สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6

กังวลสิ สำหรับชาวญี่ปุ่นตอนนี้บ่นกันทุกวันเรื่องนี้ขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างชาติง่ายๆ แต่เรื่องนี้ก็โทษชาวญี่ปุ่นได้เหมือนกันนะ
เพราะนิสัยของชาวญี่ปุ่นเองด้วยที่ไม่ยอมซื้อหรือลงทุนอะไรเลย เก็บแต่เงินอย่างเดียวจนเศรษฐกิจประเทศไม่โต ไม่ซื้อบ้านหรือรถเลย
หลายคนแค่มีห้องเช่าเล็กๆขนาด 6 เสื่อทาทามิก็พอแล้ว ขอแค่มีที่นอน เก็บเสื้อผ้าได้ มีห้องน้ำ สมาร์ทโฟน มีเน็ตเล่น และเน้นอยู่ข้างนอก

ภาพจากเว็บขายบ้านในญี่ปุ่นในจังหวัดวากายามะหลังนี้ 40 ปีแล้ว เนื้อที่ใช้สอย 2,500 ตารางเมตร ราคาแค่ 7 ล้านบาทไทย
ห้องนั่งเล่นกว้างมาก มีตั้ง 5 ห้องนอน 2 ห้องน้ำใหญ่ มีสวนญี่ปุ่น มีแปลงผัก มีห้องเต้นรำ บาร์เหล้า โรงจอดรถได้ 5 คัน
ชาวญี่ปุ่นยังไม่ซื้อกันเลย เพราะใหญ่เกินและอยู่นอกเมือง ไม่มีความสะดวกสบาย แต่ถูกจริตคนอเมริกามาก สุดท้ายฝรั่งก็ซื้อไป
โทษนิสัยคนญี่ปุ่นได้เลยว่าทำไมรัฐบาลต้องทำแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 8
เห็นว่าภาษีที่ดินสูง (แล้วแต่พื้นที่)ถ้าใกล้สถานีรถไฟจะสูง พวกตึกที่เป็นคอนโดจะเสียถูกกว่าบ้านเป็นหลัง แต่ห่างไกลหน่อยก็จะถูกลง ถ้าเป็นพื้นที่มีเสียงรบกวน มีความเสี่ยงก็จะคิดให้ถูกไปอีกเช่นใกล้สนามบิน ใกล้กองทัพ หรือใกล้โรงไฟฟ้า
ค่าครองชีพญี่ปุ่นเองก็สูง มีกฎระเบียบเยอะ ที่เห็นปัญหาบ้านร้างได้ยินว่าปัญหามาจากเด็กเกิดน้อย ความยุ่งยากไม่คุ้มค่า บ้านยิ่งนานราคาก็ยิ่งถูก พอมันถูกการส่งต่อมรดกเลยไม่ค่อยมีใครอยากจะได้กันเพราะแทบไม่คุ้มค่าเหนื่อยค่าดูแล ค่ารีโนเวตสูงมาก ค่ารื้อถอนก็สูงมาก คือถ้าจะรีโนเวตหรือรื้อถอนนี่ขายบ้านอาจไม่พอจ่ายด้วยซ้ำ สรุปคือมันมีโอกาสจะเป็นภาระมากกว่า เห็นว่าภาษีมรดกจริงๆ ไม่ได้สูงนักเพราะบ้านต้องขายได้แพงพอสมควรมีทรัพย์สินมากพอสมควรถึงเสียภาษีมรดกสูงหน่อย
ในส่วนที่อยู่ไกลย่านความเจริญมันประกอบอาชีพยาก ค้าขายลำบาก ใช้เวลานานเกินไปในการไปนั่งรถไฟไปทำงาน คือจริงๆ คนที่อยู่บ้านไกลๆ หน่อยได้นี่ต้องเป็นคนมีศักยภาพพอสมควรถึงทำงานในพื้นที่แบบนั้นได้ (ถ้าไม่นับเกษตรกรหรือค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ให้คนในท้องที่) มันก็จะเหมาะกับประชากรคุณภาพสูงหรือมาจากบางประเทศที่เขาทำงานแบบรีโมตได้ หนุ่มสาว วัยทำงานญี่ปุ่นที่ต้องเข้าเมืองเข้าบริษัททำงานหาทางก้าวหน้าจึงไม่เหมาะจะอยู่ คนจากประเทศกำลังซื้อไม่สูงไปเพื่อไปหางานทำที่ประเทศเขาก็น่าจะไม่อยู่พื้นที่ห่างไกลเหมือนกัน
แต่พื้นที่มีศักยภาพผมว่าก็น่าจะเจอปัญหาเก็งกำไรเหมือนกัน
ส่วนของไทยถ้าปล่อยขนาดนั้นค่าครองชีพได้กระชากขึ้นแน่ๆ ครับ ญี่ปุ่นค่าครองชีพเขาสูงมากอยู่แล้ว แต่ของไทยถ้าเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วหลายๆ ประเทศค่าครองชีพเราถูก ถ้าปล่อยเสรีกว่านี้คนแห่มาซื้อเก็งกำไร ราคาอสังหาขึ้น ค่าเช่ามันก็ขึ้นตามมา ค่าเช่าขึ้นคนที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ก็ต้องเอามาคิดต้นทุนใหม่ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ถ้าราคามันกลายเป็นราคาแบบในสนามบินก็คงจะเห็นภาพหน่อย พอพื้นที่ใกล้ๆ เห็นเขาก็ขึ้นตาม ถ้าค่าครองชีพสูงทุกอย่างก็สูงหมดเพราะต้นทุนการดำรงชีวิตมันเพิ่ม ต้องหารายได้ให้เพียงพอ ถ้าไม่พอเราก็จะโดนถีบออกจากพื้นที่ที่เจริญ แบบญี่ปุ่นเอาจริงๆ คนก็ต้องนั่งรถไฟมาทำงานเพราะสู้ค่าเช่าค่าที่ดินไม่ไหว
