
ราคาน่าซื้อใข้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากการค้นข้อมูล ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 (เวลาปัจจุบัน)
ราคา Davidsling 1 ระบบ 4 แท่นยิง
* ราคาระบบ David's Sling 1 ระบบ (ซึ่งรวมเรดาร์, ศูนย์ควบคุม, แท่นยิง, และขีปนาวุธเริ่มต้น): ประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ราคาขีปนาวุธ Stunner (หรือ SkyCeptor) แต่ละลูก: ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มีบางแหล่งข้อมูลระบุว่า $700,000 ต่อลูก แต่ $1 ล้านดูเหมือนจะเป็นค่าประมาณที่ใช้กันทั่วไป)
จำนวนจรวดที่มาพร้อมกับ 4 แท่นยิง:
* แท่นยิง David's Sling แต่ละแท่นสามารถบรรจุขีปนาวุธ Stunner ได้สูงสุด 12 ลูก
* ดังนั้น สำหรับ 4 แท่นยิง ระบบนี้จะสามารถบรรจุขีปนาวุธได้สูงสุดถึง 48 ลูก (4 แท่นยิง x 12 ลูก/แท่นยิง)
อย่างไรก็ตาม "ขีปนาวุธเริ่มต้น" ที่มาพร้อมกับระบบไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่นอนในข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะ ซึ่งหมายความว่าราคา 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นอาจรวมขีปนาวุธจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าต้องการใช้งานเต็มศักยภาพ (48 ลูก) อาจจะต้องมีการจัดซื้อขีปนาวุธเพิ่มเติม
ค่าเงินบาทวันนี้ (ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2568):
คำนวณราคาเป็นเงินบาท:
* ราคาระบบ David's Sling 1 ระบบ (รวม 4 แท่นยิง และขีปนาวุธเริ่มต้น) (ประมาณ 8.125 พันล้านบาท)
* ราคาขีปนาวุธ Stunner แต่ละลูก:
(ประมาณ 32.5 ล้านบาท)
ตัวอย่างดีล:
* ฟินแลนด์ ได้จัดซื้อระบบ David's Sling จากอิสราเอลในราคา 316 ล้านยูโร (ประมาณ 336 - 345 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเดือนเมษายน 2023 ดีลนี้แสดงให้เห็นว่าราคาจริงอาจแตกต่างจากราคาพื้นฐาน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอาจรวมถึงแพ็คเกจการฝึกอบรม การสนับสนุนด้านเทคนิค การบำรุงรักษา หรือจำนวนขีปนาวุธที่แตกต่างกันไป
ข้อควรทราบ:
* ราคาที่ระบุเป็นราคาประมาณการจากข้อมูลสาธารณะ ราคาจริงในการซื้อขายอาจแตกต่างกันไปมาก ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของสัญญา, จำนวนขีปนาวุธที่รวมในแพ็คเกจ, ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม, การบำรุงรักษา, และการสนับสนุนด้านเทคนิคหลังการขาย
และมีคนซื้อไป

ป้อนข้อความ
เป็นที่กล่าวขวัญ
เหมาะอย่างยิ่งกับประเทศที่อยู่กลางดงรัฐเผด็จการ ประเภท ได้จรวดมาปุป ซ้อมรบแล้ว มาถล่มเราปั้ป
หัวกระไดไม่ทันแห้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ โดยสรุปแล้ว David's Sling มีศักยภาพในการป้องกันภัยคุกคามจากกัมพูชาและเมียนมาได้
* จากกัมพูชา:
* ภัยคุกคามหลัก: ระบบจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ซึ่งเป็นจรวดพิสัยไกลขนาด 300 มม. มีพิสัยการยิงสูงสุด 130-160 กิโลเมตร
* ความสามารถของ David's Sling: David's Sling ถูกออกแบบมาโดยตรงเพื่อสกัดกั้นจรวดพิสัยกลางถึงไกลและขีปนาวุธวิถีโค้ง ซึ่งครอบคลุมพิสัยและประเภทของภัยคุกคามจาก PHL-03 อย่างสมบูรณ์
* จากเมียนมา:
* ภัยคุกคามหลัก: มีระบบจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) หลายรุ่น เช่น Type-81/89, WS-1 (จากจีน) ที่มีพิสัยการยิง 40-180 กิโลเมตร และอาจมีขีดความสามารถด้านขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยใกล้ในอนาคต
* ความสามารถของ David's Sling: David's Sling มีพิสัยการสกัดกั้นที่ 40-300 กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมและสามารถสกัดกั้นจรวดและขีปนาวุธพิสัยใกล้ถึงกลางเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:
