สื่อนอกเผยไทยทุ่ม 3.44 พันล้าน เตรียมซื้อ "BARAK MX" ระบบป้องกันภัยทางอากาศจากอิสราเอล

เว็บไซต์ DEFENCE SECURITY ASIA รายงานว่ากองทัพอากาศไทยเดินหน้าครั้งใหญ่ในรอบ 2 ทศวรรษ ทุ่มงบ 3,440 ล้านบาท เตรียมจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ "BARAK MX" จากอิสราเอล เพื่อรับมือภัยคุกคามทางอากาศยุคใหม่ ทั้งโดรน ขีปนาวุธร่อน และขีปนาวุธนำวิถี ชี้เป็นระบบ HIMAD ที่ทันสมัยและยืดหยุ่นที่สุดในภูมิภาค ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดของอาเซียน

การตัดสินใจของประเทศไทยในการจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ "BARAK MX" ที่ผลิตโดยอิสราเอล ถือเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่สุดในการปรับปรุงความทันสมัยด้านการป้องกันประเทศของกองทัพอากาศไทยในรอบกว่าสองทศวรรษ ขณะที่ไทยเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพแวดล้อมความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทวีความผันผวนมากขึ้น
สัญญาจัดซื้อระบบ BARAK MX มีมูลค่า 3.44 พันล้านบาท ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการซื้ออาวุธ แต่เป็นการปรับเทียบกลยุทธ์ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการ (IADS) ของไทยอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของชาติ ฐานทัพอากาศทางยุทธศาสตร์ และเขตอุตสาหกรรมสำคัญจากภัยคุกคามทางอากาศที่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว

ระบบ BARAK MX ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมด้านการป้องกันภัยทางอากาศพิสัยสูงถึงกลาง (HIMAD) ที่ซับซ้อนที่สุดในโลก มอบขีดความสามารถในการป้องกันหลายชั้น โดยออกแบบมาเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่หลากหลาย เช่น โดรน ขีปนาวุธร่อน​
ขีปนาวุธนำวิถี อาวุธปล่อยนำวิถีความแม่นยำสูง อาวุธแบบดักรออยู่กับที่ (Loitering Munitions) และเครื่องบินรบที่เคลื่อนที่รวดเร็ว คุณสมบัตินี้ทำให้ BARAK MX เป็นหนึ่งในระบบที่มีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตได้ดีที่สุดในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

การได้มาซึ่งระบบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเข้าสู่ช่วงตึงเครียด จากความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ทะเลจีนใต้ไปจนถึงพื้นที่ชายแดนพม่า ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของไทยในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการป้องกันภัยทางอากาศที่ล้าสมัย
การบูรณาการระบบ BARAK MX เข้ากับเครือข่ายป้องกันประเทศของไทย ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยยกระดับท่าทีด้านการป้องกันของไทยสู่ระดับที่เทียบเคียงได้กับกองทัพที่มีอำนาจขนาดกลาง โดยไทยเป็น สมาชิกอาเซียนรายแรก ที่นำระบบนี้มาใช้งาน ซึ่งอาจเป็นมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการจัดซื้อของประเทศเพื่อนบ้าน
ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการ (IADS) ของกองทัพอากาศไทย ซึ่งริเริ่มในช่วงกลางปี 2020s มุ่งหวังที่จะรวมสินทรัพย์เรดาร์, เครือข่ายบัญชาการและควบคุม (C2), แท่นยิงสกัดกั้น, และระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น เพื่อให้สามารถระบุภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ และควบคุมการยิงจากส่วนกลางได้
ระบบ BARAK MX ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพแวดล้อมเครือข่ายดังกล่าวโดยเฉพาะ โดยมอบความสามารถในการปรับขนาด การเชื่อมต่อแบบ Plug-and-Play และความสามารถในการขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศตามความคืบหน้าของโครงการจัดซื้อในระยะถัดไป

การจัดซื้อ BARAK MX ที่ลงนามในปลายปี 2025 นี้ ครอบคลุมชุดยิงที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย เรดาร์หลายภารกิจ (Multi-Mission Radars), แท่นยิง, โมดูลบัญชาการและควบคุม (Command-and-Control Modules) และขีปนาวุธสกัดกั้นหลากหลายรูปแบบที่ออกแบบ
มาเพื่อทำลายภัยคุกคามในระยะใกล้ กลาง และไกล

การส่งมอบมีกำหนดเริ่มต้นในปี 2026 และกองทัพอากาศคาดว่าจะสามารถปฏิบัติการได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2028 หลังจากผ่านขั้นตอนการฝึกอบรม การจำลองสถานการณ์ และการบูรณาการเข้ากับโครงสร้างเรดาร์และระบบ C2 ที่มีอยู่ของไทย.



ที่มา DEFENCE SECURITY ASIA​
อ้างอิง เพจข่าวไทยรัฐออนไลน์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่