ผมมองว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าทำมันจะกระชากค่าครองชีพเรา มนุษย์เงินเดือนทั่วไปจะโดนบีบให้ออกจากพื้นที่ที่มีความเจริญหรือยอมอยู่ในห้องที่มีขนาดเล็กมากๆ ถ้ามันเจริญมากเดี๋ยวภาษีที่ดินภาษีท้องถิ่นก็จะตามมา คนที่จ่ายค่าส่วนกลางยังโอดครวญเจอไปคงอยู่ไม่ไหวหรอก
ค่าครองชีพญี่ปุ่นเองก็สูง มีกฎระเบียบเยอะ ที่เห็นปัญหาบ้านร้างได้ยินว่าปัญหามาจากเด็กเกิดน้อย ความยุ่งยากไม่คุ้มค่า บ้านยิ่งนานราคาก็ยิ่งถูก พอมันถูกการส่งต่อมรดกเลยไม่ค่อยมีใครอยากจะได้กันเพราะแทบไม่คุ้มค่าเหนื่อยค่าดูแล ค่ารีโนเวตสูงมาก ค่ารื้อถอนก็สูงมาก คือถ้าจะรีโนเวตหรือรื้อถอนนี่ขายบ้านอาจไม่พอจ่ายด้วยซ้ำ สรุปคือมันมีโอกาสจะเป็นภาระมากกว่า เห็นว่าภาษีมรดกจริงๆ ไม่ได้สูงนักเพราะบ้านต้องขายได้แพงพอสมควรมีทรัพย์สินมากพอสมควรถึงเสียภาษีมรดกสูงหน่อย
ในส่วนที่อยู่ไกลย่านความเจริญมันประกอบอาชีพยาก ค้าขายลำบาก ใช้เวลานานเกินไปในการไปนั่งรถไฟไปทำงาน คือจริงๆ คนที่อยู่บ้านไกลๆ หน่อยได้นี่ต้องเป็นคนมีศักยภาพพอสมควรถึงทำงานในพื้นที่แบบนั้นได้ (ถ้าไม่นับเกษตรกรหรือค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ให้คนในท้องที่) มันก็จะเหมาะกับประชากรคุณภาพสูงหรือมาจากบางประเทศที่เขาทำงานแบบรีโมตได้ หนุ่มสาว วัยทำงานญี่ปุ่นที่ต้องเข้าเมืองเข้าบริษัททำงานหาทางก้าวหน้าจึงไม่เหมาะจะอยู่ คนจากประเทศกำลังซื้อไม่สูงไปเพื่อไปหางานทำที่ประเทศเขาก็น่าจะไม่อยู่พื้นที่ห่างไกลเหมือนกัน
แต่พื้นที่มีศักยภาพผมว่าก็น่าจะเจอปัญหาเก็งกำไรเหมือนกัน
ส่วนของไทยถ้าปล่อยขนาดนั้นค่าครองชีพได้กระชากขึ้นแน่ๆ ครับ ญี่ปุ่นค่าครองชีพเขาสูงมากอยู่แล้ว แต่ของไทยถ้าเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วหลายๆ ประเทศค่าครองชีพเราถูก ถ้าปล่อยเสรีกว่านี้คนแห่มาซื้อเก็งกำไร ราคาอสังหาขึ้น ค่าเช่ามันก็ขึ้นตามมา ค่าเช่าขึ้นคนที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ก็ต้องเอามาคิดต้นทุนใหม่ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ถ้าราคามันกลายเป็นราคาแบบในสนามบินก็คงจะเห็นภาพหน่อย พอพื้นที่ใกล้ๆ เห็นเขาก็ขึ้นตาม ถ้าค่าครองชีพสูงทุกอย่างก็สูงหมดเพราะต้นทุนการดำรงชีวิตมันเพิ่ม ต้องหารายได้ให้เพียงพอ ถ้าไม่พอเราก็จะโดนถีบออกจากพื้นที่ที่เจริญ แบบญี่ปุ่นเอาจริงๆ คนก็ต้องนั่งรถไฟมาทำงานเพราะสู้ค่าเช่าค่าที่ดินไม่ไหว
ผมมองว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าทำมันจะกระชากค่าครองชีพเรา มนุษย์เงินเดือนทั่วไปจะโดนบีบให้ออกจากพื้นที่ที่มีความเจริญหรือยอมอยู่ในห้องที่มีขนาดเล็กมากๆ ถ้ามันเจริญมากเดี๋ยวภาษีที่ดินภาษีท้องถิ่นก็จะตามมา คนที่จ่ายค่าส่วนกลางยังโอดครวญเจอไปคงอยู่ไม่ไหวหรอก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมญี่ปุ่นถึงกล้าขายบ้านและที่ดินให้ต่างชาติจำนวนมาก เค้าไม่กังวลกันหรอครับ?
“โดยมีเงื่อนไขน้อยมาก” หรือแทบไม่มีเลยในหลายกรณี ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่อาจมีข้อจำกัดมากมาย
ในหลายพื้นที่ญี่ปุ่นมีการขายบ้านในเนื้อที่ 800 ตร.ม. หรือถึง 1000 ตร.ม. ในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ เรื่องนี้ชาวญี่ปุ่นไม่กังวลกันบ้างหรอครับ?
ประเทศไทยมีนโยบายที่ค่อนข้าง “ระมัดระวัง” กว่าญี่ปุ่น มากในเรื่องการให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์
โดยเฉพาะ “ที่ดิน” ซึ่งถือเป็นทรัพยากรของชาติ และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงโดยตรง