JJNY : ปชน.แถลงประณามกัมพูชา│พริษฐ์เผยกมธ.ไฟเขียว ตัดงบสภาฯ│ร้านอาหารทยอยปิดนับแสน!│เหนือ มีฝนตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วม

ปชน. ออกแถลงการณ์ ประณามกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด จี้หยุดละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
.
.
ปชน. ออกแถลงการณ์ ประณามกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด จี้หยุดละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เรียกร้องนานาชาติกดดัน พร้อมหนุนกต.ตอบโต้เข้มข้น 
.
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พรรคประชาชน ออกแถลงการณ์ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด โดยมีใจความ ว่า
.
จากกรณีที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิดที่บริเวณช่องบก และล่าสุดบริเวณช่องอานม้า โดยปรากฏว่าเป็นกับระเบิดใหม่ที่วางโดยกองทัพกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พรรคประชาชนขอสื่อสารไปยังรัฐบาลกัมพูชา ดังนี้
.
ประเทศของท่านเอง เป็นประเทศที่ได้รับผลประทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลมากที่สุดในโลก ทำให้ผู้คนล้มตายมากมาย มีคนกัมพูชาที่พิการสูญเสียแขนขาอย่างน้อย 4 หมื่นคน และยังมีที่ดินอีกกว่า 1,700 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพราะยังเก็บกู้ทุ่นระเบิดไม่เรียบร้อย
.
ดังนั้น การวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเพิ่มขึ้นใหม่โดยทหารกัมพูชาจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าหน้าที่ทหารไทย 2 กรณีในช่วงเวลาไม่กี่วัน จึงเป็นสิ่งที่น่าละอายและยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง การกระทำเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์ต่อประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังเป็นการบ่อนทำลายเกียรติภูมิของประเทศตนเองในเวทีระหว่างประเทศด้วย หากรัฐบาลของท่านเห็นแก่ประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนกัมพูชา ขอให้หยุดการกระทำอันละเมิดกติการะหว่างประเทศนี้โดยทันที
.
พรรคประชาชนยังขอสื่อสารไปยังประชาคมระหว่างประเทศ ว่าความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชารอบล่าสุดนี้ จะไม่สามารถคลี่คลายได้หากยังมีการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันด้วยกำลัง ดังนั้น เราขอให้ประชาคมระหว่างประเทศช่วยกันกดดันให้รัฐบาลกัมพูชายุติการกระทำอันละเมิดกติการะหว่างประเทศดังกล่าว และหันมาแสวงหาสันติภาพด้วยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
.
สุดท้าย พรรคประชาชนขอสื่อสารไปยังรัฐบาลไทย ว่าพรรคสนับสนุนให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเข้มข้นในกรณีที่กัมพูชาละเมิดกติการะหว่างประเทศ จนก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของทหารไทย และขอให้รัฐบาลเตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยของประชาชนบริเวณชายแดน เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ได้มากที่สุดจากสถานการณ์ความขัดแย้งที่อาจจะรุนแรงขึ้น
.
.

.
พริษฐ์ เผย กมธ.ไฟเขียว ตัดงบสภาฯ เฉือนงบโรงหนัง 4D-ศาลาแก้วตัดทิ้งทั้งหมด รวม 702 ล้าน
.
พริษฐ์ ขอบคุณกมธ.งบ ไฟเขียว ลดงบปรับปรุงสภาฯ ศาลาแก้วตัดทิ้งทั้งโครงการ โรงหนัง 4D ลดงบ 70% รวมกว่า 702 ล้านบาท
.
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า
.
เรียบร้อย : อนุ กมธ. งบ มีมติ ปรับลดงบประมาณของรัฐสภา รวมกันทั้งหมด 702 ล้านบาท 
.
ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมยังคงยืนยันว่ารัฐสภาที่ดีและที่เราควรรู้สึกภาคภูมิใจ ไม่ใช่รัฐสภาที่มีภายนอกที่หรูหราหรือยิ่งใหญ่อลังการ แต่คือรัฐสภาที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนต้องการ
.
วันนี้ ผมได้ไปร่วมประชุมกับ อนุกรรมาธิการ งบประมาณ เพื่อตรวจสอบงบประมาณของรัฐสภา ซึ่งมีหลายส่วนที่ผมได้เคยตั้งข้อสังเกตว่าไม่คุ้มค่าและไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
.
