“เมื่อร่างกายพูด... แต่เราดันไม่ฟัง” เราจะมาพูดถึงเรื่องที่ทุกคนอาจจะเคยเจอ แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกัน นั่นคือ ทำไมเราถึงมองข้ามสัญญาณจากร่างกายของตัวเอง เรื่องนี้สำคัญมากๆ นะ เพราะร่างกายเรานี่แหละที่คอยส่งสัญญาณเตือนว่า เฮ้ย มีอะไรไม่ปกตินะ แต่เรากลับมองข้ามมันไปแบบชิลๆ
บ่อยครั้งที่ร่างกายของเราส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เรามักมองข้าม หรือคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ จนกระทั่งอาการเหล่านั้นลุกลามและกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้น การเรียนรู้ที่จะ "ฟัง" สิ่งที่ร่างกายพยายามจะบอก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว สัญญาณเหล่านี้อาจดูเหมือนไม่สำคัญในตอนแรก แต่แท้จริงแล้วมันคือเสียงเตือนที่กำลังบอกให้เราหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น
ทำไมเราถึงมองข้ามสัญญาณจากร่างกาย
อย่างแรกเลย ความเคยชินกับความเหนื่อยล้า หรืออาการเจ็บป่วยเล็กน้อย
ทุกคนเคยเป็นมั้ย เหนื่อยๆ เพลียๆ รู้สึกว่าร่างกายมันไม่ค่อยสดชื่น แต่ก็คิดว่า
เออ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็หาย อาจจะเพราะเรานอนน้อย ทำงานหนัก หรือกินอะไรไม่ดีมา ซึ่งมันจริงแหละ บางครั้งร่างกายแค่ต้องการพักผ่อน แต่ปัญหาคือเราดันเคยชินกับความรู้สึกแบบนี้ไปแล้ว เหมือนร่างกายส่งสัญญาณมา แต่เรากดปุ่ม ignore ไปเลย เพราะคิดว่า อ๋อ มันก็แค่เหนื่อยปกติ หรือปวดเมื่อยธรรมดา
เช่น บางคนรู้สึกเพลียทุกวันหลังเลิกงาน ก็คิดว่า โอเค ทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละ แต่จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นสัญญาณว่าร่างกายขาดสารอาหาร หรืออาจจะมีปัญหาเรื่องการพักผ่อนที่ลึกกว่านั้นก็ได้ การที่เราเคยชินกับความเหนื่อยล้าเนี่ย มันเหมือนเป็นการปรับตัวให้ชินกับความไม่ปกติ ซึ่งระยะยาวอาจจะทำให้เรามองข้ามปัญหาสุขภาพที่ใหญ่กว่านั้นได้นะ
ต่อมา ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน
พูดถึงชีวิตประจำวันของเรากัน ทุกวันนี้ชีวิตมันเร็วมากกก ใช่มั้ย
(สงครามส่ง(ตัวเองไปทำงาน)ด่วน) ตื่นเช้ามา ต้องรีบไปทำงาน ประชุม ทำนู่นนี่นั่น บางวันกินข้าวยังแทบไม่มีเวลา แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งสังเกตตัวเองว่า เฮ้ย วันนี้หัวใจเต้นแปลกๆ ไปหน่อย หรือท้องมันปั่นป่วนนิดนึง ความเร่งรีบเนี่ย มันทำให้เราไม่มีเวลามานั่งฟังร่างกายตัวเองเลย เหมือนร่างกายส่งสัญญาณมา แต่เรายุ่งเกินกว่าจะได้ยิน ตัวอย่างง่ายๆ เลย บางคนปวดท้องนิดๆ ระหว่างวัน ก็คิดว่า เดี๋ยวค่อยกินยา หรือเดี๋ยวมันก็หาย แต่จริงๆ อาการปวดท้องเล็กๆ น้อยๆ อาจจะเป็นสัญญาณของอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้นก็ได้ เช่น กระเพาะมีปัญหา หรือลำไส้แปรปรวน แต่เรากลับมองข้ามเพราะต้องรีบไปทำอย่างอื่นต่อ
ประเด็นต่อไป ความเข้าใจผิดว่าอาการบางอย่างเป็นเรื่องปกติ
