หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท โรคที่คนวัยทำงานต้องรู้เท่าทันก่อนสายเกินไป

หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “หมอนรองกระดูกทับเส้น”
เป็นภาวะที่เกิดจากการที่หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
หรือแตกออกมาจนกดทับเส้นประสาทที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวด ชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
โดยมากมักเกิดบริเวณ “เอว” หรือ “คอ” ซึ่งเป็นจุดที่รับน้ำหนักและเคลื่อนไหวบ่อยที่สุด
โรคนี้พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานออฟฟิศ นั่งนาน ๆ ยกของหนัก หรือใช้ท่าทางซ้ำ ๆ
รวมถึงผู้สูงอายุที่กระดูกเริ่มเสื่อมตามวัย หากปล่อยไว้ไม่รักษา
อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติในการเดิน การเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งความพิการได้
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้  ideaหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท โรคที่คนวัยทำงานต้องรู้เท่าทันก่อนสายเกินไปidea

กระดูกสันหลังของคนเราประกอบด้วยกระดูกจำนวน 33 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นจะมี “หมอนรองกระดูก”  คั่นอยู่ตรงกลาง
เพื่อทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหว เช่น การเดิน ยืน นั่ง หรือยกของ
เมื่อมีแรงกดมากเกินไป หรือเกิดความเสื่อมตามอายุ เปลือกนอกอาจเกิดการฉีกขาด
ทำให้นิวเคลียสไหลทะลุออกมา และกดทับเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดหรืออ่อนแรงในบริเวณที่เกี่ยวข้อง



ideaอาการของหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิด
1. หมอนรองกระดูกทับเส้นบริเวณ "เอว" (Lumbar Herniated Disc) เป็นตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุด อาการมักจะเริ่มจาก
ปวดหลังร้าวลงขา (อาการปวดแบบ “ชาขา” หรือ Sciatica) ชาบริเวณก้น ต้นขา น่อง หรือปลายเท้า
เดินนานไม่ได้ ยืนหรือนั่งนานแล้วปวด กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง หรือสะดุดล้มง่าย ในรายที่รุนแรงอาจควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
2. หมอนรองกระดูกทับเส้นบริเวณ "คอ"  ปวดคอ ร้าวลงแขน ไหล่ หรือสะบัก ชามือ ปลายนิ้ว
กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง ปวดศีรษะร่วมด้วย (ในบางราย)
ข้อสังเกตสำคัญ: หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรง เช่น อ่อนแรงทันที ชาฉับพลัน ควรรีบพบแพทย์ทันที

สาเหตุหลัก การใช้งานกระดูกสันหลังอย่างหนัก เช่น ยกของหนัก บิดตัวกะทันหัน
ท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เช่น นั่งทำงานหลังงอ การเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกตามอายุ
การเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถชน ลื่นล้ม ปัจจัยเสี่ยง อายุ 30–60 ปี น้ำหนักเกิน หรืออ้วน
สูบบุหรี่ (เร่งการเสื่อมของหมอนรองกระดูก) ขาดการออกกำลังกาย พันธุกรรม

การวินิจฉัย แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และทำการทดสอบทางระบบประสาท
เช่น ตรวจแรงกล้ามเนื้อ ตรวจการรับความรู้สึก การทรงตัว
หากจำเป็น จะใช้การตรวจเพิ่มเติม เช่น X-ray เพื่อดูความผิดปกติของกระดูก
MRI เพื่อดูหมอนรองกระดูกและเส้นประสาท (ละเอียดที่สุด) CT Scan หรือ EMG/Nerve Conduction Study ในบางกรณี

ideaการรักษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่
1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (Conservative Treatment) – ใช้ได้ใน 80–90% ของผู้ป่วย
พักผ่อนแต่ไม่ควรงดกิจกรรมทั้งหมด
กายภาพบำบัด (เช่น ดึงหลัง อัลตราซาวด์ บริหารกล้ามเนื้อแกนกลาง)
การใช้ยา เช่น ยาลดอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดเส้นประสาท
ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะจุดเพื่อลดอาการ
2. การผ่าตัด – พิจารณาในกรณี
อาการรุนแรง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงมาก เดินไม่ได้
ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบประคับประคองภายใน 6–8 สัปดาห์
ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
การผ่าตัดที่นิยม ได้แก่ การผ่าตัดผ่านกล้อง, ผ่าตัดผ่านเทคนิคทางกระดูก  และเทคนิคใหม่



idea การผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทผ่านกล้อง Endoscope
คือเทคนิคการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังที่กดทับเส้นประสาท
โดยใช้กล้องขนาดเล็ก สอดผ่านแผลเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร
แล้วทำการตัดหรือดูดหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทออก
เทคนิคนี้ใช้เครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง และสามารถมองเห็นภาพขยายของเส้นประสาท กระดูก
และหมอนรองกระดูกผ่านกล้องแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์สามารถผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงและบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง

ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้อง Endoscope
✔️ แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
✔️ ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่หรือผ่ากล้ามเนื้อ
✔️ เสียเลือดน้อย
✔️ ลดโอกาสติดเชื้อ
✔️ อยู่โรงพยาบาลเพียง 1–2 วัน หรือบางรายออกภายในวันเดียว
✔️ กลับไปใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานได้เร็วขึ้น (ประมาณ 1–2 สัปดาห์)
✔️ ลดโอกาสเกิดพังผืด หรือภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดเปิดแบบเดิม

การผ่าตัดหมอนรองกระดูกผ่านกล้องเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้
หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือแตกออกมาทับเส้นประสาท (ยืนยันโดย MRI)
มีอาการปวด ชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากเส้นประสาทถูกกด
ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดเกิน 4–6 สัปดาห์
ยังไม่มีภาวะกระดูกสันหลังเคลื่อนหลวม (instability) รุนแรง
ไม่มีโรคอื่นที่ต้องผ่าตัดแบบเปิดร่วมด้วย

การฟื้นตัวและคำแนะนำหลังผ่าตัด เดินได้ในวันรุ่งขึ้น หรือทันทีที่ไม่มีอาการชา/ปวด
หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ก้ม ยืดตัว หรือบิดตัวแรง ๆ ช่วง 4–6 สัปดาห์
ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ หลังแพทย์อนุญาต
ติดตามอาการกับแพทย์ตามนัด
หากมีอาการปวดมากขึ้น หรือมีอาการชาหรืออ่อนแรงใหม่ ควรรีบกลับมาตรวจทันที

การผ่าตัดหมอนรองกระดูกผ่านกล้อง Endoscope เป็นทางเลือกที่ทันสมัย ปลอดภัย และมีผลข้างเคียงต่ำ
เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม
การเลือกทำผ่าตัดชนิดใดควรพิจารณาร่วมกับแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและเส้นประสาท เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

ความรู้เพิ่มเติม
https://www.thonburihospital.com/package/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3/

lovelovelove
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่