#การจำมาด้วยสัญญาจากตำหรับตำราจากคนอื่นนั้นมันเป็นสัญญา ไม่ใช่ปัญญา พอที่จะละจะถอน
"โดยส่วนใหญ่ทางศาสนา หรือครูอาจารย์มักแนะสอนให้พิจารณาเรื่องธาตุขันธ์ เพราะมนุษย์หรือสัตว์ทั่วไปนั้นหลงเรื่องธาตุขันธ์เป็นส่วนใหญ่ ถึงจะรู้ จะเข้าใจด้วยการอ่าน การได้ฟังจากคนอื่น แต่จิตมันก็หลง หลงทั้งรู้ๆ นี้แหละ รู้ทั้งหลงๆ มันจึงแก้ยาก
ความจริง การจำมาด้วยสัญญาจากตำหรับตำรา จากคนอื่นนั้น มันเป็นสัญญาไม่ใช่ปัญญา พอที่จะละจะถอน ให้จิตใจรู้แจ้งแทงตลอดในอรรถในธรรมได้ มันจึงไม่มีคุณค่าสาระอะไรเหมือนกันกับตำราหยูกยา จะอ่านเพื่อแก้โรคภัยให้มันหายไปนั้น อ่านเท่าไรมันก็ไม่มีประโยชน์ให้
การพิจารณาภายใน การกระทำภายใน การสำรวมกาย วาจา ใจของตัว จนจิตได้รับความสงบสงัดเป็นสมาธิมีความหนักแน่นเข้มแข็ง ออกมาพินิจพิจารณาเรื่องธาตุขันธ์ ซึ่งเราท่านเคยได้ยินได้ฟัง เคยได้ศึกษาเล่าเรียนมา แต่มันก็ยังไม่ละ มันยังหลง ยังติดยังข้องอยู่ จิตใจยังเกิดราคะตัณหา จิตใจยังเกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง เราจึงควรชำระด้วยสติ ด้วยปัญญษ เพราะใจเราหนักแน่นด้วยสมาธิแล้ว พิจารณาไปในเรื่องของธาตุของขันธ์ ให้เกิดปัญญษสามารถตัดขาดจากความสงสัย ความปรุงคิดติดข้องต่างๆ นั้น ให้ตกออกไปได้
พระพุทธเจ้า หรืออริยสาวกทา่นกระทำมาอย่างนั้น มันเป็นจริงถ้าจิตมีสมาธิ มีความหนักแน่น พิจารณาอะไรซึ่งเราเคยสงสัยมันจะขาดจะตกออกไป จะประจักษ์ในใจว่า กิเลสนั้นๆ มันตกออกไปจากใจ พิจารณาธาตุขันธ์นั้นก็แล้วแต่จะพิจารณาธาตุอะไร ซึ่งจิตมันสัมผัส พิจารณาลงไปจนให้ถึงที่สุดของมัน จนจิตใจรู้แจ้ง เข้าใจจริงในธาตุหนึ่งธาตุใดแล้ว ธาตุอื่นๆ ไม่ต้องพิจารณา มันก็รู้ ก็เข้าใจทั่วไป เพราะมันเหมือนกันกับธาตุที่เราพิจารณาตกแตกแล้ว มันไม่มีอะไรสงสัย"
..... พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
การจำมาด้วยสัญญา จากตำหรับตำราจากคนอื่นนั้นมันเป็นสัญญาไม่ใช่ปัญญา พอที่จะละจะถอนให้จิตใจรู้แจ้ง