อันนี้สำคัญมากเลยนะ บางทีเราคิดว่าอาการที่เราเป็นมัน normal เช่น ปวดหัวบ่อยๆ หรือท้องผูกเป็นประจำ ใครเคยคิดแบบนี้บ้าง ว่าปวดหัวน่ะ ใครๆ ก็เป็นกัน หรือท้องผูกน่ะ แค่ดื่มน้ำน้อย เดี๋ยวก็หาย แต่จริงๆ แล้ว อาการเหล่านี้มันอาจจะไม่ปกติอย่างที่เราคิด เช่น ปวดหัวบ่อยๆ อาจจะไม่ใช่แค่ความเครียดหรือนอนน้อย แต่อาจจะเป็นสัญญาณของความดันโลหิตสูง หรือปัญหาเกี่ยวกับสมองก็ได้ ส่วนท้องผูกเนี่ย อาจจะเป็นสัญญาณว่าระบบย่อยอาหารของเรามีปัญหา หรือบางทีอาจจะเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ในกรณีที่รุนแรงขึ้น แต่เพราะเราเข้าใจผิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เลยไม่ได้ไปตรวจให้แน่ใจ สุดท้ายอาจจะทำให้ปัญหามันลุกลามไปไกลโดยไม่รู้ตัว
สุดท้าย ความกลัวการพบโรค
อันนี้เป็นเหตุผลที่หลายคนอาจจะไม่ยอมรับ แต่ลึกๆ แล้วมันมีผลมากๆ นั่นคือ กลัว กลัวว่าถ้าไปตรวจสุขภาพแล้วจะเจออะไรร้ายแรง บางคนคิดว่า
รู้ไปก็เท่านั้น ไม่รู้ดีกว่า หรือบางคนกลัวว่าถ้าเจอโรคจริงๆ จะต้องเสียเงินรักษา เสียเวลา หรือต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเลย เช่น บางคนรู้สึกว่ามีอาการแปลกๆ ในร่างกาย แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปหาหมอ เพราะกลัวหมอบอกว่าเป็นอะไรร้ายแรง หรือบางคนรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดีอยู่แล้ว จะไปตรวจทำไมให้เสียเงิน ซึ่งความกลัวแบบนี้แหละที่ทำให้เราเลือกมองข้ามสัญญาณจากร่างกาย และปล่อยให้ปัญหามันสะสมไปเรื่อยๆ จนบางทีมันอาจจะสายเกินไป
สัญญาณสุขภาพที่มักถูกมองข้าม
รู้มั้ยว่าร่างกายของเราน่ะ เหมือนมีระบบแจ้งเตือนในตัว มันคอยส่งสัญญาณบอกว่า เฮ้ย มีอะไรไม่ปกติแล้วนะ แต่เราดันคิดว่า อ๋อ คงไม่เป็นไรหรอก เราจะมาเจาะลึกว่าสัญญาณสุขภาพที่มักถูกมองข้ามมีอะไรบ้าง และมันอาจจะบอกอะไรเกี่ยวกับร่างกายของเรา
1. นอนไม่หลับเรื้อรัง
ทุกคนเคยเป็นมั้ย นอนหลับยาก กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง หรือบางคืนตื่นมากลางดึกแล้วนอนต่อไม่ได้เลย บางคนอาจจะคิดว่า เออ คงเพราะเครียดนิดหน่อย หรือกาแฟที่กินตอนบ่าย แต่ถ้าอาการนอนไม่หลับมันเรื้อรัง เกิดขึ้นบ่อยๆ นานๆ อันนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ เพราะมันอาจจะเป็นสัญญาณของ ความเครียดสะสม หรือแม้แต่ ภาวะซึมเศร้า ก็ได้
บางทีร่างกายเรากำลังบอกว่า ระบบประสาทหรือสมดุลในร่างกายมันรวนแล้ว ลองสังเกตตัวเองดู ถ้ามีอาการแบบนี้นานเกิน 2-3 สัปดาห์ แนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอด้านจิตใจ หรือตรวจเช็กสุขภาพจิตดู จะได้รู้ว่าต้องปรับอะไรบ้าง
2. ปวดหัวบ่อย
ปวดหัวนี่คืออาการที่ทุกคนต้องเคยเจอแน่ๆ บางคนปวดตุบๆ ที่ขมับ บางคนปวดจี๊ดที่ท้ายทอย แล้วก็คิดว่า อ๋อ คงนอนน้อย หรือเครียดนิดหน่อย เดี๋ยวกินยาแก้ปวดก็หาย แต่ถ้าปวดหัวบ่อยๆ แบบเป็นประจำ โดยเฉพาะถ้าปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น ความดันโลหิตสูง ที่ทำให้เส้นเลือดในสมองทำงานหนัก หรืออาจจะเป็น ไมเกรน ที่ต้องรักษาด้วยวิธีเฉพาะ
ถ้าปวดหัวแล้วมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ ตาพร่ามัว หรือปวดข้างเดียวบ่อยๆ อย่าปล่อยไว้ ไปหาหมอเพื่อตรวจให้ชัวร์ดีกว่า
3. ผิวแห้งหรือมีผื่น
บางคนคิดว่า ผิวแห้งหรือมีผื่นแดงๆ คันๆ เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะหน้าหนาว หรืออาจจะแพ้อากาศนิดหน่อย แต่ถ้าผิวแห้งมากๆ หรือผื่นขึ้นบ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจจะเป็นสัญญาณของ ภูมิแพ้ หรือ ภาวะขาดน้ำ ในร่างกาย
บางครั้งผิวแห้งอาจจะบ่งบอกว่าร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามินเอ หรือโอเมก้า-3 หรือในกรณีที่รุนแรงกว่านั้น อาจจะเป็นสัญญาณของโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน ฉะนั้นถ้าผิวแห้งมาก หรือผื่นไม่หายสักที ลองไปพบแพทย์ผิวหนังดูนะ
4. ตัวเหลือง ตาเหลือง
อันนี้น่ากลัวหน่อย ถ้าสังเกตว่าผิวตัวเองหรือตาขาวเริ่มมีสีเหลืองๆ อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะมันอาจจะเป็นสัญญาณของ ปัญหาที่ตับ หรือ โรคดีซ่าน ตับเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักมาก ช่วยกรองสารพิษในร่างกาย ถ้ามันมีปัญหา เช่น ตับอักเสบ หรือมีนิ่วในถุงน้ำดี ร่างกายจะเริ่มสะสมสารบิลิรูบิน ทำให้ผิวและตาเหลือง
ถ้ามีอาการแบบนี้ รีบไปพบหมอเลย อย่ารอ เพราะตับเป็นอวัยวะสำคัญ ถ้าปล่อยไว้อาจจะลุกลามได้
5. ระบบขับถ่ายผิดปกติ
พูดถึงเรื่องขับถ่ายนี่ บางคนอาจจะเขิน แต่ฟังดีๆ นะ เพราะมันสำคัญมาก ถ้าท้องผูกบ่อย ท้องเสียบ่อย หรือถ่ายเป็นเลือด อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของ ลำไส้อักเสบ หรือในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น อาจจะเป็น มะเร็งลำไส้
เช่น ถ้าท้องผูกสลับท้องเสีย หรือรู้สึกว่าถ่ายไม่สุดเป็นประจำ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ลองปรับอาหาร ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วยังไม่หาย ควรไปตรวจลำไส้ให้ชัวร์ เพราะการตรวจพบเร็วจะช่วยได้เยอะเลย
6. น้ำหนักเปลี่ยนแปลงเร็ว
ใครเคยน้ำหนักขึ้นหรือลงแบบพรวดพราดมั้ย โดยที่ไม่ได้ตั้งใจลดหรือเพิ่มน้ำหนักเลย ถ้าเป็นแบบนี้ อาจจะเกี่ยวกับ ฮอร์โมน ที่รวน เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หรืออาจจะเป็นสัญญาณของ โรคเบาหวาน ที่ทำให้ร่างกายจัดการน้ำตาลได้ไม่ดี
ถ้าน้ำหนักเปลี่ยนแบบไม่มีเหตุผล เช่น ลงไป 5-10 กิโลในเวลาไม่กี่เดือน หรือบวมน้ำขึ้นมาเฉยๆ ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและฮอร์โมนดู จะได้รู้ว่ามีอะไรต้องแก้
7. เหน็บชา ตะคริวบ่อย
เคยมั้ย นั่งอยู่ดีๆ มือเท้าชา หรือกลางคืนตะคริวกินขา บางคนคิดว่าแค่นั่งท่าเดิมนานเกินไป หรือขาดการออกกำลังกาย แต่ถ้ามันเกิดบ่อยๆ อาจจะเป็นสัญญาณของ การขาดวิตามิน เช่น วิตามินบี หรือแมกนีเซียม หรืออาจจะเกี่ยวกับ ปัญหาเส้นประสาท เช่น ปลายประสาทอักเสบ
ถ้ามีอาการแบบนี้บ่อยๆ ลองเช็กอาหารที่กินว่าครบสารอาหารมั้ย หรือไปตรวจเลือดเพื่อดูระดับวิตามิน ถ้ายังไม่หาย อาจจะต้องปรึกษานักประสาทวิทยาดู
8. อ่อนเพลียเรื้อรัง
รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา เพลียๆ ไม่มีแรง แม้ว่านอนเยอะแล้วก็ยังไม่หาย อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของ ภาวะโลหิตจาง เพราะร่างกายขาดธาตุเหล็ก หรืออาจจะเป็น โรคเรื้อรัง อื่นๆ เช่น ไทรอยด์ทำงานน้อย หรือแม้แต่โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
ถ้าเพลียแบบไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น ไม่ได้ทำงานหนักหรือนอนน้อย ไปตรวจเลือดดูเลย จะได้รู้ว่าร่างกายขาดอะไร หรือมีอะไรที่ต้องรักษา
9. ปัสสาวะผิดปกติ
ถ้าปัสสาวะบ่อยเกินไป ปัสสาวะขัด หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ อันนี้อาจจะเกี่ยวกับ ไต หรือ ระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น อาจจะเป็นนิ่วในไต หรือติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
บางครั้งผู้หญิงอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการติดเชื้อเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้ามันเกิดบ่อยหรือมีอาการปวดร่วมด้วย อย่าปล่อยไว้ ไปพบแพทย์ทางเดินปัสสาวะเพื่อตรวจให้แน่ใจ
10. ไอเรื้อรัง เจ็บคอ
ไอบ่อย เจ็บคอค้าง หรือรู้สึกมีอะไรติดคออยู่ตลอด บางคนคิดว่าเป็นหวัด หรือแพ้อากาศ แต่ถ้าเป็นนานเกิน 2-3 สัปดาห์ อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของ โรคทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้รุนแรง หรือในบางกรณีอาจจะเป็น มะเร็งปอด หรือ วัณโรค
ถ้ามีอาการไอเรื้อรัง โดยเฉพาะถ้ามีเสมหะปนเลือด หรือเจ็บคอไม่หายสักที รีบไปหาหมอปอด หรือตรวจเอกซเรย์ปอดดูเลย
11. หลงลืมบ่อย
สุดท้าย เรื่องของความจำ ถ้าลืมอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็คงปกติ แต่ถ้าลืมบ่อยขึ้น เช่น ลืมชื่อคน ลืมของที่เพิ่งวางไว้ หรือสับสนกับเรื่องง่ายๆ อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ ภาวะสมองเสื่อม หรือปัญหาเกี่ยวกับสมอง
โดยเฉพาะถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือถ้าอายุมากขึ้น อย่าคิดว่าเป็นแค่เรื่องแก่ ลองไปปรึกษานักประสาทวิทยา หรือทำแบบทดสอบความจำดู จะได้รู้ว่าต้องดูแลสมองยังไงต่อ
สรุปแล้ว
สัญญาณสุขภาพที่เรามองข้ามเนี่ย มีเยอะมากเลย ตั้งแต่นอนไม่หลับ ปวดหัว ผิวแห้ง ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างตัวเหลืองหรือหลงลืมบ่อย สิ่งสำคัญคือเราต้องฟังร่างกายตัวเองให้มากขึ้น ถ้ามีอะไรที่รู้สึกแปลกๆ อย่าคิดว่าเดี๋ยวมันก็หายเอง ลองจดบันทึกอาการไว้ แล้วไปปรึกษาหมอให้ชัวร์ เพราะการเจอปัญหาเร็วเท่ากับมีโอกาสรักษาได้ทัน
(ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการสรุปจาก บทความของ โรงพยาบาลรามคำแหง และ มูลนิธิหมอชาวบ้าน )
ลองเช็กตัวเองดู ว่ามีสัญญาณอะไรที่กำลังบอกว่าเราต้องพักบ้างมั้ย ถ้ามี อย่าลืมให้เวลาตัวเองได้หายใจบ้าง อย่าฝืนจนเกินไป มาช่วยกันสร้างสมดุลให้ชีวิตทั้งเรื่องงานและสุขภาพกันเถอะ ถ้าชอบ อย่าลืมกดแชร์ให้คนที่เคยฝืนทำงานตอนไม่ไหว ให้ดูแลตัวเองบ้างนะ
เมื่อร่างกายพูด... แต่เราดันไม่ฟัง (รวมสัญญาณสุขภาพที่มักถูกมองข้าม)
บ่อยครั้งที่ร่างกายของเราส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เรามักมองข้าม หรือคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ จนกระทั่งอาการเหล่านั้นลุกลามและกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้น การเรียนรู้ที่จะ "ฟัง" สิ่งที่ร่างกายพยายามจะบอก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว สัญญาณเหล่านี้อาจดูเหมือนไม่สำคัญในตอนแรก แต่แท้จริงแล้วมันคือเสียงเตือนที่กำลังบอกให้เราหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น
อย่างแรกเลย ความเคยชินกับความเหนื่อยล้า หรืออาการเจ็บป่วยเล็กน้อย
ทุกคนเคยเป็นมั้ย เหนื่อยๆ เพลียๆ รู้สึกว่าร่างกายมันไม่ค่อยสดชื่น แต่ก็คิดว่า เออ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็หาย อาจจะเพราะเรานอนน้อย ทำงานหนัก หรือกินอะไรไม่ดีมา ซึ่งมันจริงแหละ บางครั้งร่างกายแค่ต้องการพักผ่อน แต่ปัญหาคือเราดันเคยชินกับความรู้สึกแบบนี้ไปแล้ว เหมือนร่างกายส่งสัญญาณมา แต่เรากดปุ่ม ignore ไปเลย เพราะคิดว่า อ๋อ มันก็แค่เหนื่อยปกติ หรือปวดเมื่อยธรรมดา
เช่น บางคนรู้สึกเพลียทุกวันหลังเลิกงาน ก็คิดว่า โอเค ทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละ แต่จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นสัญญาณว่าร่างกายขาดสารอาหาร หรืออาจจะมีปัญหาเรื่องการพักผ่อนที่ลึกกว่านั้นก็ได้ การที่เราเคยชินกับความเหนื่อยล้าเนี่ย มันเหมือนเป็นการปรับตัวให้ชินกับความไม่ปกติ ซึ่งระยะยาวอาจจะทำให้เรามองข้ามปัญหาสุขภาพที่ใหญ่กว่านั้นได้นะ
ต่อมา ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน
พูดถึงชีวิตประจำวันของเรากัน ทุกวันนี้ชีวิตมันเร็วมากกก ใช่มั้ย(สงครามส่ง(ตัวเองไปทำงาน)ด่วน) ตื่นเช้ามา ต้องรีบไปทำงาน ประชุม ทำนู่นนี่นั่น บางวันกินข้าวยังแทบไม่มีเวลา แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งสังเกตตัวเองว่า เฮ้ย วันนี้หัวใจเต้นแปลกๆ ไปหน่อย หรือท้องมันปั่นป่วนนิดนึง ความเร่งรีบเนี่ย มันทำให้เราไม่มีเวลามานั่งฟังร่างกายตัวเองเลย เหมือนร่างกายส่งสัญญาณมา แต่เรายุ่งเกินกว่าจะได้ยิน ตัวอย่างง่ายๆ เลย บางคนปวดท้องนิดๆ ระหว่างวัน ก็คิดว่า เดี๋ยวค่อยกินยา หรือเดี๋ยวมันก็หาย แต่จริงๆ อาการปวดท้องเล็กๆ น้อยๆ อาจจะเป็นสัญญาณของอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้นก็ได้ เช่น กระเพาะมีปัญหา หรือลำไส้แปรปรวน แต่เรากลับมองข้ามเพราะต้องรีบไปทำอย่างอื่นต่อ
ประเด็นต่อไป ความเข้าใจผิดว่าอาการบางอย่างเป็นเรื่องปกติ
อันนี้สำคัญมากเลยนะ บางทีเราคิดว่าอาการที่เราเป็นมัน normal เช่น ปวดหัวบ่อยๆ หรือท้องผูกเป็นประจำ ใครเคยคิดแบบนี้บ้าง ว่าปวดหัวน่ะ ใครๆ ก็เป็นกัน หรือท้องผูกน่ะ แค่ดื่มน้ำน้อย เดี๋ยวก็หาย แต่จริงๆ แล้ว อาการเหล่านี้มันอาจจะไม่ปกติอย่างที่เราคิด เช่น ปวดหัวบ่อยๆ อาจจะไม่ใช่แค่ความเครียดหรือนอนน้อย แต่อาจจะเป็นสัญญาณของความดันโลหิตสูง หรือปัญหาเกี่ยวกับสมองก็ได้ ส่วนท้องผูกเนี่ย อาจจะเป็นสัญญาณว่าระบบย่อยอาหารของเรามีปัญหา หรือบางทีอาจจะเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ในกรณีที่รุนแรงขึ้น แต่เพราะเราเข้าใจผิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เลยไม่ได้ไปตรวจให้แน่ใจ สุดท้ายอาจจะทำให้ปัญหามันลุกลามไปไกลโดยไม่รู้ตัว
สุดท้าย ความกลัวการพบโรค
อันนี้เป็นเหตุผลที่หลายคนอาจจะไม่ยอมรับ แต่ลึกๆ แล้วมันมีผลมากๆ นั่นคือ กลัว กลัวว่าถ้าไปตรวจสุขภาพแล้วจะเจออะไรร้ายแรง บางคนคิดว่า รู้ไปก็เท่านั้น ไม่รู้ดีกว่า หรือบางคนกลัวว่าถ้าเจอโรคจริงๆ จะต้องเสียเงินรักษา เสียเวลา หรือต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเลย เช่น บางคนรู้สึกว่ามีอาการแปลกๆ ในร่างกาย แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปหาหมอ เพราะกลัวหมอบอกว่าเป็นอะไรร้ายแรง หรือบางคนรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดีอยู่แล้ว จะไปตรวจทำไมให้เสียเงิน ซึ่งความกลัวแบบนี้แหละที่ทำให้เราเลือกมองข้ามสัญญาณจากร่างกาย และปล่อยให้ปัญหามันสะสมไปเรื่อยๆ จนบางทีมันอาจจะสายเกินไป
รู้มั้ยว่าร่างกายของเราน่ะ เหมือนมีระบบแจ้งเตือนในตัว มันคอยส่งสัญญาณบอกว่า เฮ้ย มีอะไรไม่ปกติแล้วนะ แต่เราดันคิดว่า อ๋อ คงไม่เป็นไรหรอก เราจะมาเจาะลึกว่าสัญญาณสุขภาพที่มักถูกมองข้ามมีอะไรบ้าง และมันอาจจะบอกอะไรเกี่ยวกับร่างกายของเรา
1. นอนไม่หลับเรื้อรัง
ทุกคนเคยเป็นมั้ย นอนหลับยาก กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง หรือบางคืนตื่นมากลางดึกแล้วนอนต่อไม่ได้เลย บางคนอาจจะคิดว่า เออ คงเพราะเครียดนิดหน่อย หรือกาแฟที่กินตอนบ่าย แต่ถ้าอาการนอนไม่หลับมันเรื้อรัง เกิดขึ้นบ่อยๆ นานๆ อันนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ เพราะมันอาจจะเป็นสัญญาณของ ความเครียดสะสม หรือแม้แต่ ภาวะซึมเศร้า ก็ได้
บางทีร่างกายเรากำลังบอกว่า ระบบประสาทหรือสมดุลในร่างกายมันรวนแล้ว ลองสังเกตตัวเองดู ถ้ามีอาการแบบนี้นานเกิน 2-3 สัปดาห์ แนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอด้านจิตใจ หรือตรวจเช็กสุขภาพจิตดู จะได้รู้ว่าต้องปรับอะไรบ้าง
2. ปวดหัวบ่อย
ปวดหัวนี่คืออาการที่ทุกคนต้องเคยเจอแน่ๆ บางคนปวดตุบๆ ที่ขมับ บางคนปวดจี๊ดที่ท้ายทอย แล้วก็คิดว่า อ๋อ คงนอนน้อย หรือเครียดนิดหน่อย เดี๋ยวกินยาแก้ปวดก็หาย แต่ถ้าปวดหัวบ่อยๆ แบบเป็นประจำ โดยเฉพาะถ้าปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น ความดันโลหิตสูง ที่ทำให้เส้นเลือดในสมองทำงานหนัก หรืออาจจะเป็น ไมเกรน ที่ต้องรักษาด้วยวิธีเฉพาะ
ถ้าปวดหัวแล้วมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ ตาพร่ามัว หรือปวดข้างเดียวบ่อยๆ อย่าปล่อยไว้ ไปหาหมอเพื่อตรวจให้ชัวร์ดีกว่า
3. ผิวแห้งหรือมีผื่น
บางคนคิดว่า ผิวแห้งหรือมีผื่นแดงๆ คันๆ เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะหน้าหนาว หรืออาจจะแพ้อากาศนิดหน่อย แต่ถ้าผิวแห้งมากๆ หรือผื่นขึ้นบ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจจะเป็นสัญญาณของ ภูมิแพ้ หรือ ภาวะขาดน้ำ ในร่างกาย
บางครั้งผิวแห้งอาจจะบ่งบอกว่าร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามินเอ หรือโอเมก้า-3 หรือในกรณีที่รุนแรงกว่านั้น อาจจะเป็นสัญญาณของโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน ฉะนั้นถ้าผิวแห้งมาก หรือผื่นไม่หายสักที ลองไปพบแพทย์ผิวหนังดูนะ
4. ตัวเหลือง ตาเหลือง
อันนี้น่ากลัวหน่อย ถ้าสังเกตว่าผิวตัวเองหรือตาขาวเริ่มมีสีเหลืองๆ อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะมันอาจจะเป็นสัญญาณของ ปัญหาที่ตับ หรือ โรคดีซ่าน ตับเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักมาก ช่วยกรองสารพิษในร่างกาย ถ้ามันมีปัญหา เช่น ตับอักเสบ หรือมีนิ่วในถุงน้ำดี ร่างกายจะเริ่มสะสมสารบิลิรูบิน ทำให้ผิวและตาเหลือง
ถ้ามีอาการแบบนี้ รีบไปพบหมอเลย อย่ารอ เพราะตับเป็นอวัยวะสำคัญ ถ้าปล่อยไว้อาจจะลุกลามได้
5. ระบบขับถ่ายผิดปกติ
พูดถึงเรื่องขับถ่ายนี่ บางคนอาจจะเขิน แต่ฟังดีๆ นะ เพราะมันสำคัญมาก ถ้าท้องผูกบ่อย ท้องเสียบ่อย หรือถ่ายเป็นเลือด อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของ ลำไส้อักเสบ หรือในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น อาจจะเป็น มะเร็งลำไส้
เช่น ถ้าท้องผูกสลับท้องเสีย หรือรู้สึกว่าถ่ายไม่สุดเป็นประจำ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ลองปรับอาหาร ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วยังไม่หาย ควรไปตรวจลำไส้ให้ชัวร์ เพราะการตรวจพบเร็วจะช่วยได้เยอะเลย
6. น้ำหนักเปลี่ยนแปลงเร็ว
ใครเคยน้ำหนักขึ้นหรือลงแบบพรวดพราดมั้ย โดยที่ไม่ได้ตั้งใจลดหรือเพิ่มน้ำหนักเลย ถ้าเป็นแบบนี้ อาจจะเกี่ยวกับ ฮอร์โมน ที่รวน เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หรืออาจจะเป็นสัญญาณของ โรคเบาหวาน ที่ทำให้ร่างกายจัดการน้ำตาลได้ไม่ดี
ถ้าน้ำหนักเปลี่ยนแบบไม่มีเหตุผล เช่น ลงไป 5-10 กิโลในเวลาไม่กี่เดือน หรือบวมน้ำขึ้นมาเฉยๆ ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและฮอร์โมนดู จะได้รู้ว่ามีอะไรต้องแก้
7. เหน็บชา ตะคริวบ่อย
เคยมั้ย นั่งอยู่ดีๆ มือเท้าชา หรือกลางคืนตะคริวกินขา บางคนคิดว่าแค่นั่งท่าเดิมนานเกินไป หรือขาดการออกกำลังกาย แต่ถ้ามันเกิดบ่อยๆ อาจจะเป็นสัญญาณของ การขาดวิตามิน เช่น วิตามินบี หรือแมกนีเซียม หรืออาจจะเกี่ยวกับ ปัญหาเส้นประสาท เช่น ปลายประสาทอักเสบ
ถ้ามีอาการแบบนี้บ่อยๆ ลองเช็กอาหารที่กินว่าครบสารอาหารมั้ย หรือไปตรวจเลือดเพื่อดูระดับวิตามิน ถ้ายังไม่หาย อาจจะต้องปรึกษานักประสาทวิทยาดู
8. อ่อนเพลียเรื้อรัง
รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา เพลียๆ ไม่มีแรง แม้ว่านอนเยอะแล้วก็ยังไม่หาย อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของ ภาวะโลหิตจาง เพราะร่างกายขาดธาตุเหล็ก หรืออาจจะเป็น โรคเรื้อรัง อื่นๆ เช่น ไทรอยด์ทำงานน้อย หรือแม้แต่โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
ถ้าเพลียแบบไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น ไม่ได้ทำงานหนักหรือนอนน้อย ไปตรวจเลือดดูเลย จะได้รู้ว่าร่างกายขาดอะไร หรือมีอะไรที่ต้องรักษา
9. ปัสสาวะผิดปกติ
ถ้าปัสสาวะบ่อยเกินไป ปัสสาวะขัด หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ อันนี้อาจจะเกี่ยวกับ ไต หรือ ระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น อาจจะเป็นนิ่วในไต หรือติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
บางครั้งผู้หญิงอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการติดเชื้อเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้ามันเกิดบ่อยหรือมีอาการปวดร่วมด้วย อย่าปล่อยไว้ ไปพบแพทย์ทางเดินปัสสาวะเพื่อตรวจให้แน่ใจ
10. ไอเรื้อรัง เจ็บคอ
ไอบ่อย เจ็บคอค้าง หรือรู้สึกมีอะไรติดคออยู่ตลอด บางคนคิดว่าเป็นหวัด หรือแพ้อากาศ แต่ถ้าเป็นนานเกิน 2-3 สัปดาห์ อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณของ โรคทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้รุนแรง หรือในบางกรณีอาจจะเป็น มะเร็งปอด หรือ วัณโรค
ถ้ามีอาการไอเรื้อรัง โดยเฉพาะถ้ามีเสมหะปนเลือด หรือเจ็บคอไม่หายสักที รีบไปหาหมอปอด หรือตรวจเอกซเรย์ปอดดูเลย
11. หลงลืมบ่อย
สุดท้าย เรื่องของความจำ ถ้าลืมอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็คงปกติ แต่ถ้าลืมบ่อยขึ้น เช่น ลืมชื่อคน ลืมของที่เพิ่งวางไว้ หรือสับสนกับเรื่องง่ายๆ อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ ภาวะสมองเสื่อม หรือปัญหาเกี่ยวกับสมอง
โดยเฉพาะถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือถ้าอายุมากขึ้น อย่าคิดว่าเป็นแค่เรื่องแก่ ลองไปปรึกษานักประสาทวิทยา หรือทำแบบทดสอบความจำดู จะได้รู้ว่าต้องดูแลสมองยังไงต่อ
สรุปแล้ว
สัญญาณสุขภาพที่เรามองข้ามเนี่ย มีเยอะมากเลย ตั้งแต่นอนไม่หลับ ปวดหัว ผิวแห้ง ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างตัวเหลืองหรือหลงลืมบ่อย สิ่งสำคัญคือเราต้องฟังร่างกายตัวเองให้มากขึ้น ถ้ามีอะไรที่รู้สึกแปลกๆ อย่าคิดว่าเดี๋ยวมันก็หายเอง ลองจดบันทึกอาการไว้ แล้วไปปรึกษาหมอให้ชัวร์ เพราะการเจอปัญหาเร็วเท่ากับมีโอกาสรักษาได้ทัน
(ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการสรุปจาก บทความของ โรงพยาบาลรามคำแหง และ มูลนิธิหมอชาวบ้าน )