* การโจมตีแบบอิ่มตัว (Salvo/Saturation Attack): ทั้ง PHL-03 และ MLRS อื่นๆ สามารถยิงจรวดจำนวนมากพร้อมกันได้ แม้ David's Sling จะถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับการโจมตีแบบนี้ แต่จำนวนขีปนาวุธที่ยิงมาพร้อมกันในปริมาณมหาศาลก็ยังคงเป็นความท้าทาย
ที่พร้อมจะ ฉีกขวานทองเรา ถ้าเราอ่อนแอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในบริบทของกัมพูชาและเมียนมา หากประเทศไทยอ่อนแอทางทหาร สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้แก่:
สิ่งที่กัมพูชาและเมียนมาอาจทำ
* การรุกคืบอ้างสิทธิ์ในพื้นที่พิพาททางบกและทางทะเล:
* กัมพูชา: ไทยและกัมพูชายังมีข้อพิพาทเรื่องการปักปันเขตแดนที่ยังไม่ชัดเจนหลายจุด รวมถึงบริเวณเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ การที่ไทยอ่อนแออย่างยิ่งจะเปิดโอกาสให้กัมพูชาอาจใช้กำลังทหารเข้าควบคุมพื้นที่เหล่านั้นโดยตรง หรืออ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอย่างแข็งกร้าว
* เมียนมา: แม้ไทยกับเมียนมาจะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและมีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกันมานาน แต่ปัจจุบันความขัดแย้งเรื่องพรมแดนไม่รุนแรงเท่ากับกัมพูชา อย่างไรก็ตาม หากไทยอ่อนแอ เมียนมาอาจใช้โอกาสนี้ในการอ้างสิทธิ์หรือรุกคืบในพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่ชัดเจน หรือพื้นที่ยุทธศาสตร์บางจุด
* การแทรกแซงกิจการภายใน:
* หากไทยมีความอ่อนแอทางการทหารอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงภายในประเทศได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนกลุ่มที่ตนเองต้องการ หรือการใช้เหตุผลด้านความมั่นคงเพื่อเข้ามาในพื้นที่ชายแดน
* การรุกรานเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ/ทรัพยากร:
* ในกรณีที่ไทยอ่อนแอ และมีทรัพยากรที่น่าสนใจ เช่น พื้นที่ชายแดนที่มีทรัพยากรป่าไม้ แร่ธาตุ หรือแหล่งพลังงาน ประเทศเพื่อนบ้านอาจมองเห็นช่องทางในการเข้าถึงหรือควบคุมทรัพยากรเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น
* การไม่เคารพสิทธิอธิปไตย:
* การอ่อนแอทางทหารอาจทำให้ประเทศเพื่อนบ้านไม่จำเป็นต้องเคารพอธิปไตยของไทยมากนัก เช่น การละเมิดน่านฟ้า น่านน้ำ หรือพรมแดนทางบกได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับการตอบโต้ทางทหารที่รุนแรง
ผลกระทบโดยรวมของการอ่อนแอทางทหาร:
* เสียอธิปไตยและดินแดน: เป็นผลที่ร้ายแรงที่สุดและเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์
* การแทรกแซงจากภายนอก: มหาอำนาจหรือประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ อาจเข้าแทรกแซงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือยุทธศาสตร์
* ความไร้เสถียรภาพภายใน: รัฐบาลอาจไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศได้
* การสูญเสียทรัพยากร: ทรัพยากรธรรมชาติอาจถูกแสวงหาประโยชน์โดยไม่เป็นธรรม
* การอพยพของผู้คน: ประชาชนอาจต้องอพยพหนีภัยสงครามหรือความไม่มั่นคง
ตามตรรกะรัฐเผด็จการ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พฤติกรรมการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านโดยรัฐเผด็จการมีสาเหตุซับซ้อนและหลายมิติ โดยทั่วไปแล้ว มักมีปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างจากประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
สาเหตุหลักที่รัฐเผด็จการมักรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน:
* การรวมอำนาจและสร้างความชอบธรรมภายในประเทศ:
* เบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาภายใน: เมื่อเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ สังคม หรือการต่อต้านจากประชาชน รัฐเผด็จการมักใช้ "ภัยคุกคามภายนอก" หรือการ "รวมชาติ" เป็นข้ออ้างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชน และกระตุ้นความรู้สึกชาตินิยมเพื่อรวมอำนาจและเพิ่มความชอบธรรมในการปกครอง
