
ก่อนอื่นก็ต้องเกริ่นไว้ก่อนนะครับ ผมไม่ได้มาอวย

ฝรั่งแต่อย่างไร เพียงแต่เป็นการสังเกตนะครับ
ว่ามันแปลกมากนะครับ เท่าที่ผมสังเกตุอดีตจนมาถึงปัจจุบัน สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี บนโลกส่วนใหญ่ แทบเกือบทุกอย่าง มากจากฝั่งคนฝรั่งหัวทองตะวันตกซะเกือบหมด ไม่ว่าจะศาสตร์อะไรบนโลก ฝรั่งหัวทองทำไมเขาทุ่มสุดตัวมากๆในการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งต่างๆ ออกมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันนี้
ประวัติศาสตร์อารยธรรมโบราณหลายอย่างฝรั่งก็เป็นคนเก็บข้อมูลศึกษาจนละเอียด เช่นตัวอย่างที่เห็น อย่างอาณาจักรขอม ฝรั่งก็ศึกษาเก็บข้อมูลออกมาทำสารคดีอย่างละเอียด ไม่ใช่คนในประเทศหรือคนพื้นเพในเอเชียค้นคว้าเอง
ตัวอย่าง อย่างของอาณาจักรสุเมเรียน อาณาจักรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของมนุษย์ เป็นอาณาจักรแรกสุดที่มนุษย์ได้รวมตัวกัน ก็เป็นคนอังกฤษคนนึงไปเที่ยวอิรัก แล้วสังเกตเห็นอิฐใหญ่ถมอยู่ในทราย เขาเลยกลับไปของบที่อังกฤษกลับมาค้นคว้าศึกษาต่อ จนได้ค้นพบอาณาจักรสุเมเรียนในที่สุด
และสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยี นวัตกรรม วิทยาศาตร์สุดล้ำมากมายบนโลกใบนี้แทบเกือบทุกอย่างมาจากการศึกษาค้นคว้าและประดิษฐ์สร้างออกมาจากฝรั่งตะวันตกเกือบหมด ซึ่งต้องเรียกว่า Founder ผู้ริเริ่มต้นฉบับแรกสุดอย่างแท้จริง
เท่าที่สังเกตนะครับเวลาฝรั่งศึกษาอะไรเค้าทุ่มสุดดัวอุทิศเวลาศึกษาจริงจังมาก หลายๆ สิ่งประดิษฐ์กว่าจะสร้างออกมาได้ก็ใช้เวลาคิดค้นเป็นแรมปี และก็ไม่เคยหยุดพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเรื่อยๆ มีความต่อเนื่อง
แต่กลับกันฝั่งเอเชีย เหมือนโลกคู่ขนาน ไม่ค่อยเห็นมีนวัตกรรมใหม่ที่เป็นผู้ริเริ่มคิดค้นสร้างเองมาจนถึงปัจจุบันก็ว่าได้ อาจจะเห็นมีบ้าง แต่ถ้ามองภาพใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อมนุยชาตินั้น จะเป็นนวัตกรรมจากคนตะวันตกซะส่วนใหญ่
ของเอเชียเราจะหนักไปทาง Reverse engineering ถ้าพูดแบบบ้านๆ ก้อปงานชาวบ้านมาต่อยอด
อย่างรถยนต์ยุคแรกญี่ปุ่นก็ต้องไปเรียนศึกษาที่อเมริกาโน่เอาเครื่องมาชำแหละดูว่าเขาทำไงแล้วทำต่อยอด
อย่างของจีนก็เห็นได้ชัด Reverse engineering ซะส่วนใหญ่มาต่อยอดแล้วตัดราคา รถยนต์ มือถือ บลาๆ
อเมริกาโน่มี OpenAi Gemini จีนก็ทำ DeepSeek เลียนแบบต่อยอด เป็นต้น
ไม่ว่าจะเทคโนโลยีซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ ส่วนใหญ่มาจากตะวันตกเกือบหมด
อินเตอร์เน็ตที่เราใช้ทุกวัน ท่องเว็บทุกวันนี้ได้ก็เพราะ จุดเริ่มต้นก็มาจากเว็บเล็กๆในเครือข่ายเน็ตเวิร์คของกลาโหมสหรัฐ
เพื่อนๆ ลองมองรอบๆ ตัวสิครับ แทบเกือบทุกอย่างฝรั่งทั้งนั้นที่คิดค้นต้นแบบขึ้นมา
เทคโนโลยีการสื่อสาร การคมนาคม การแพทย์ ที่ทันสมัยก็มาจากฝรั่งเกือบหมดเลยครับ
หรือเป็นเพราะวิธีการปูพื้นฐานการเรียนรู้ทีเขาสอนให้ตั้งคำถาม ให้สังเกต และทดลองศึกษา และจดบันทึก รักการอ่าน แสดงความเห็นโต้แย้งหาข้อเท็จจริงอะไรเทือกนี้รึเปล่าที่ภาพรวมส่วนใหญ่ฝรั่งเลยชอบศึกษาค้นคว้า
แต่ด้วยวัฒนธรรมเอเชียเราอาจจะไม่เอื้อแบบนั้นรึเปล่าครับ
คือยกตัวอย่างง่ายๆ สมัยเรียนคือ ใครยกมือตอบคำถามครู ถามตอบผิดก็หัวเราะกัน ทำให้อายไม่กล้าตอบในมุมมองความเห็นของตัวเอง เถียงครูก็ไม่ค่อยได้
แต่ผมเห็นหนังฝรั่ง ถ้าเด็กตอบผิดหรือนักเรียนตอบแตกต่างออกไป ครูก็จะบอกประมาณว่า นั่นเป็นไอเดียที่ดีเลย และครูก็จะอธิบายยกตัวอย่างเสริม สร้างเคสขึ้นมาและตั้งคำถามกลับโดยอิงข้อจริง ถามว่าถ้าเกิดแบบนี้เธอจะทำอย่างไร เพื่อนให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์และแสดงความเห็นออกมาแบบนี้รึเปล่า
แต่อย่างบ้านเราหรือฝั่งเอเชียหนักไปทางท่องจำ
ผมเคยเห็นคนบ้านเราไปเรียนฝั่งตะวันตกมาแชร์มุมมองให้ฟังว่า
ตารางธาตุเขาไม่ให้ท่อง ครูบอกว่าเป็นเรื่องสตูปิด จะไปท่องทำไม ก็เอาเข้าห้องสอบ เอาไปทำโจทย์เชิงวิเคราะห์ดีกว่า
ตอนสอบคณิตก็เอาเครื่องคิดเลขเข้าไปเลย เอาเวลาไปวิเคราะห์โจทย์ เพราะครูเขาจะดูกระบวนการคิดว่าวิธีที่ทำออกมาซึ่งให้ได้ผลลัพท์ใช้วิธีคิดแบบไหนตามหลักคณิตที่ครูสอน
ผมจำได้สมัยก่อนผมท่องสองหนึ่งสองอยู่
อย่างฝรั่งชอบพกหนังสือไปอ่าน ชอบจดไดอะรี่
สิ่งเหล่านี้รึเปล่าครับในภาพรวม ที่ระหว่าง ฝรั่ง กับ เอเชีย เลยต่างกันในการพัฒนาสิ่งต่างๆ
อย่างที่ผมบอก การค้นพบอาณาจักรสุเมเรียน ถ้าเป็นคนเอเชียทั่วไป เห็นก้อนอิฐใหญ่ถมทราย ก็แค่นั่นไม่ได้คิดอะไรต่อ กลับบ้านนอน
แต่ฝรั่งเห็นและสังเกตว่า ทำไมมันมีรูปแบบเดียวกัน และมีหลายก้อนจำนวนมา ตั้งคำถามว่า ไม่น่าจะใช่ธรรมชาติสร้าง เอะใจว่าดูเหมือนเป็นคนสร้างเลยทำการศึกษาต่อจนรู้ลึกเลยประมาณนั้นครับ
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไร
ทำไมฝรั่งหัวทองตะวันตกถึงชอบคิดค้นทุ่มสุดตัวศึกษาจริงจังและสร้างสิ่งประดิษฐ์ ต่างจากคนเอเชียไม่ค่อยคิดสร้างอะไรเท่าไหร่
ก่อนอื่นก็ต้องเกริ่นไว้ก่อนนะครับ ผมไม่ได้มาอวย
ว่ามันแปลกมากนะครับ เท่าที่ผมสังเกตุอดีตจนมาถึงปัจจุบัน สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี บนโลกส่วนใหญ่ แทบเกือบทุกอย่าง มากจากฝั่งคนฝรั่งหัวทองตะวันตกซะเกือบหมด ไม่ว่าจะศาสตร์อะไรบนโลก ฝรั่งหัวทองทำไมเขาทุ่มสุดตัวมากๆในการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งต่างๆ ออกมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันนี้
ประวัติศาสตร์อารยธรรมโบราณหลายอย่างฝรั่งก็เป็นคนเก็บข้อมูลศึกษาจนละเอียด เช่นตัวอย่างที่เห็น อย่างอาณาจักรขอม ฝรั่งก็ศึกษาเก็บข้อมูลออกมาทำสารคดีอย่างละเอียด ไม่ใช่คนในประเทศหรือคนพื้นเพในเอเชียค้นคว้าเอง
ตัวอย่าง อย่างของอาณาจักรสุเมเรียน อาณาจักรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของมนุษย์ เป็นอาณาจักรแรกสุดที่มนุษย์ได้รวมตัวกัน ก็เป็นคนอังกฤษคนนึงไปเที่ยวอิรัก แล้วสังเกตเห็นอิฐใหญ่ถมอยู่ในทราย เขาเลยกลับไปของบที่อังกฤษกลับมาค้นคว้าศึกษาต่อ จนได้ค้นพบอาณาจักรสุเมเรียนในที่สุด
และสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยี นวัตกรรม วิทยาศาตร์สุดล้ำมากมายบนโลกใบนี้แทบเกือบทุกอย่างมาจากการศึกษาค้นคว้าและประดิษฐ์สร้างออกมาจากฝรั่งตะวันตกเกือบหมด ซึ่งต้องเรียกว่า Founder ผู้ริเริ่มต้นฉบับแรกสุดอย่างแท้จริง
เท่าที่สังเกตนะครับเวลาฝรั่งศึกษาอะไรเค้าทุ่มสุดดัวอุทิศเวลาศึกษาจริงจังมาก หลายๆ สิ่งประดิษฐ์กว่าจะสร้างออกมาได้ก็ใช้เวลาคิดค้นเป็นแรมปี และก็ไม่เคยหยุดพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเรื่อยๆ มีความต่อเนื่อง
แต่กลับกันฝั่งเอเชีย เหมือนโลกคู่ขนาน ไม่ค่อยเห็นมีนวัตกรรมใหม่ที่เป็นผู้ริเริ่มคิดค้นสร้างเองมาจนถึงปัจจุบันก็ว่าได้ อาจจะเห็นมีบ้าง แต่ถ้ามองภาพใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อมนุยชาตินั้น จะเป็นนวัตกรรมจากคนตะวันตกซะส่วนใหญ่
ของเอเชียเราจะหนักไปทาง Reverse engineering ถ้าพูดแบบบ้านๆ ก้อปงานชาวบ้านมาต่อยอด
อย่างรถยนต์ยุคแรกญี่ปุ่นก็ต้องไปเรียนศึกษาที่อเมริกาโน่เอาเครื่องมาชำแหละดูว่าเขาทำไงแล้วทำต่อยอด
อย่างของจีนก็เห็นได้ชัด Reverse engineering ซะส่วนใหญ่มาต่อยอดแล้วตัดราคา รถยนต์ มือถือ บลาๆ