หลังจากที่ได้ไปร่วมซักถามและแสดงความเห็นตลอดวัน ผมต้องขอบคุณอนุกรรมาธิการที่มีมติเห็นชอบให้ปรับลดงบประมาณของรัฐสภาทั้งหมด 702 ล้านบาท ซึ่งรวมถึง:
.
โครงการที่ตัดงบออกทั้งโครงการ:
.
– ปรับลด 123 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงศาลาแก้ว (ตัดออกทั้งโครงการ)
– ปรับลด 118 ล้าน สำหรับ งบปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ CB406 (ตัดออกทั้งโครงการ)
– ปรับลด 43 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงพื้นที่ส่วนภูมิทัศน์-ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ (ตัดออกทั้งโครงการ)
– ปรับลด 13 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงห้องรับรอง ครม. (ตัดออกทั้งโครงการ)
.
โครงการที่ปรับลดงบประมาณ:
.
– ปรับลด 126 ล้านบาท สำหรับ งบพัฒนาห้องภาพยนตร์ (ลดงบ 70% โดยเปลี่ยนจากห้องภาพยนตร์พร้อมระบบ 4D มาเป็นห้องสารนิเทศทั่วไปสำหรับนักศึกษา-คณะเยี่ยมชม ที่ไม่มีระบบ 3D หรือ 4D)
– ปรับลด 75 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงระบบไฟบริเวณชั้น B1 & B2 (ลดงบ 64%)
– ปรับลด 59 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงพื้นที่ห้องครัว (ลดงบ 50%)
– ปรับลด 57 ล้านบาท สำหรับ งบจัดซื้อจอ LED ขนาดใหญ่ (ลดงบ 80% โดยปรับลดจาก 19 จอ มาเหลือ 4 จอ)
– ปรับลด 21 ล้านบาท สำหรับ ห้องจัดเลี้ยง 4 ห้อง ชั้น 1 โซน C (ลดงบ 50%)
แม้ยังมีบางส่วนที่ผมเชื่อว่าเราสามารถปรับลดได้เพิ่มเติมจากที่คณะอนุกรรมาธิการมีมติไป แต่ผมเห็นว่าการที่พวกเราหลายฝ่ายร่วมกันปรับลดงบประมาณ 702 ล้านบาท ในวันนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการประหยัดเงินภาษีประชาชนท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าสภาผู้แทนราษฎรพร้อมตรวจสอบตนเองและพร้อมฟังเสียงทักท้วงของประชาชน
.
สำหรับความคืบหน้าในวันนี้:
.
– ผมขอบคุณ อนุกรรมาธิการ งบประมาณ ทุกท่านทุกพรรค ที่รับฟังและร่วมกันปรับลดงบประมาณดังกล่าว
– ผมขอบคุณ สส. ธเนศ เครือรัตน์ ประธาน อนุกรรมาธิการ งบประมาณ ที่ให้โอกาสผมได้นำเสนอข้อมูลและความเห็นได้เต็มที่
– ผมขอบคุณ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สภา ที่รับฟังและพร้อมให้ความร่วมมือในการปรับลดงบประมาณหลายส่วน
– ผมขอบคุณ เพื่อนๆ สส. ใน กมธ. พัฒนาการเมืองฯ ที่ตัดสินใจบรรจุวาระเมื่อ 2 เดือนก่อน เพื่อนำเอาคำของบประมาณของรัฐสภามาศึกษาและทำการบ้านล่วงหน้า
– ผมขอบคุณ ประชาชน และ สื่อมวลชน ที่ร่วมกันตั้งคำถามและข้อสังเกต จนทำให้การปรับลดงบประมาณในวันนี้ สำเร็จได้
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในวันที่ อนุ กมธ. งบ มานำเสนอผลลัพธ์จากวันนี้ต่อ กมธ. งบ ในสัปดาห์หน้า เพื่อนๆ ใน กมธ. จะยืนยันตามมติของ อนุ กมธ. ที่เสนอปรับลดงบ 702 ล้านบาทของรัฐสภา
.
.

.
ร้านอาหาร ทยอยปิดนับแสน! เอกชน ขอรัฐฯ ฟื้น "คนละครึ่ง"
.
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน ว่า มีร้านจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่ม ไมโครเอสเอ็มอีและร้านอาหารริมทาง (สตรีทฟู้ด) ทยอยปิดกิจการอย่างต่อเนื่อง จากสภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเน้นความสะดวกผ่านการใช้บริการแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่มากกว่าการเดินตลาด หรือ เข้าใช้บริการหน้าร้านแบบเดิม
.
นายกสมาคมฯ อธิบายว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ หากเฉลี่ยร้านที่ปิดตัวไปเขตละ 1,000 ร้าน ก็อาจสูญหายถึง 50,000 ร้าน ขณะที่ ต่างจังหวัดเฉลี่ยพื้นที่ละ 100-200 ร้านที่ต้องปิดตัว ก็อาจทำให้ยอดรวมร้านที่หายไปทั่วประเทศแตะระดับหลักแสนรายก็ว่าได้
.
นอกจากนี้ นายกสมาคมฯ ให้ความเห็นว่า ธุรกิจอาหาร ต้องเจอผลกระทบจากปัจจัยรอบด้าน เช่น เศรษฐกิจไทยที่ซบเซา ค่าแรงสูง ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และพรรคการท่องเที่ยวที่หดตัวลง รวมไปถึงสหรัฐฯจะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ 36% ก็กระทบมายังธุรกิจอาหารเช่นกัน 
.
ยกตัวอย่าง บางร้านอาหารที่เคยเปิดหลายๆสาขา แต่ปัจจุบันปิดตัวลงและเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นๆแทน เพราะมองว่าไม่คุ้มค่ากับต้นทุนแรงงาน ค่าเช่า และกำลังซื้อที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารขนาดกลางถึงใหญ่ ที่มีพนักงานนับร้อย ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวหรือกำลังซื้อในวงกว้าง พอรายได้ไม่พอจ่าย พนักงานก็ตกงานตามไปด้วย
.
นายกสมาคมฯ ระบุว่า ร้านเล็กจำนวนมากมีทุนหมุนเวียนไม่มากนัก ต่างจากรายใหญ่ที่สามารถกัดทุนได้เป็นปี และที่น่าห่วงคือร้านเล็กเหล่านี้ส่วนมากไม่ได้จดทะเบียน ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือมาตรการช่วยเหลือได้ยาก ส่งผลให้บางรายต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเปราะบาง
อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมฯ ยอมรับว่า พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น LINE MAN หรือ Grab ส่งผลต่อหน้าร้านอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดลักษณะดังกล่าวเติบโตเป็นอย่างมาก แล้วก็ดูดเอาผู้ประกอบการเข้าไปอยู่ในนั้นได้เยอะมากเช่นกัน จึงทำให้ร้านที่ยังพึ่งแต่โลเคชั่นและหน้าร้านโดยไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์กลายเป็นกลุ่มเสี่ยง
.
สมัยก่อนเราพึ่งหน้าร้านอย่างเดียว โลเคชั่นต้องดี มีที่จอดรถ แต่เดี๋ยวนี้บางแบรนด์อยู่ไกลไม่มีที่ แต่วันนึงคนรอเป็นหลักร้อยคิว เพราะโปรดักต์ดี สมราคา และเข้าถึงออนไลน์ได้
.
อย่างไรก็ดี นายกสมาคมฯ ยังกล่าวถึงการนำเทคโนโลยี เช่น AI มาช่วยสร้างตัวตนร้านบนโลกออนไลน์อาจเป็นทางรอดอีกช่องทางหนึ่ง ขณะเดียวกันร้านอาหารยุคนี้ ต้องมีการสื่อสารและการสร้างเรื่องราวผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างตัวตนให้ลูกค้ารู้จัก และสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกและอยากบอกต่อ 
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางที่อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือ นายกสมาคมฯ ชี้ว่า อยากให้โครงการเดิมอย่าง “คนละครึ่ง” กลับมาอีกครั้ง เพราะมองว่าสามารถช่วยผู้ประกอบการขนาดเล็กได้ ขณะที่โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง แม้กระตุ้นยอดใช้จ่ายได้ แต่ในมุมของผู้ประกอบการ กลับมีความยุ่งยากและไม่คุ้มโดยเฉพาะกระบวนการส่งเอกสารและการรอเบิกเงินที่ใช้เวลานานเป็นเดือน
.
โดยเสนอว่า ภาครัฐควรออกแบบโครงการที่เรียบง่าย เช่น วอยเชอร์ หรือ ส่วนลดที่ใช้ได้จริง ซึ่งอาจร่วมมือกับหน่วยงานอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศควบคู่ไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่