* แสดงแสนยานุภาพ: การใช้กำลังทางทหารเพื่อรุกรานหรือข่มขู่เพื่อนบ้าน เป็นการแสดงแสนยานุภาพของผู้นำและกองทัพ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและลดการต่อต้านจากฝ่ายตรงข้ามภายในประเทศ
* สร้างศัตรูร่วม: การระบุว่าประเทศเพื่อนบ้านเป็นศัตรูหรือเป็นภัยคุกคาม ช่วยให้รัฐบาลเผด็จการสามารถควบคุมประชาชนได้ง่ายขึ้นภายใต้ข้ออ้างเรื่องความมั่นคง
* การแสวงหาทรัพยากรหรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ:
* บางครั้งการรุกรานมีเป้าหมายเพื่อเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ หรือดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของตนเอง
* การขยายอิทธิพลและอุดมการณ์:
* รัฐเผด็จการที่มีอุดมการณ์เฉพาะ (เช่น คอมมิวนิสต์, ชาตินิยมสุดโต่ง) อาจต้องการเผยแพร่อิทธิพลหรืออุดมการณ์ของตนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมองว่าเป็นการ "ปลดปล่อย" หรือ "รวมชาติ"
* การสร้าง "เขตอิทธิพล" (Sphere of Influence) รอบประเทศตนเอง เพื่อลดอิทธิพลของมหาอำนาจคู่แข่ง
* ความมั่นคงทางพรมแดนหรือการอ้างสิทธิ์ในดินแดน:
* ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือการอ้างสิทธิ์ในดินแดนที่เชื่อว่าเป็นของตนในอดีต อาจนำไปสู่การใช้กำลังทหาร
* การไม่มีกลไกตรวจสอบและถ่วงดุล:
* ในระบอบเผด็จการ การตัดสินใจทางการทูตหรือการใช้กำลังทหารมักขึ้นอยู่กับผู้นำเพียงไม่กี่คนหรือกลุ่มเดียว ทำให้ไม่มีกลไกตรวจสอบและถ่วงดุลเหมือนในระบอบประชาธิปไตย (เช่น รัฐสภา สื่ออิสระ ประชาชน) การตัดสินใจจึงง่ายและรวดเร็วกว่า โดยไม่ต้องคำนึงถึงต้นทุนทางเศรษฐกิจหรือชีวิตประชาชนมากนัก
ตัวอย่างประกอบ:
* รัสเซีย-ยูเครน (ปัจจุบัน): กรณีการรุกรานยูเครนของรัสเซีย สามารถมองได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของรัฐเผด็จการที่พยายามขยายอิทธิพล (ป้องกันการเข้า NATO ของยูเครน), อ้างสิทธิ์ในดินแดนและประวัติศาสตร์ (ภูมิภาคดอนบาส ไครเมีย), และอาจใช้เพื่อรวมอำนาจและปลุกกระแสชาตินิยมภายในประเทศ
* อิรัก-คูเวต (1990): ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำเผด็จการของอิรัก อ้างสิทธิ์ในคูเวตว่าเป็นส่วนหนึ่งของอิรักในอดีต และต้องการเข้าถึงแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ของคูเวตเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของอิรักหลังสงครามอิรัก-อิหร่าน
* เวเนซุเอลา-กายอานา (กรณี Essequibo): แม้จะยังไม่ถึงขั้นรุกรานทางทหารเต็มรูปแบบ แต่รัฐบาลของนิโคลัส มาดูโร ในเวเนซุเอลา ซึ่งถูกมองว่าเป็นเผด็จการ ได้ออกอ้างสิทธิ์ในดินแดน Essequibo ของกายอานา (ซึ่งมีแหล่งน้ำมันมหาศาล) และจัดการลงประชามติเพื่อสนับสนุนการผนวกดินแดนดังกล่าว เหตุผลหนึ่งคือเพื่อปลุกกระแสชาตินิยมและเบี่ยงเบนความสนใจจากวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ
* จีน-ประเทศเพื่อนบ้าน (กรณีทะเลจีนใต้/ไต้หวัน): รัฐบาลจีนที่ปกครองแบบพรรคเดียวมีการอ้างสิทธิ์ในดินแดนต่างๆ ในทะเลจีนใต้และไต้หวันอย่างแข็งกร้าว แม้จะยังไม่มีการรุกรานเต็มรูปแบบในวงกว้าง แต่ก็มีการใช้กำลังทหารเพื่อแสดงแสนยานุภาพและอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาท
โดยสรุปแล้ว การรุกรานเพื่อนบ้านของรัฐเผด็จการมักเป็นผลมาจากความต้องการที่จะรักษาหรือขยายอำนาจภายในและภายนอกประเทศ โดยใช้กลไกการตัดสินใจที่รวมศูนย์และไม่โปร่งใส ทำให้การใช้กำลังทางทหารเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าการเจรจาหรือการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูต.
ผลงาน เป็นที่ประจักษ์ มันช่างน่าใช้ซะจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้David's Sling ได้ถูกนำไปใช้งานในสมรภูมิจริงโดย อิสราเอล และเป็นส่วนสำคัญของระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบหลายชั้นของอิสราเอล
ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง:
* Iron Dome: สำหรับจรวดพิสัยใกล้ (4-70 กม.)
* Arrow 2/3: สำหรับขีปนาวุธข้ามทวีปและขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลในชั้นบรรยากาศสูงและนอกชั้นบรรยากาศ
เหตุการณ์สำคัญที่ David's Sling ถูกนำไปใช้งานในสมรภูมิ:
* การสกัดกั้นครั้งแรกในปี 2018:
* ในเดือนกรกฎาคม 2018, David's Sling ได้ทำการสกัดกั้นทางยุทธการครั้งแรก โดยพยายามสกัดกั้นจรวดสองลูกที่ยิงจากฉนวนกาซา (เชื่อว่าเป็นจรวด Badr-3) เข้าสู่ภาคกลางของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าจรวดลูกหนึ่งตกลงในพื้นที่เปิดโดยไม่มีการสกัดกั้นที่สมบูรณ์ และอีกหนึ่งลูกเปลี่ยนเส้นทางเอง จึงไม่มีการยิงขีปนาวุธสกัดกั้นลูกที่สอง
* ปฏิบัติการ Shield and Arrow (พฤษภาคม 2023):
* ระบบ David's Sling ได้รับการยืนยันว่าถูกใช้งานในช่วงปฏิบัติการ Shield and Arrow โดยทำการสกัดกั้นจรวดของกลุ่ม Islamic Jihad ที่ยิงจากฉนวนกาซาเหนือกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นที่ประสบความสำเร็จในปฏิบัติการ
* การโจมตีจากอิหร่าน (เมษายน 2024):
* ในการโจมตีครั้งใหญ่ของอิหร่านต่ออิสราเอลในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงโดรน ขีปนาวุธร่อน และขีปนาวุธวิถีโค้งจำนวนมาก David's Sling ร่วมกับ Iron Dome และระบบ Arrow 2/3 มีบทบาทสำคัญในการสกัดกั้นภัยคุกคามเหล่านี้ ซึ่งรายงานระบุว่าสามารถสกัดกั้นได้ในจำนวนที่มาก
* การสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยไกลครั้งแรก (มิถุนายน 2025):
* มีรายงานว่า David's Sling สามารถยิงสกัดขีปนาวุธวิถีโค้งได้เป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2025 ระหว่างสงครามอิหร่าน-อิสราเอล
David’s Sling มีนช่างน่าใช้ ยิ่งนัก
ราคาน่าซื้อใข้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และมีคนซื้อไป
เป็นที่กล่าวขวัญ
เหมาะอย่างยิ่งกับประเทศที่อยู่กลางดงรัฐเผด็จการ ประเภท ได้จรวดมาปุป ซ้อมรบแล้ว มาถล่มเราปั้ป
หัวกระไดไม่ทันแห้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่พร้อมจะ ฉีกขวานทองเรา ถ้าเราอ่อนแอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามตรรกะรัฐเผด็จการ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผลงาน เป็นที่ประจักษ์ มันช่างน่าใช้ซะจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้