อเมริกาโน่มี OpenAi Gemini จีนก็ทำ DeepSeek เลียนแบบต่อยอด เป็นต้น
ไม่ว่าจะเทคโนโลยีซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ ส่วนใหญ่มาจากตะวันตกเกือบหมด
อินเตอร์เน็ตที่เราใช้ทุกวัน ท่องเว็บทุกวันนี้ได้ก็เพราะ จุดเริ่มต้นก็มาจากเว็บเล็กๆในเครือข่ายเน็ตเวิร์คของกลาโหมสหรัฐ
เพื่อนๆ ลองมองรอบๆ ตัวสิครับ แทบเกือบทุกอย่างฝรั่งทั้งนั้นที่คิดค้นต้นแบบขึ้นมา
เทคโนโลยีการสื่อสาร การคมนาคม การแพทย์ ที่ทันสมัยก็มาจากฝรั่งเกือบหมดเลยครับ
หรือเป็นเพราะวิธีการปูพื้นฐานการเรียนรู้ทีเขาสอนให้ตั้งคำถาม ให้สังเกต และทดลองศึกษา และจดบันทึก รักการอ่าน แสดงความเห็นโต้แย้งหาข้อเท็จจริงอะไรเทือกนี้รึเปล่าที่ภาพรวมส่วนใหญ่ฝรั่งเลยชอบศึกษาค้นคว้า
แต่ด้วยวัฒนธรรมเอเชียเราอาจจะไม่เอื้อแบบนั้นรึเปล่าครับ
คือยกตัวอย่างง่ายๆ สมัยเรียนคือ ใครยกมือตอบคำถามครู ถามตอบผิดก็หัวเราะกัน ทำให้อายไม่กล้าตอบในมุมมองความเห็นของตัวเอง เถียงครูก็ไม่ค่อยได้
แต่ผมเห็นหนังฝรั่ง ถ้าเด็กตอบผิดหรือนักเรียนตอบแตกต่างออกไป ครูก็จะบอกประมาณว่า นั่นเป็นไอเดียที่ดีเลย และครูก็จะอธิบายยกตัวอย่างเสริม สร้างเคสขึ้นมาและตั้งคำถามกลับโดยอิงข้อจริง ถามว่าถ้าเกิดแบบนี้เธอจะทำอย่างไร เพื่อนให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์และแสดงความเห็นออกมาแบบนี้รึเปล่า
แต่อย่างบ้านเราหรือฝั่งเอเชียหนักไปทางท่องจำ
ผมเคยเห็นคนบ้านเราไปเรียนฝั่งตะวันตกมาแชร์มุมมองให้ฟังว่า
ตารางธาตุเขาไม่ให้ท่อง ครูบอกว่าเป็นเรื่องสตูปิด จะไปท่องทำไม ก็เอาเข้าห้องสอบ เอาไปทำโจทย์เชิงวิเคราะห์ดีกว่า
ตอนสอบคณิตก็เอาเครื่องคิดเลขเข้าไปเลย เอาเวลาไปวิเคราะห์โจทย์ เพราะครูเขาจะดูกระบวนการคิดว่าวิธีที่ทำออกมาซึ่งให้ได้ผลลัพท์ใช้วิธีคิดแบบไหนตามหลักคณิตที่ครูสอน
ผมจำได้สมัยก่อนผมท่องสองหนึ่งสองอยู่
อย่างฝรั่งชอบพกหนังสือไปอ่าน ชอบจดไดอะรี่
สิ่งเหล่านี้รึเปล่าครับในภาพรวม ที่ระหว่าง ฝรั่ง กับ เอเชีย เลยต่างกันในการพัฒนาสิ่งต่างๆ
อย่างที่ผมบอก การค้นพบอาณาจักรสุเมเรียน ถ้าเป็นคนเอเชียทั่วไป เห็นก้อนอิฐใหญ่ถมทราย ก็แค่นั่นไม่ได้คิดอะไรต่อ กลับบ้านนอน
แต่ฝรั่งเห็นและสังเกตว่า ทำไมมันมีรูปแบบเดียวกัน และมีหลายก้อนจำนวนมา ตั้งคำถามว่า ไม่น่าจะใช่ธรรมชาติสร้าง เอะใจว่าดูเหมือนเป็นคนสร้างเลยทำการศึกษาต่อจนรู้ลึกเลยประมาณนั้นครับ
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไร