“เหตุผลฟังไม่ขึ้น” ภาษาอังกฤษพูดว่า...

พูดแบบตรงตัวที่สุดคือ 📌 “Your reasoning doesn’t make sense.” (เหตุผลของคุณมันฟังไม่ได้เลย) หรือตรงกว่านั้นอีกก็อาจจะบอกไปเลยว่า 📌 “That sounds fake.” (ฟังเหมือนเรื่องแต่ง)

แต่ถ้าเอาที่ native ใช้กันจริง ๆ ก็คือ 👉🏻 “That’s a weak excuse.” (ข้ออ้างคุณอ่อนไปนะ) และ 👉🏻 “That’s just not adding up.” หรือ “That doesn’t add up." (มันฟังไม่ขึ้น) จะได้ยินบ่อยที่สุดในความหมายนี้ครับ

ส่วนประโยคอื่น ๆ ที่ใช้ได้เช่น...

✅ “That’s not convincing.
(Not convincing ก็แปลว่า ทำใจให้เชื่อได้ยาก นั่นเอง หรืออาจจะพูดแบบทางการขึ้นมานิดนึงคือ “You’re not making a convincing case.”)

✅ “You expect me to buy that?
(คำว่า buy ในบริบทนี้มันแปลว่า believe (เราอาจเคยได้ยินฝรั่งพูด I don’t buy that ในความหมาย I don’t believe it มาบ้างแล้ว) ประโยคคำถามนี้จึงแปลประมาณ “คุณจะให้ผมเชื่อจริง ๆ ดิ” = มันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด อีกประโยคคล้าย ๆ กันคือ “You think I would fall for that?” (แกคิดว่าฉันจะเชื่อจริง ๆ เหรอ) เป็นการพูดแบบถากถางว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างมานั้นมันฟังไม่ขึ้นเลย)

✅ “I have my doubts.
(เป็นคำพูดแบบทางการหน่อยครับ จริงอยู่มันแปลตรงตัวว่า “ผมมีความสงสัยของผม” แต่เวลาฝรั่งพูดแบบนี้เขากำลังสื่อว่าเขาไม่เชื่อในเหตุผลหรือข้ออ้างที่กล่าวมานั่นเอง มีอีกสองประโยคแบบทางการให้ใช้ได้ก็คือ 👉🏻 “I’m having a hard time believing that.” (ผมพบความยากลำบากในการเชื่อเรื่องนั้น) และ 👉🏻 “That sounds like a complete made-up story.” (มันฟังดูเหมือนเรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งดุ้น) อาจจะยาวหน่อย แต่ฟังแล้ว professional เลย)

ส่วนประโยคที่ผมชอบก็พอมีบ้าง (เผื่อใครอยากได้ประโยคแบบ creative หน่อย) เริ่มจากแบบถากถางก่อนก็คือ 📌 “What kind of fairy tale is that?” (นี่มันนิยายประเภทไหนกันละเนี่ย) และ 📌 “I’ve heard better excuses from a toddler." (ผมเคยได้ยินข้ออ้างที่ดีกว่านี้จากเด็กอมมือ) คือทั้งสองประโยคมันเป็นการบอกว่าข้ออ้างอีกฝ่ายมันฟังไม่ขึ้นนั่นแหละครับ แต่ผู้พูดอาจจะเอือมระอาสุด ๆ แล้วเลยขอแดกดันเสียหน่อย ฮ่า ๆ

ส่วนประโยค 🔥 “I’ll believe it when I see it." ก็ไม่ถึงกับว่าไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาหรอกครับ แต่ว่าขอตั้งข้อกังขาไว้ก่อน ถ้าเห็นกับตาว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่อยปักใจเชื่อ
_______________

มาดูบทสนทนในเหตุการณ์ที่เราจะได้ใช้ประโยค “ข้ออ้างฟังไม่ขึ้น” สักหน่อย

บริบทที่ 1: โทรศัพท์แบตฯหมดแต่ลง story ได้?!
A: “Sorry I bailed — my phone died and I couldn’t text.” 😭
(โทษนะไม่ได้ไปตามนัด โทรศัพท์แบตฯหมดพอดีเลยส่งข้อความบอกไม่ได้)
B: “Again? That’s a weak excuse, honestly.” 🤔
(อีกแล้วเหรอ ข้ออ้างคุณมันฟังไม่ขึ้นเลยนะเอาจริง)
A: “It really did die.” 😩
(ก็แบตฯมันหมดจริง ๆ)
B: “Then how’d you post on your story an hour later? It’s just not adding up.” 😐
(งั้นคุณลงสตอรี่ได้ไงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ)

บริบทที่ 2: ส่งงานไม่ได้โทษไวฟายไว้ก่อน
A: “I was going to upload the file, but the Wi-Fi cut out and I couldn’t finish.” 😥
(ผมกะจะอัพโหลดไฟล์ให้แล้ว แต่ว่าสัญญาไวฟายมันใช้ไม่ได้ก็เลยไม่ได้โหลดลงสักที)
B: “You expect me to buy that? Everyone else on the team managed just fine.” 😐
(จะให้ฉันเชื่อจริง ๆ เหรอ คนอื่นในทีมเขาก็โหลดไฟล์ลงกันได้ทุกคนนะ)
A: “I mean… maybe it was just my building.” 😩
(สงสัยไวฟายที่ตึกของผมมันเสียจุดเดียวมั้ง)
B: “I’m having a hard time believing that — especially when this keeps happening.” 😒
(ฉันรู้สึกว่ามันฟังไม่ขึ้นสักเท่าไร เพราะไวฟายตึกคุณเสียตลอดทุกครั้งที่ต้องส่งงาน)

บริบทที่ 3: ไม่ได้ตั้งโดดเรียนจริง ๆ นะครู!
A: “I thought today was a half-day… that’s why I left early.” 😬
(ก็ผมคิดว่าวันนี้เรียนครึ่งวัน พักเที่ยงก็เลยออกจากโรงเรียนเลย)
B: “You’re not making a convincing case.” 😑
(เหตุผลเธอฟังไม่ขึ้นเลยนะ)
A: “I didn’t know!” 😭
(ก็ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ!)
B: “I’ve heard better excuses from a toddler. You knew it wasn’t a half-day. Try again.” 😡
(ข้ออ้างแบบนี้เด็กอมมือยังดูออก เธอรู้แก่ใจว่ามันไม่มีการเรียนครึ่งวัน คราวหน้าคิดเหตุผลมาใหม่นะ)

"รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
JGC. ✌🏻🇬🇧
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ภาษาอังกฤษ นักแปล Google Translate
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่