลื่อนแผนการสร้างโรงงานในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐออกไปจนถึงปี 2571 ซึ่งสะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนครั้งสำคัญ
เรื่องนี้ทำให้ VinFast ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะสั้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายมายังตลาดเอเชียที่บริษัทเคยมองว่า "เติบโตช้า" ในปัจจุบัน แต่มี "ศักยภาพมหาศาลและกำลังจะเข้าสู่ช่วงเติบโตแบบก้าวกระโดด" ในอนาคต ด้วยประชากรกว่า 2 พันล้านคนและมีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ยังต่ำ
VinFast ตั้งโรงงานแห่งแรกในอินเดีย
การเปิดโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกในต่างประเทศที่ประเทศอินเดียเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การขยายตลาดในเอเชียของวินฟาสต์ โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ใกล้เมืองท่าธุลีกุฎี (Thoothukudi) ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับการส่งออก
.
โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตรถยนต์ได้ถึง 150,000 คันต่อปี ซึ่งจะรองรับตลาดในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยวินฟาสต์ได้เริ่มต้นลงทุนในอินเดียด้วยเงิน 500 ล้านดอลลาร์และคาดว่าจะเพิ่มการลงทุนในระยะยาวเป็น 2 พันล้านดอลลาร์ในที่สุด
.
ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา VinFast ได้เปิดโรงงานแห่งที่ 2 ในเวียดนาม ซึ่งมีกำลังการผลิตรถยนต์ได้ 200,000 คันต่อปี นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดโรงงานขนาดเล็กในอินโดนีเซีย แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะถึงกำหนดเปิดใช้งาน
วินฟาสต์กับการแข่งขันที่ดุเดือด
ตู เล่อ ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านรถยนต์ Sino Auto Insights กล่าวว่า “วินฟาสต์กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องแข่งกับเวลาอย่างแท้จริง แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มได้รับความนิยมในเวียดนามแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบริษัทจะสามารถสร้างฐานตลาดในเอเชียได้เร็วพอที่จะแข่งขันกับคู่แข่งจากจีนและประเทศอื่นๆ ได้หรือไม่”
นับตั้งแต่ปี 2560 ที่ VinFast เริ่มต้นธุรกิจ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีราคาถูกและแข่งขันได้ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นภัยคุกคามไม่เพียงแต่สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทใหญ่อย่าง Volkswagen และ Tesla ด้วย
แม้ว่าการแข่งขันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังน้อยกว่าในภูมิภาคอื่น แต่ตู เล่อ ก็ได้เตือนว่าสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปในอนาคต หากบริษัทจากจีนเริ่มเข้ามาทำ "สงครามราคา" ดังนั้นหาก VinFast ไม่สามารถสร้างฐานที่มั่นคงได้ก่อน ก็ยากที่จะมีอนาคตนอกเวียดนาม
ลิงก์อ่านต่อ
https://www.bangkokbiznews.com/world/1194614?fbclid=IwQ0xDSwMQl7ljbGNrAxCXrGV4dG4DYWVtAjExAAEegBR6guYjFR3YOG3oKQihwNJGSf5h9dZ0zBdNsddbAY3f-MNPy4lvbwVuGZ0_aem_kWRlZFX8lJMXc_U_J2RBHA